“อภิสิทธิ์” โต้ “ณัฐวุฒิ” ยันไม่ใช่ผู้สั่งฆ่าประชาชน แต่มีการใช้อาวุธสงครามปะทะเจ้าหน้าที่ ท้ารัฐเผชิญความจริงมากกว่านี้ “สุเทพ” สวน “ขัตติยา” ลูก เสธ.แดง บอก พ่อคุณอาจถูกพวกเดียวกันยิง ล่าสุด ที่ประชุมมีมติผ่านวาระแรก ด้วยคะแนนรับหลักการ 300 ต่อ 124 งดออกเสียง 14 ไม่ลงคะแนน 2 ตั้ง กมธ.35 ราย แปรญัตติ 7 วัน
วันนี้ (8 ส.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 15.30 น.นายเจริญ จรรย์โกมล ประธานสภาคนที่หนึ่ง ในฐานะประธานสภาฯ ได้เปิดประชุมอีกครั้ง และได้เปิดโอกาสให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ใช้สิทธิพาดพิงจากการอภิปรายของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ระบุว่าในปี พ.ศ. 2553 มีรัฐบาลที่อำมหิต เข่นฆ่าประชาชน การสอบสวนที่ผ่านมาตลอด 3 ปี ไม่เคยมีปรากฏคำสั่งว่าตนสั่งให้เจ้าหน้าที่ฆ่าประชาชน และนโยบานที่ประกาศเอาไว้ ณ เวลานั้นก็คือ ไม่ประสงค์ที่จะเข้าสลายการชุมนุม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ 10 เมษายน 2553 กลับปรากฏว่ามีการใช้อาวุธสงครามทำให้เกิดความสูญเสียต่อเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ก็สามารถป้องกันตัวเองได้ ซึ่งทำให้ตนไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้ ก็เพราะว่าจะเน้นการล้างผิดให้กับผู้ที่ใช้อาวุธสงครามทำร้ายผู้อื่น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า นายณัฐวุฒิ ยังระบุด้วยว่า “ถึงทางฝ่ายค้านจะขอนิรโทษกรรม พวกผมก็ไม่ให้” ตนขออธิบายต่อประเด็นนี้ว่า เราแสดงจุดยืนนี้ตั้งแต่วันแรกที่พรรคเพื่อไทยเสนอกฎหมายฉบับนี้ เพราะความจริงก็จะต้องนำมาพิสูจน์กัน ซึ่งตนไม่เข้าใจถึงคำว่าถึงพวกตนขอ เราก็ไม่ให้ คำว่าเราขอนายณัฐวุฒิคืออะไร และพวกตนก็ไม่คิดที่จะขอนิรโทษกรรมใดๆ ทั้งนั้น แต่อยากขอให้รัฐบาลมีความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับความจริงมากกว่านี้
ด้าน นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายณัฐวุฒิ อ้างว่ คลิปเสียงสั่งให้เผาบ้านเมืองของนายณัฐวุฒินั้น มีการตัดต่อ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเสียหายต่อตน เพราะตนเป็นผู้นำเอาคลิปนี้มาเปิดตลอด เพราะฉะนั้นตนจะขอเปิดคลิปเสียงของนายณัฐวุฒิที่เวทีคนเสื้อแดงบริเวณแยกราชประสงค์ ที่มีความชัดเจนมากกว่าการชุมนุมที่เขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี จะได้รู้ว่าใครโกหกกันแน่ จากนั้นจึงเกิดความวุ่นวายในสภาขึ้น เมื่อ ส.ส.รัฐบาล และฝ่ายค้านได้ตะโกนด่าทอกันไปมาในห้องประชุม
ด้าน นายณัฐวุฒิ ลุกขึ้นชี้แจงว่า ตนไม่ขัดข้องที่จะมีการเปิดคลิป แต่เพียงว่าสิ่งที่ตนอภิปรายเมื่อสักครู่กับคลิปที่กำลังจะเปิดนั้นเป็นคนละเหตุการณ์กัน เพราะตนพูดถึงคลิปที่เขาสอยดาว แต่คลิปที่นายศิริโชคจะนำมาเปิดอันนั้นเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง
