ปชป.กำชับ ส.ส.ทุกคนมีส่วนร่วมอภิปราย พ.ร.บ.งบฯ เหตุมีข้อกังวลส่อขาดวินัยคลัง ไร้แผนหากกู้สะดุด ดักอย่าปิดปากฝ่ายค้านแบบ พ.ร.บ.นิรโทษฯ ชง จม.เปิดผนึกถึงองค์กร ตปท.แจงปมล้างผิด ให้ข้อมูลที่ครบ ส.ส.ทุกคนยื่นคำแปรญัตติต้านสู้ “บุญยอด” เล็งบี้ “สนธิ” โชว์ลูกผู้ชายถอนจาก กมธ.ฝั่ง รบ. ย้อนคำเด็ก พท. ชี้ไม่เหมาะเป็น กมธ.สัดส่วนพรรคอื่นไม่ควร
วันนี้ (13 ส.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่าที่ประชุมมีการหารือถึงการกำหนดท่าทีของพรรค กรณี พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในสัปดาห์นี้ ซึ่งพรรคก็ได้กำชับ ส.ส.ว่าทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการอภิปรายรายละเอียด พ.ร.บ.งบประมาณ เพราะจากการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ และ ส.ส.ที่ดูแลงานของกรรมาธิการที่จัดส่งมาแล้ว เห็นว่ามีความน่ากังวลหลายประการใน พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว คือ 1. ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยขาดวินัยทางการคลัง ไม่มีการระบุถึงแนวทางการใช้จ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพ มีการประเมินการเก็บภาษีของหน่วยงานเก็บรายได้ถูกประเมินไว้ต่ำกว่าประมาณการณ์ และรายจ่ายภาครัฐก็ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องทั้งในรายจ่ายประจำ และรายจ่ายในโครงการประชานิยม นอกจากนั้น หลายโครงการที่รัฐบาลได้ตั้งขึ้นมาในปีนี้ยังไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การบริหารจัดการประเทศ ทั้งการรับมือการเป็นสังคมผู้สูงอายุ หรือการเข้าร่วมประชาคนเศรษฐกิจอาเซียน ที่ยังไม่มีการเปิกจ่ายงบประมาณเพื่อทำให้ประเทศมีความพร้อม
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า 2. ไม่มีการรองรับแผนงาน หากการกู้เงินจาก พ.ร.บ.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท และ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทไม่สามารถใช้จ่ายเงินได้ ก็ไม่มีหน่วยงานราชการรองรับการดำเนินโครงการต่างๆ ต่อไปได้เลย ซึ่งกรรมาธิการในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เคยสอบถามแล้วก็ได้คำตอบว่ารัฐบาลไม่มีแผนหรือโครงการรองรับเพื่อดำเนินการต่อ ซึ่งเป็นความน่าเป็นห่วงที่รัฐบาลผลักงบลงทุนทั้งหมดของประเทศไปอยู่ในเงินกู้ และกลับไม่มีความรอบคอบในเรื่องรายละเอียด และ 3. มีความกังวลว่ารัฐบาลจะปิดปากฝ่ายค้านเหมือนกรณีที่ทำในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ มีหลายประเด็นที่มีความน่าเป็นห่วง ซึ่งฝ่ายค้านพร้อมอภิปรายให้ประชาชนได้รับทราบ ว่าประไทยกำลังมีความน่าเป็นห่วงของสภาวะเศรษฐกิจ สภาวะทางการคลัง จึงขอให้รัฐบาลอย่าปิดหูปิดตาประชาชน ด้วยการเร่งรีบปิดอภิปรายเหมือนที่ผ่านมา
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขณะนี้คณะทีมงานของพรรคประชาธิปัตย์ได้ร่างจดหมายเปิดผนึกเพื่อส่งถึงบุคคลสำคัญต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศ ในกรณีการผลักดันการออกกฎหมายนิรโทษกรรมของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ร่างเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจทานถ้อยคำ ซึ่งคาดว่าในสัปดาห์นี้จะสามารถเผยแพร่สู้สาธารณะได้ โดยมีสาระสำคัญว่าพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับการปรองดองของประเทศ และยินดีที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้มีประสบการณ์ด้านความปรองดอง แต่ผู้ที่จะมาเกี่ยวข้องกับการปรองดองระหว่างประเทศต้องมีข้อมูลที่ครบถ้วนทุกด้าน ไม่ควรมองปัญหาประเทศไทยเพียงเปลือกนอก เพราะมีหลายปัญหาที่สะสมมานาน รวมทั้งควรรับฟังข้อเสนอขององค์กรต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ จึงจำเป็นที่พรรคต้องเปิดเผยข้อมูลอีกด้าน เพื่อให้ผู้ที่มาเกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าวได้รับทราบ
“ที่ประชุมมีมติให้ ส.ส.ของพรรคทุกคนยื่นคำแปรญัตติ ในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในวันพรุ่งนี้ เพราะพรรคยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ ดังนั้นทุกคนต้องต่อสู้อย่างเต็มที่ และอภิปรายให้เห็นถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นหากปล่อยให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านสภา” นายชวนนท์กล่าว
ด้านนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวว่า ในการประชุมกรรมาธิการ นัดแรกวันที่ 15 ส.ค.นี้ ก่อนที่จะมีการคัดเลือกประธานและตำแหน่งต่างๆ ตนจะเรียกร้องให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ให้ถอนตัวจากการเป็นกรรมาธิการในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากมีบทบาทเป็นพรรคฝ่ายค้านในสภา แต่กลับไปเป็นตัวแทนให้กับฝ่ายรัฐบาล ทำให้กระทบกับสัดส่วนของฝ่ายค้าน แม้รัฐบาลจะอ้างว่าไม่ได้กระทบเพราะจำนวนกรรมาธิการยังเท่าเดิมก็ตาม เพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน กรณีนางนันทนา สงประชา ส.ส.ชัยนาท พรรคภูมิใจไทย ที่เคยถูกเสนอให้เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทในสัดส่วนพรรคเพื่อไทย จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม และมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการสภาฯ โดยนายไพจิต ศรีวรขาน ประธานกรรมาธิการได้มีดำริว่า การเสนอชื่อ ส.ส.ไปเป็นกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคอื่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จนทำให้นางนันทนาต้องลาออกจากการเป็นกรรมาธิการดังกล่าวในที่สุด
“ดังนั้นผมจะเรียกหาความเป็นลูกผู้ชายจาก พล.อ.สนธิ ว่าท่านจะยอมถอนตัว หรือจะดึงดันเป็นกรรมาธิการในส่วนของรัฐบาลต่อไป และอย่าลืมว่าปัญหาความขัดแย้งของประเทศไทยนับตั้งแต่มีการรัฐประหารมาจนถึงวันนี้ก็เพราะฝีมือของท่าน จึงเชื่อว่าหากท่านฝืนทำหน้าที่ในกรรมาธิการต่อไปความขัดแย้งก็จะระอุขึ้นมาอีกครั้งแน่นอน” นายบุญยอดกล่าว