ประธานวิปฝ่ายค้าน ซัดประธานที่ประชุมร่วมรวบรัดตัดสิทธิสมาชิกอภิปราย แถมนำปราบจ]าจลคุมคุกคามสุดอัปยศ มีแต่ยุคทรราชย์ที่ทำ ยันไม่เอาด้วยแก้ที่มา ส.ว.แผนยึดสภาสูงซูเอี๋ยประโยชน์ อภิมหาฮั้วการเมือง ฉะ “สมศักดิ์” มีใบสั่งทีไรเป๋ทุกครั้ง ลั่น 57 สมาชิกต้องได้แปรญัตติ ด้านวิป 3 ฝ่ายถกก่อนเปิดประชุม “เจริญ” เผยยอมแล้วให้จ้อแต่ต้องตั้งแต่มาตรา 2 ไม่รื้อเหตุวุ่นคุยอีก พร้อมกำชับงดประท้วงถ้าไม่จำเป็น ยันต้องจบพรุ่งนี้ “จุรินทร์” โอเค
วันนี้ (21 ส.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายในการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นเพราะการทำหน้าที่ของประธานในที่ประชุมเป็นหลัก เพราะมีประธานที่พยายามรวบรัดและตัดสิทธิสมาชิกในการที่จะอภิปราย โดยเฉพาะประเด็นที่ ส.ส.ฝ่ายค้านจำนวน 57 คน ที่ได้สงวนคำแปรญัตติไว้และมีการกล่าวอ้างว่าขัดหลักการ แต่สมาชิกยังไม่ได้แสดงเหตุผลว่าไม่ขัดหลักการอย่างไร จึงทำให้เกิดประเด็นปัญหาที่ทำให้การประชุมไม่ราบรื่น รวมทั้งการวินิจฉัยของประธานทั้ง 2 คนที่ไม่ตรงกัน ประกอบกับเกิดกรณีซ้ำซ้อนที่ประธานรัฐสภาเป็นผู้ดำเนินการให้มีตำรวจปราบจ]าจลเข้ามาในรัฐสภา ซึ่งเป็นการคุกคามการทำหน้าที่ของสมาชิก เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยกเว้นยุคทรราชและยุคเผด็จการเท่านั้น ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก
นายจุรินทร์กล่าวว่า ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มา ส.ว.เพราะมองว่าเป็นแผนการที่จะยึดสภาสูงหลังการเลือกตั้ง เป็นเรื่องผลัดกันเกาหลัง และเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างรัฐบาลกับ ส.ว.ชุดปัจจุบันบางคนโดยเปิดโอกาสให้ลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่ ให้บุพการี ภรรยา บุตรของ ส.ว.ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ซึ่งเรามองว่าวิธีการแบบนี้ไม่ถูกต้องเป็นอภิมหาฮั้วกันทางการเมือง เป็นเรื่องที่ไม่ควรให้ปล่อยผ่านไปง่ายๆ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยก็จะอยู่ในมือของคนที่จะพาประเทศไทยย้อนยุค เพราะปัญหาก่อนเกิดเหตุการณ์ 19 ก.ย. 2549 ก็เป็นแบบนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าเหตุการณ์การประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ถือเป็นความอัปยศของรัฐสภา นายจุรินทร์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่สร้างความอัปยศคือ การใช้ตำรวจปราบจราจลมาข่มขู่คุกคามการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา คิดว่าเป็นสิ่งที่เราต้องไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ประธานรัฐสภาต้องไม่สมยอมเห็นดีเห็นงามกับการดำเนินการลักษณะนี้ ไม่เช่นนั้นเราจะเหมือนยุคทรราชย์ ประธานรัฐสภาต้องรักษาควาศักดิ์สิทธิ์ ต้องปกป้องการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา
“การทำหน้าที่ของประธานในที่ประชุมอย่าไปรวบรัด มีใบสั่งทีไรประธานปฏิบัติหน้าที่เป๋ทุกครั้ง ถ้าเป็นวาระปกติไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้าเรื่องสำคัญมีใบสั่งประธานลนทุกครั้ง ซึ่งผมคิดว่าประธานคือคนแรกที่ต้องปรับตัวในการควบคุมการประชุมให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญไม่ใช่กังวลอยู่กับใบสั่ง ต้องเปิดโอกาสให้สมาชิกที่สงวนคำแปรญัตติได้แสดงความเห็นอย่างทั่วถึง ซึ่งฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ภายใต้รัฐธรรมนูญ” นายจุรินทร์กล่าว
