xs
xsm
sm
md
lg

คนไม่เห็นด้วย “รัฐคุม Line/ขู่กด Like ติดคุก” ชี้ละเมิดสิทธิเสรีภาพพื้นฐานประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการ – นิด้าโพลเผยผลสำรวจ “สื่อออนไลน์กับความมั่นคงของชาติและรัฐบาล” พบคนส่วนใหญ่เกือบ 3 ใน 4 ไม่เห็นด้วยตำรวจเตรียมคุมการสื่อสารผ่าน “แอปฯ ไลน์” โดยอ้างกระทบความมั่นคง ขณะที่มากกว่า 2 ใน 3 ไม่เห็นด้วยรัฐบาลห้ามกด “ไลค์/แชร์” ข้อมูลกระทบความมั่นคงรัฐในเฟซบุ๊ก ชี้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และปิดกั้นเสรีภาพขั้นพื้นฐานมากเกินไป

วันนี้ (15 ส.ค.) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง สื่อออนไลน์กับความมั่นคงของชาติและรัฐบาล ซึ่งทำการสำรวจระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม 2556 จากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,232 หน่วยตัวอย่าง ที่ใช้สื่อออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ จากกรณีกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท.ประกาศจับตาเฝ้าระวังควบคุมสื่อออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ หลังจากมีการปล่อยข่าวเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติและรัฐบาล เช่น ข่าวลือเกี่ยวกับการปฏิวัติ รัฐประหาร โดยอ้างว่ากระทบต่อความมั่นคงของชาติ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ถึงสิทธิส่วนบุคคล

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อการที่ตำรวจเตรียมควบคุมการสื่อสารผ่านแอปพลิเคชัน ไลน์ (Line) โดยอ้างว่ากระทบต่อความมั่นคงของชาติ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 73.54 ระบุว่าไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในการรับรู้ข่าวสาร ขณะที่ ร้อยละ 20.29 เห็นด้วย เพราะถ้าเป็นข้อมูลที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงฯจริง ก็ควรจะมีการตรวจสอบ และร้อยละ 0.08 ไม่แน่ใจ/ไม่ระบุ

เมื่อถามถึง ความคิดเห็นต่อการห้ามไม่ให้กดไลค์ (Like)/แชร์ (Share) ข้อมูลที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐบาลในสื่อออนไลน์ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 68.18 ระบุว่า ไม่สมควร เพราะรัฐบาลไม่ควรปิดกั้นประชาชน เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานมากเกินไป ประชาชนควรที่จะมีสิทธิในการรับรู้ข่าวสารต่างๆ ตามระบอบประชาธิปไตย ขณะที่ร้อยละ 23.78 ระบุว่า สมควร เพราะหากมีข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐบาลรั่วไหลออกไป อาจจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศในเชิงลบ และสังคมออนไลน์การเผยแพร่ข้อมูลเป็นอย่างรวดเร็ว และยากต่อการตรวจสอบ และร้อยละ 0.16 ไม่แน่ใจ/ไม่ระบุ

ท้ายสุด ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.40 เห็นด้วยกับข้อความ “กดไลค์ (Like) ไม่ใช่อาชญากรรม” รองลงมา ร้อยละ 39.20 ไม่เห็นด้วยทั้ง 2 ข้อความ ร้อยละ 7.31 เห็นด้วยกับข้อความ “แค่กดไลค์ (Like) ก็ติดคุกได้” และร้อยละ 9.09 ไม่แน่ใจ/ไม่ระบุ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัศวิน เนตรโพธิ์แก้ว อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับผลการสำรวจในครั้งนี้เพิ่มเติมว่า “จากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มผู้ที่เล่นสังคมออนไลน์ เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างจะเร็วต่อข้อมูลข่าวสาร และยอมรับในนวัตกรรมของการสื่อสารในยุคนี้ ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ต่างไม่เห็นด้วยกับการเข้ามาควบคุมหรือตรวจสอบการใช้โปรแกรมแชตออนไลน์ เพราะต่างให้ความสำคัญและรู้สึกหวงแหนเกี่ยวกับสิทธิการแสดงออกและการรับรู้ข่าวสารผ่าน สื่อออนไลน์ ที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว รวมไปถึงส่วนหนึ่งของการทำงานด้วย อีกทั้งไลน์ (LINE) มีความเฉพาะเจาะจงและเป็นส่วนบุคคลมากกว่า Facebook หรือ Twitter ที่ค่อนข้างจะเป็นสาธารณะ เมื่อมีข่าวในการตรวจสอบและควบคุมสื่อออนไลน์ จึงมีสัดส่วนของผู้ที่ไม่เห็นด้วยค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันสังเกตได้ว่าก็ยังมีกลุ่มคนอีกจำนวนหนึ่งที่เห็นด้วย เป็นไปได้ว่า กลุ่มดังกล่าวน่าจะตระหนักถึงความรวดเร็วของข้อมูลข่าวสารและข้อจำกัดในการสื่อสาร

“อย่างไรก็ตามก็ควรที่จะพิจารณาเป็นรายกรณีไป หากมีการเผยแพร่มูลที่ไม่เหมาะสมหรือส่งผลกระทบต่อความมั่นคงจริงๆ หรืออาจมีคำสั่งจากศาลในการขอข้อมูลเพื่อประกอบการตรวจสอบเป็นบางกรณี ซึ่งบริษัทที่ให้บริการโปรแกรมแชตสังคมออนไลน์คงไม่แลกกับผลประโยชน์ และชื่อเสียงที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน ดังนั้น รัฐบาลควรมีมาตรการที่ไม่เป็นการปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และใช้อำนาจนิยมมากจนเกินไป ควรมีการชี้แจงหรือเปิดเผยข้อมูลที่เป็นจริงให้กว้างมากยิ่งขึ้น เพราะประชาชนบางส่วนยังเกิดข้อกังขาในหลายๆ ประเด็นเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่แท้จริงที่ประเทศชาติจะได้รับ หรือเป็นเพียงแค่ประโยชน์เฉพาะบางกลุ่ม ทั้งนี้เพื่อให้มีการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายอันจะนำมาสู่นโยบายสาธารณะ ขณะเดียวกันผู้ใช้สื่อออนไลน์ก็ควรจะร่วมมือกันใช้สื่อออนไลน์ในเชิงสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ ให้มีความถูกต้องและเหมาะสม”



กำลังโหลดความคิดเห็น