“ครม.ยิ่งลักษณ์” ประเมินสถานการณ์หลังเปิดประชุมสภา 1 ส.ค. เชื่อรุนแรงแน่จาก กม.หลายฉบับที่จะเข้าสู่การพิจารณา “เฉลิม” เสนอแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปีต่อสภา เพื่อลดระดับความขัดแย้ง ส่วนจะเอา พ.ร.บ.ฉบับไหนเข้าสภาฯ ก่อน โยนวิปรัฐบาลพิจารณา ขณะเดียวกัน ครม.เห็นชอบเดินหน้าสร้างโรงพักทดแทน 396 สถานี แต่ให้ สตช.ทำรายละเอียดเสนอ ครม.อีกครั้ง
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.สัญจรครั้งนี้ มีการหยิบยกประเด็นสถานการณ์การเมืองมาหารือ โดยเชื่อว่าเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรใน วันที่ 1ส.ค.นี้ สถานการณ์ทางการเมืองอาจจะเพิ่มความรุนแรงขึ้น เนื่องจากมีกฎหมายหลายฉบับเข้าพิจารณา
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน เสนอให้นำผลงานของรัฐบาล 1 ปีที่ผ่านมาแถลงต่อสภา เพื่อลดระดับความขัดแย้งทางการเมือง ส่วนการจะพิจารณาวาระระหว่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก่อนนั้น ให้รอมติวิปรัฐบาล ที่จะประชุมในวันที่ 24กค.นี้
ด้าน ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงการคลังดำเนินการขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่ริเริ่มในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากเดิมสิ้นสุดในปีงบประมาณ 2556 ขยายเป็นปี 2558
โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้แจ้งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบว่า สถานีตำรวจภูธรในจังหวัดต่างๆ ยังคงมีความต้องการให้ดำเนินการก่อสร้างดังกล่าวให้แล้วเสร็จ เนื่องจาก บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 450 วัน ตามข้อกำหนดของสัญญาจ้างเลขที่ ยธ 13/2554 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2554 และ สตช.ได้บอกเลิกสัญญากับบริษัทดังกล่าวแล้ว แต่ได้มีการเบิกจ่ายเงินให้ผู้รับจ้างไปแล้ว ประมาณ1,504,679,204 บาท ซึ่ง น.ส ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เห็นว่าหาก สตช.ต้องการเดินหน้าโครงการดังกล่าว ขอให้ทำรายละเอียดเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยที่ยังรักษาผลประโยชน์ของทางราชการและประหยัดงบประมาณอย่างสูงสุด
โดยขอให้ศึกษา 3 ประเด็น คือ 1. การดำเนินการในอดีตของ บ.พีซีซี ซึ่งได้รับเงินค่าจ้างไปแล้วประมาณ 1,500 ล้านกว่าบาทนั้น ได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง และทางราชการได้รับเนื้องาน ที่เหมาะสมกับเงินที่เสียไปหรือไม่
2. หาก บ.พีซีซี ชดใช้ค่าเสียหายให้รัฐแล้ว จะได้เงินกลับคืนมาจำนวนเท่าไหร่ แล้วรัฐต้องใช้เงินเพิ่มอีกหรือไม่ เป็นจำนวนเท่าใด เพื่อแก้ปัญหาให้โครงการแล้วเสร็จ และ 3. ขอให้ ส.ต.ช แสดงรายละเอียดอย่างรอบคอบและมีเหตุผลประกอบที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้สังคมเข้าใจผิดคิดว่ารัฐบาลต้องการกลั่นแกล้งใคร
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีความเห็นว่า ควรมอบหมายให้ สตช.ศึกษารายละเอียดตามที่ นายกรัฐมนตรีสั่งการ ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอีก 3 หน่วยงาน คือ 1. สำนักงบประมาณ 2. กระทรวงการคลัง โดยเฉพาะกรมบัญชีกลาง และ 3. กรมโยธาธิการ จากนั้นให้นำรายละเอียดมาเสนอต่อที่ประชุม ครม.อีกครั้งเพื่อพิจารณา