เมื่อถามว่า หากสมาชิกรัฐสภา 57 คนไม่สามารถอภิปรายมาตราอื่นๆ ได้ การประชุมรัฐสภาจะเดินหน้าได้หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า คงไม่สามารถตอบล่วงหน้าได้ แต่ประธานที่ประชุมต้องทบทวนเพราะสิ่งที่ประธานบังคับผิดข้อบังคับการประชุมและขัดต่อรัฐธรรมนูญมาสั่งให้เขาไม่ให้อภิปรายแบบนี้ไมได้ เมื่อถามว่าที่ประชุมรัฐสภาได้ใช้เสียงข้างมากลงมติตัดสิทธิสมาชิกรัฐสภาทั้ง 57 คนที่เสนอคำแปรญัตติขัดหลักการแห่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้วจะให้ย้อนมติข้างมากเพื่อให้ทั้ง 57 คนได้ใช้สิทธิได้อย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นปัญหาในที่สุดจะเป็นลิงแก้แห อย่างไรก็ตาม ในมาตราต่อๆ ไป คนที่ขอสงวนคำแปรญัตติไว้หากเปิดโอกาสให้เขาแสดงความเห็นทุกอย่างจะเดินหน้าไปได้ แต่ถ้าจำกัดสิทธิจะเกิดปัญหา
เมื่อถามว่า การลงมติในมาตรา 1 ถือว่าประธานรัฐสภาทำผิดแล้วหรือยัง นายจุรินทร์กล่าวว่า จะมีการย้อนกลับมาทบทวนหลายเรื่องในความพยายามรวบรัดการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ถูกต้องตั้งแต่วาระที่หนึ่ง สะท้อนให้เห็นว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระ หากเดินหน้าต่อไปจะมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายตามมาในอนาคต เมื่อถามว่า ความต้องของพรรคประชาธิปัตย์ คือการคืนสิทธิสมาชิกรัฐสภาทั้ง 57 คนได้อภิปราย จะถือว่าเป็นการทำผิดข้อบังคับการประชุมหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวสั้นๆ ว่า “อย่างน้อยในมาตราอื่นๆ ต้องให้เขาได้สิทธิอภิปราย” ก่อนที่จะเดินเลี่ยงผู้สื่อข่าวออกไป และไม่ตอบคำถามใดๆ แม้จะมีการถามย้ำว่าหากทำเช่นนั้นจะเป็นการทำผิดข้อบังคับหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุมได้มีการหารือระหว่างตัวแทนของวิป 3 ฝ่าย โดยนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน นายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล นายประวัติ ทองสมบูรณ์ ส.ว.มหาสารคาม และนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ส.ว.ชลบุรี ที่ห้องวิปฝ่ายค้าน โดยนายเจริญซึ่งเป็นพยานการหารือได้เปิดเผยภายหลังการหารือของวิปทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อกำหนดกรอบเวลาและเนื้อหาการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าทั้ง 3 ฝ่ายเห็นตรงกันที่จะอนุญาตให้สมาชิกทุกคนที่สงวนคำแปรญัตติได้มีโอกาสอภิปรายในมาตราที่เสนอให้มีการแก้ไขอย่างเต็มที่ ซึ่งรวมถึง 57 คนที่ถูกตัดสิทธิ์การอภิปรายก่อนหน้านี้ แต่จะสามารถอภิปรายได้เฉพาะมาตรา 2 เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุม
นายเจริญกล่าวว่า พร้อมกันนี้จะไม่หยิบยกประเด็นที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในการประชุมรัฐสภาเมื่อวานนี้มาพูดในที่ประชุมอีก เพื่อยุติปัญหาและให้การประชุมสามารถเดินหน้าได้ โดยขอให้เลิกแล้วต่อกัน นอกจากนี้ ทุกฝ่ายจะกำชับสมาชิกของตนเองให้อภิปรายในกรอบของกฎหมายและงดการประท้วงที่ไม่จำเป็น ซึ่งมั่นใจว่าหากทุกฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงจะทำให้การประชุมดีกว่าเมื่อวาน อย่างไรก็ตามให้ประธานวิปรัฐบาลคุยกับสมาชิกฝ่ายรัฐบาลลดประท้วง ส่วนฝ่ายวุฒิสภาก็ให้ชี้แจงสมาชิกเพื่อทำความเข้าใจ โดยการประชุมจะต้องจบภายในเวลา 22.00 น.ของวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าไม่จบก็ต้องเลื่อนไปเป็นสัปดาห์หน้า
ด้านนายจุรินทร์พอใจในข้อตกลงโดยเฉพาะประเด็นที่เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายอย่างเต็มที่ พร้อมคาดหวังว่าประธานในที่ประชุมจะปฏิบัติตามข้อเสนอทั้ง 3 ฝ่าย ซึ่งยืนยันว่าหากเป็นไปตามนี้บรรยากาศการประชุมก็จะราบรื่น เพราะไม่มีคนประท้วง เนื่องจากประเด็นนี้เป็นเรื่องเดียวที่ฝ่ายค้านติดใจ