ASTVผู้จัดการ - “นิด้าโพล” เผยผลสำรวจพบประชาชนเกือบ 93% ต้องการให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลโครงการจำนำข้าว อีก 37.71% เชื่อขาดทุนกว่า 2.6 แสนล้านจริง ยัน “ครม.-ปู-บุญทรง-เต้น-โต้ง” ต้องร่วมกันรับผิดชอบถ้าขาดทุนจริง ชี้รัฐบาล-โรงสี-นักการเมืองได้ประโยชน์มากสุด ขณะที่ชาวนาได้บางส่วน แต่ 39% ยังเห็นควรให้ดำเนินโครงการรับจำนำต่อทว่าควรปรับราคาการรับจำนำให้เป็นไปตามกลไกตลาด
วันนี้ (13 มิ.ย.) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “โครงการรับจำนำข้าว กับ การขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท” ซึ่งดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 11-12 มิถุนายน 2556 จากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,249 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล และการขาดทุนเป็นมูลค่า 2.6 แสนล้านบาท
จากการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 92.95 เห็นว่า รัฐบาลควรเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าว เพราะต้องการทราบถึงการดำเนินโครงการ ต้องการให้รัฐบาลแสดงถึงความโปรงใส่ในการทำงาน จะได้เป็นที่กระจ่างชัดต่อประชาชนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร รองลงมาร้อยละ 3.84 ระบุว่า ไม่ควรเปิดเผย เพราะคิดว่ารัฐบาลน่าจะโปร่งใสในการทำงานอยู่แล้ว รัฐบาลให้ราคาจำนำข้าวเป็นที่น่าพอใจ และไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งกัน
สำหรับกระแสข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว 2.6 แสนล้านบาทนั้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 37.71 เชื่อว่าขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทจริง เพราะ รับจำนำข้าวในราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับราคากลางในตลาด แต่ตอนขายกลับขายในราคาที่ต่ำกว่าราคารับจำนำ และมีข้าวล้นในสต๊อกเป็นจำนวนมาก และยังมีกระแสข่าวออกมาว่าขาดทุน รองลงมาร้อยละ 26.50 ไม่เชื่อว่าขาดทุน เพราะเป็นตัวเลขที่ไม่น่าจะขาดทุนมากขนาดนั้น และยังไม่มีข้อมูลหรือการชี้แจงจากรัฐบาลที่ชัดเจน และข้าวที่มีอยู่ในสต๊อกก็ยังสามารถขายออกได้เรื่อยๆ ขณะที่ร้อยละ 20.82 เชื่อว่าขาดทุนแต่อาจจะไม่ถึง 2.6 แสนล้านบาท และร้อยละ 14.97 ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ
เมื่อสอบถามถึงความคิดเห็นต่อการตัดสินใจของรัฐบาล หากรัฐบาลขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว 2.6 แสนล้านบาท พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 38.51 เห็นว่า รัฐบาลควรดำเนินโครงการรับจำนำข้าวต่อ แต่ควรปรับราคาการรับจำนำให้เป็นไปตามกลไกตลาด รองลงมา ร้อยละ 21.38 ควรยุติโครงการรับจำนำข้าว เพราะ เกิดช่องโหว่ง่ายต่อการทุจริต เกิดผลเสียในด้านเศรษฐกิจระดับประเทศ เงินส่วนหนึ่งที่มาจ่ายส่วนต่างก็มาจากเงินภาษีของประชาชน ร้อยละ 20.82 เห็นว่าควรเปลี่ยนระบบเป็นการประกันราคาข้าว เพราะง่ายต่อการตรวจสอบ และน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่าการรับจำนำข้าว ร้อยละ 9.61 ให้ดำเนินโครงการเหมือนเดิม และ ร้อยละ 1.44 อื่นๆ เช่น ให้เน้นไปที่การตรวจสอบการทุจริต การบริหารจัดการโครงการ เพื่อลดช่องว่างที่เอื้อต่อการทุจริต เปิดโอกาสให้ชาวนาซื้อขายกันเอง และรัฐบาลควรพิจารณาตัวเอง
ส่วนผู้ที่ควรรับผิดชอบหากโครงการรับจำนำข้าวมีการขาดทุนจริง จากการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.95 ควรเป็นคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ รองลงมา ร้อยละ 27.06 ควรรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด ทั้งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ร้อยละ 15.45 เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 8.57 เป็น นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 1.68 เป็น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ท้ายสุด เมื่อถามถึงผู้ที่ได้ประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าว พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 36.60 ระบุว่า เป็นรัฐบาล รองลงมาร้อยละ 36.20 เป็นโรงสี ร้อยละ 34.03 เป็นชาวนา ร้อยละ 29.86 เป็นนักการเมือง ร้อยละ 14.04 เป็นผู้ส่งออกข้าว
ด้าน รศ.ดร.อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อาจารย์ประจำคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ นิด้า ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับผลการสำรวจในครั้งนี้เพิ่มเติมว่า “สำหรับผลการสำรวจแสดงให้เห็นชัดเจนว่าสังคมไทยมีความคาดหวังสูงด้านการรับรู้ข่าวสารข้อมูลจากภาครัฐ การที่หน่วยงานภาครัฐปิดบังข้อมูลสาธารณะอาจเป็นสิ่งที่กระทำได้ในอดีต แต่ในปัจจุบันประชาชนต้องการมีส่วนรู้เห็นกับการดำเนินงานของรัฐมากขึ้นและอยากตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ดังจะเห็นได้ว่า ประชาชนร้อยละ 92.95 เห็นว่ารัฐบาลควรเปิดเผยข้อมูล การที่รัฐบาลไม่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวยังส่อเจตนาของความเป็นไปได้ที่โครงการนี้ อาจมีการทุจริตในรูปแบบต่างๆ และรัฐบาลไม่สามารถหาทางออกได้ ในส่วนของภาพรวมของการดำเนินโครงการจำนำข้าวผลการสำรวจเป็นไปในทิศทางที่สะท้อนว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจในผลกระทบของโครงการรับจำนำข้าวมากขึ้นและสามารถแยกแยะออกได้ว่าการช่วยเหลือชาวนานั้นเป็นสิ่งจำเป็น แต่ต้องมีวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง ไม่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ประชาชนยังยินดีให้ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวต่อ แต่ต้องปรับราคารับจำนำลง ในขณะที่ประชาชนอีกบางส่วนเห็นว่าควรยุติโครงการไปเลย รวมแล้วมีประชาชนมากถึงร้อยละ 80 ที่มีความเห็นว่ารัฐบาลควรดำเนินการปรับปรุงโครงการจำนำข้าวนี้”