“วราเทพ” เผย ครม.ทราบแนวทางถก พ.ร.บ.งบ 57 หลังกำหนดวันชัดเจน มีถ่ายสด จ่อยัดร่าง พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้านบาทต่อคิว “ธีรัตน์” แย้มอาจพิจารณางบ 3 วันรวด พร้อมเผย ครม.เร่งราชการเบิกจ่ายงบปี 56 ให้ทันปลายเดือนนี้ ปภ.เล็งชง ครม.ขอหั่นงบ ซื้อถังเก็บน้ำช่วยภัยแล้ง ลดเกรดจากไฟเบอร์ เหลือแค่พลาสติก อ้างประหยัดงบหลายสิบล้าน
วันนี้ (13 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.ได้รับทราบแนวทางการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 57 โดยล่าสุดประธานรัฐสภาได้เห็นชอบและได้ออกระเบียบวาระการประชุม ซึ่งจะเริ่มพิจารณาในรัฐสภาในวันที่ 14-15 ส.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 09.30 น.ซึ่งรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.จะใช้สิทธิเข้าร่วมรับฟังการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณได้เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถลงมติได้ ขณะเดียวกันการประชุมครั้งนี้จะมีการถ่ายทอดสดด้วย
นายวราเทพ กล่าวต่อถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท หรือ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทว่า ล่าสุดได้ผ่านความเห็นชอบของกรรมาธิการวิสามัญแล้ว ซึ่ง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอบรรจุเรื่องดังกล่าวเป็นวาระ โดยคาดว่าอาจจะบรรจุเข้าวาระการประชุมได้อย่างเร็วภายในสัปดาห์นี้ หรืออย่างช้าภายในสัปดาห์หน้า
ด้าน นายธีรัตน์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายวราเทพ ได้รายงานเรื่องการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 57 ต่อที่ประชุม ครม.โดยคาดว่าอาจจะใช้เวลาในการพิจารณา 3 วัน และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการให้ข้อมูล นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ได้พิจารณาแนวทางการเบิกจ่ายงบประมาณปี 56 ที่มีความจำเป็นที่ต้องจัดทำเป็นงบผูกพันให้ทันเดือน ส.ค.นี้ หากไม่ทันจะโยกงบไปในโครงการลงทุนที่มีความพร้อม และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลแทน ขณะเดียวกันยังเห็นชอบให้โครงการก่อหนี้ผูกพันของงบประมาณปี 56 ส่วนราชการต้องลงนามก่อหนี้ผูกพันให้เสร็จก่อนเดือน ส.ค.เช่นกัน ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดงบเพื่อนำไปใช้โครงการอื่นที่มีความจำเป็น และสอดคล้องกับนโยบายรัฐ หากโครงการใดก่อหนี้ไม่ทันตามกำหนด ต้องมีเหตุผลชี้แจงเหตุผลได้ เพราะต้องการให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่ออัดฉีดเงินออกสู่ระบบ
นายธีรัตน์ ยังกล่าวด้วยว่า งบลงทุนสำหรับโครงการลงทุนของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจประมาณ 440,000 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนประมาณ 17% ของงบประมาณทั้งหมด ให้เร่งเบิกจ่าย เพื่อให้เงินออกสู่ระบบโดยเร็วและทันตามกำหนด สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณปี 56 ล่าสุด หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เบิกจ่ายได้ 1.83 ล้านล้านบาท คิดเป็น 76.33% ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด คาดว่าเมื่อครบปีงบประมาณในวันที่ 30 ก.ย. 56 จะมีเงินงบประมาณเหลืออยู่ 170,000 ล้านบาท ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐใดที่มีโครงการลงทุนผูกพัน ให้ส่งแผนลงทุนเข้ามาเพื่อพิจารณาการจัดสรรงบประมาณ โดยห้ามนำไปใช้สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ การจัดจ้างบุคคลากรที่ผูกพันในปีต่อไป การใช้ในการจัดซื้อพาหนะ
ส่วน นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรีว่า สืบเนื่องจากมติ ครม.วันที่ 12 ก.พ.2556 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขออนุมัติงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ประเภทภัยแล้ง จากสำนักงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการจัดหาภาชนะเก็บกักน้ำถังบรรจุกลาง วงเงิน 316,400,000 บาท เพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งระดับรุนแรง จำนวน 15 จังหวัด
โดย สำนักงบประมาณขอให้ ปภ.นำข้อหารือเสนอต่อ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เพื่อพิจารณาอนุมัติ แล้วจึงขอตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้ง โดยให้โครงการดังกล่าวสัมฤทธิ์ผลตามวัตถุประสงค์อย่างทันท่วงที ปภ.จึงขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการ จากถังน้ำไฟเบอร์กลาส ขนาด 2,000 ลิตร จำนวน 1,4240 ใบ ราคาใบละ 12,000 บาท และขนาด 3,000 ลิตร จำนวน 8,560 ใบ ราคาใบละ 17,000 บาท รวมเป็นเงิน 316,400,000 บาท เป็นถังน้ำแบบพลาสติกขนาด 2,000 ลิตร จำนวน 22,800 ใบ ราคาใบละ 9,800 บาท ที่รวมค่าขนส่งใบละ 2,000 บาท รวมเป็นเงิน 223,440,000 บาท ซึ่งประหยัดงบประมาณลง จำนวน 92,960,000 บาท โดยให้ ปภ.ตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และให้ กบอ.นำเสนอ ครม.เพื่อรับทราบต่อไป