“อำมาตย์เต้น” อ้างเร่งร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯ เข้าสภาเป็นไปตามข้อตกลงเดิมที่ต้องนำมาพิจารณาเป็นวาระแรกหลังเปิดประชุมสภา ระบุรัฐบาลต้องรักษามิตรแก๊งแดงเอาไว้ ไม่สนฝ่ายตรงข้ามค้าน บอกไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรก็ขวางตลอดอยู่แล้ว
วันนี้ (23 ก.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงข่าวคณะทำงานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยจะเสนอให้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นวาระแรกในการประชุมสภาฯ สมัยทั่วไปว่า เห็นว่ารัฐบาลต้องแสดงจริงใจกัน ในเมื่อการประชุมสภาฯครั้งที่ผ่านมามีมติให้เลื่อนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ มาเป็นวาระที่ 1 ในการประชุมสภาฯ ครั้งต่อไป ดังนั้น เมื่อใกล้เปิดประชุมสภาสมัยทั่วไป หากอ้างว่าจะต้องมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ขึ้นมาก่อน เหตุผลนี้มันก็จะขาดน้ำหนัก เพราะเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า สมัยการประชุมสภาฯ นี้จะต้องมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2557 ในวาระที่ 2
“ถ้าตั้งใจพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2557 ทันทีในการเปิดประชุมสภาฯ ก็ไม่จำเป็นต้องไปเลื่อนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รอเป็นวาระที่ 1 แต่ต้น เมื่อไปเลื่อน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไว้แล้วก่อนที่จะปิดสมัยประชุม จะมาบอกว่าต้องพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2557 ก่อน ก็เท่ากับขัดแย้งในตัวเองในการดำเนินการของฝ่ายสภาฯ เท่าที่ทราบจากข่าวเปิดสมัยประชุมสภาฯ มา ตัวร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2557 ในชั้นกรรมาธิการก็ยังไม่แล้วเสร็จ เพราะฉะนั้นเปิดมาเอาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2557 เข้าก่อนก็เป็นปัญหาเรื่องการปฏิบัติ ผมจึงเห็นว่าเป็นไปตามธรรมชาติที่จะต้องพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทันที”
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ท่าทีของแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องแสดงชัดเจนอยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องออกมาเคลื่อนไหวแสดงข้อเรียกร้องใดๆ อีก เพียงแต่ว่าเวลาที่เหลืออยู่ให้แต่ละฝ่ายพิจารณาความเห็นของกันและกันอย่างครบถ้วน จนนำมาสู่ข้อสรุปให้ได้ เพราะสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้เกิดขึ้นก็คือ การรักษาท่าทีระหว่างมิตรของฝ่ายประชาธิปไตย คือต้องใช้เอกภาพทางความคิดให้ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไปสู่การบังคับใช้ เมื่อบังคับใช้แล้วยังต้องใช้พลังเงียบต่อสู้ร่วมกันอีกมากกว่าที่ประสบชัยชนะอย่างแท้จริงได้
ส่วนตนก็แสดงจุดยืนแล้วต้องเดินหน้าทันที เมื่อฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องการใช้เวลาพิจารณาเหตุผลต่างๆ เราไม่จำเป็นต้องคาดคั้นเอาจากฝ่ายเดียวกัน เพราะยังมีเวลา หากเห็นชอบเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทันทีก็ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร เพราะทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว เดินหน้าไปได้ตามกระบวนการ เพียงแต่ในระหว่างนี้มิตรต้องประคับประคองไปด้วยกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างแรงกดดันเผชิญหน้ากันเอง
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์พิสูจน์แล้วว่าหมดสิ้นความอาย เพราะไม่ว่าจะเป็นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติก็ไม่เอา เป้าหมายจริงๆ ไม่อยากให้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสำเร็จ แต่อยากสร้างแรงกระเพื่อมให้กับฝ่ายเดียวกันเท่านั้นเอง เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนสั่งขัง สั่งฆ่ามาเห็นใจเหยื่อมากกว่าคนที่ร่วมชะตากรรมกันมา และเป็นไปไม่ได้เลยพรรคประชาธิปัตย์จะมาสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับของผู้เสียชีวิต เพราะพูดตลอดว่า 6 ศพวัดปทุมฯ ทุกศพที่ตายเป็นเรื่องคนเสื้อแดงยิงกันเอง สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลและมวลชนที่สนับสนุนจ้องมองเกมนี้ให้ชัด แล้วกำหนดวิธีคิดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ว่าการเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไม่มีอะไรที่สร้างความเสียหายให้กับสถานการณ์การเมืองมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะฝ่ายตรงข้ามเราจะทำไม่ทำอะไรเขาก็เคลื่อนไหวอยู่แล้ว
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณช่วงนี้ เป็นการสกัดไม่ให้มีการออก พ.รบ.นิรโทษกรรมได้สำเร็จนั้น แกนนำ นปช. กล่าวว่า ทุกคนเห็นตรงกันว่าคนกลุ่มนั้นต้องการล้มรัฐบาล พยายามหาเหตุนั้นเหตุนี้มาเป็นข้ออ้าง ถ้าไม่มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็หาเหตุอื่นมาเคลื่อนไหวอยู่ดี เพราะทุกเรื่องที่รัฐบาลทำเขาเอามาเป็นสาเหตุโค่นล้มทั้งหมด เพราะฉะนั้นจะพิจารณางบประมาณฯ 25857 ก่อนก็อ้างว่าเป็นงบประมาณฯที่จะนำไปสู่การทุจริต เอาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทขึ้นมาก่อน ก็ว่าจะมีการทุจริตขัดรัฐธรรมนูญ จะเอาเรื่องอื่นมาก่อนเขาก็จะบอกรัฐบาลจะต้องถอน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทั้งหมดออกไป ไม่ว่าจะขยับเรื่องอะไร ฝ่ายตรงข้ามก็จะหาเหตุออกมาเคลื่อนไหวอยู่ดี
“การเมืองทั้งเดือน ส.ค.มันเข้มข้นมทั้งในและนอกสภาฯอยู่แล้ว การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล ถ้าประเมินท่าทีของฝ่ายตรงข้าม และมันไม่ใช่เรื่องเข้าทางอะไร เพราะฝ่ายค้านทำทางมาแล้ว 2 ปีมีความพยายามเคลื่อนไหว ปลุกระดม สร้างกระแส สร้างองค์กรมาตลอด ดังนั้นการที่เขาดำเนินการต่อเนื่องทำมา 2 ปีก็มาถึงจุดที่เขามั่นใจกันเองว่าถึงช่วงเวลาสุกงอมโค่นล้มรัฐบาล ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรไม่ทำอะไรก็หาเหตุโค่นล้มได้หมด”