xs
xsm
sm
md
lg

ถกแก้ รธน.ส่อวุ่นอีก 2 ฝ่ายยังแรง วิปรัฐลั่นแปรญัตติขัดหลักการห้ามพูด ปชป.จี้ต้องคืนสิทธิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นิคม ไวยรัชพานิช (แฟ้มภาพ)
ประชุมร่วมรัฐสภาถกแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่อวุ่นอีก “นิคม” ลั่นจะทำหน้าที่ประธานการประชุมตามข้อบังคับอย่างเข้มงวด ไม่ยอมให้คนที่แปรญัตติขัดกับหลักการอภิปราย เชื่อวันนี้คงทุลักทุเลเหมือนเดิม เช่นเดียวกับประธานวิปรัฐบาล จี้ประธานฯ คุมเข้มการประชุม ใครไม่ใช้สิทธิอภิปรายให้ข้ามไปเลย ไม่หวั่น ปชป.วอล์กเอาต์ เพราะเสียงโหวตพอ ขณะที่ฝ่ายค้านเสียงแข็งไม่ยอม ถ้าประธานฯ ไม่คืนสิทธิ 57 ส.ส.ที่ขอสงวนคำแปรญัตติไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ... เกี่ยวกับที่มาของ ส.ว.วาระ 2 วันนี้ (21 ส.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 2 จะเริ่มเวลา 09.30 น.ภายหลัง นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา ได้สั่งพักการประชุมเมื่อเวลา 21.39 น.เมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากไม่สามารถเดินหน้าพิจารณาต่อได้เพราะมีการประท้วงไปมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ประชุมได้ลงมติผ่านมาตรา 1 ชื่อของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยเสียงข้างมาก 339 ต่อ 6 เสียง ล่าสุดบรรดาสมาชิกรัฐสภา เริ่มทยอยเดินทางเพื่อเตรียมตัวประชุมแล้ว

อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุมมีการประชุมวิป 3 ฝ่าย ในเวลา 09.00 น.เพื่อหาจุดร่วมกันในการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ หลังจากเกิดเหตุวุ่นวายในการประชุมวันแรกเพื่อให้สามารถดำเนินต่อไปได้

นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา กล่าวว่า ในเมื่อ ส.ส.ไม่ยอมรับการแปรญัตติว่าขัดต่อหลักการ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายค้านใช้วิธีการประท้วงเพื่อให้สภาเดินต่อไปไม่ได้ เมื่อไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ก็วิ่งมาหน้าบัลลังก์ เป็นภาพที่ไม่น่าดูที่มี รปภ. มาปกป้องประธาน ขณะนี้กติกาการประชุมแทบจะไม่เหลือแล้ว และในวันนี้ก็คิดว่าน่าจะออกมาในรูปแบบเดิมอีก เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน บอกแล้วว่าไม่ยอมรับในตัวประธานที่ทำหน้าที่ทั้ง 2 คน ทำให้การประชุมเดินไปแบบทุลักทุเล ซึ่งก็ต้องเด็ดขาดจึงจะสามารถประชุมได้ ทั้งนี้ ในส่วนวิป 3 ฝ่ายก็จะพยายามคุยกันในช่วงเช้า เพื่อให้สภาเดินหน้าต่อไปได้

นายนิคมยังกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลเข้ามารักษาความปลอดภัยบริเวณหน้ารัฐสภา ว่าเป็นความหวังดีของข้าราชการในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ที่ต้องมีคนมาดูแลด้านนอก และความจริงได้ขอความร่วมมือจาก สน.ในพื้นที่ มาดูแลจะดูนุ่มนวลกว่า ทั้งนี้ ไม่มีเจตนาคุกคามอย่างแน่นอน

นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาการอภิปรายในวาระ 2 ได้ โดยจะปล่อยให้สมาชิกอภิปรายต่อไปเรื่อยๆ โดยในเวลา 09.00 น. นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ได้นัดประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อจะขอหารือกำหนดกรอบเวลา เชื่อว่าหลังจากหารือแล้วจะสามารถหาทางออกได้

นายอำนวยยืนยันว่า ประธานรัฐสภา ต้องทำหน้าที่ควบคุมการประชุมตามมาตรา 5 และต้องให้สมาชิกที่ขอแปรญัตติได้อภิปรายตามเจตนารมณ์ที่วางไว้ โดยตนเองจะเสนอต่อประธานรัฐสภาให้ใช้ข้อบังคับ หากสมาชิกรัฐสภาคนใดไม่ยอมอภิปราย จะให้ขานชื่อข้ามทันที เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลอื่น เพราะถือว่าไม่ใช้สิทธิ์ ส่วนจะมีการประชุมร่วมรัฐสภา 3 วัน หรือไม่นั้น ต้องดูการประชุมในแต่ละวันก่อน จึงอยากขอสมาชิกรัฐสภาทุกคน ยึดข้อบังคับให้เคร่งครัด เพื่อให้การประชุมเดินหน้าได้ และแม้ประชาธิปัตย์ จะวอล์กเอาต์ออกจากที่ประชุม เสียงโหวตก็เพียงพอ

นายอำนวยยังอ้างว่า เมื่อวานนี้ไม่มีตำรวจปราบจลาจล 1 กองร้อย เข้ามาในสภา เพราะมีตำรวจสภาอยู่แล้ว อีกทั้งประธานสภาก็เป็นคนสั่งให้ตำรวจเข้ามาในห้องประชุม โดยยืนยัน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ขณะที่นายนคร มาฉิม รองประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ประธานรัฐสภา ควรคืนสิทธิ์ให้กับผู้แปรญัตติทั้ง 57 คน เพราะการตัดสิทธิ์ไม่ให้ ส.ส.พูดเป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ถ้าประธานรัฐสภาไม่คืนสิทธิ์ เชื่อว่าสภาจะเดินหน้าต่อไปได้ยาก และจะเกิดความโกลาหลวุ่นวาย ส.ส.คงจะทวงถามสิทธิ์ ทั้งนี้ ในช่วงเช้าคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้านจะปรึกษากันว่าจะเข้าร่วมประชุมวิป 3 ฝ่ายหรือไม่ ตอนนี้จะไปกำหนดท่าทีอย่างไรคงยาก ถ้าไม่คืนสิทธิ์โดยชอบธรรมก็ถือเป็นการหักด้ามพร้าด้วยเข่า

นายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ และในฐานะวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่าการที่ประธานรัฐสภา ตัดสิทธิ์ 57 สมาชิกรัฐสภา ที่ได้แปรญัตติ โดยระบุว่าขัดกับหลักการนั้น ประธานรัฐสภาไม่ให้โอกาสชี้แจงถึงเหตุผลในการแปรญัตติ และไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย รวมถึงมีการเร่งรัดการประชุม ดังนั้นจึงอยากแนะนำว่าควรให้แต่ละฝ่ายทำหน้าที่ก่อน อีกทั้งการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภาเมื่อวาน ยังขาดวุฒิภาวะ และควบคุมการประชุมไม่ได้ โดยเฉพาะการทำหน้าที่ประธานของนายนิคม ไวยรัชพานิช จนทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น

นอกจากนี้ การให้ตำรวจปราบจราจลเข้ามาในสภา 1 กองร้อย ยังถือเป็นเรื่องใหญ่ และไม่เคยมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น ถือเป็นการใช้อำนาจโดยพลการ จึงขอแนะนำให้ดำเนินการตามขั้นตอน และอย่ารวบรัดตัดสิน ยืนยันว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะยังไม่ดำเนินใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงไม่วอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม เพราะเรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานรัฐสภา ที่จะต้องให้อยู่ในขั้นตอน


กำลังโหลดความคิดเห็น