จากนั้นมีการเปิดคลิปเสียงของนายณัฐวุฒิ กล่าวบนเวทีว่า “คนเสื้อแดงเป็นคนขี้ตกใจ เผื่อตกใจแล้ววิ่งเข้าไปในห้างสรรพสินค้าและจะวุ่นวายไปกันใหญ่ บางคนตกใจแล้วชอบวิ่งไปที่กระเป๋าแบรนด์เนม, ร้านเครื่องเพชร หรืออาจจะตกใจแล้ววิ่งไปเผาห้างก็ได้ แถมห้างแถวนี้ยังเป็นพรรคพวกเดียวกับนายอภิสิทธิ์ทั้งนั้น”
จนกระทั่ง นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงประธานสภาฯว่ากำลังหลงประเด็นระหว่างการใช้สิทธิอภิปรายและพาดพิง ซึ่งทำให้นายเจริญได้ตัดสินสั่งหยุดการเปิดคลิปดังกล่าว โดย นายศิริโชค พยายามโต้แย้งว่าประโยคที่มีความสำคัญจะอยู่ที่ 5 วินาทีสุดท้าย แต่นายเจริญ ก็ไม่อนุญาตให้เปิดต่อ
จากนั้นเวลา 16.00 น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฏร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขอใช้สิทธิพาดพิงจากการอภิปรายของนายณัฐวุฒิ ที่ระบุว่า ตนเป็นรัฐบาลที่มีความอำมหิต สั่งฆ่าประชาชนด้วยสไนเปอร์ นั้น ตนไม่เคยสั่งให้ทหารไปฆ่าประชาชน และทหารทุกคนที่มาปฏิบัติหน้าที่นั้น มีความสำนึกดีว่าเป็นทหารของชาติออกมาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของตนที่มีอำนาจขณะนั้น เมื่อมีเหตุการณ์จลาจลก็ถือว่าเป็นอำนาจรัฐบาลที่จะต้องยับยั้งเหตุการณ์ แต่เหตุการณ์ที่เกิดความรุนแรงฆ่าประชาชนนั้นเป็นของบุคคลกลุ่มหนึ่งที่มีอาวุธสงครามอยู่ในมือทั้งที่ไม่มีสิทธิ นำมาฆ่าประชาชน และเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้นตนขอยืนยันว่าตนทำหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย ไม่เคยมีคำสั่งเอาปืนสไนเปอร์มายืนส่องยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวหา ตนซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นไปเปิดเผยรายชื่อผู้ที่เผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์แบบไม่มีความรับผิดชอบนั้น ตนขอยืนยันว่ารายชื่อที่ตนนำมาเปิดเผยถือเป็นสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่สามารถเปิดเผยได้ และการกล่าวหาว่า ตนไม่มีความรู้สึกผิดหรือกล่าวขอโทษประชาชนที่สูญเสียนั้น ตนเชื่อว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 53 นั้น ไม่ได้เป็นการชุมนุมด้วยความสงบ แต่กลับเป็นกองกำลังติดอาวุธที่พร้อมทำร้ายเจ้าหน้าที่ ตนจึงมั่นใจว่าพวกเขาไม่ได้มาโดยบริสุทธิ์ใจและมือเปล่าแน่นอน ซึ่งหลังจากนั้นตนได้รับผิดชอบต่อคำสั่งของตัวเองทั้งหมดที่ได้ลงนามไป และพร้อมที่จะเดินสู่กระบวนการยุติธรรม และได้ไปมอบตัวกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ด้าน น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้าไม่มีสไนเปอร์เหตุใดบุพการีของตนถึงถูกมือปืนสไนเปอร์ยิง เพราะฉะนั้นนายสุเทพกำลังกล่าวโกหกในสภาฯ กระบวนการยุติธรรมนั้นอาจจะยังไม่สิ้นสุด แต่ตนเชื่อว่าประชาชนมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่า ใครคือฆาตกร
นายสุเทพ จึงตอบโต้ว่า จากการสอบสวนของกระบวนการยุติธรรมก็ยังไม่มีข้อสรุปว่าใครยิง บิดาของคุณอาจจะถูกพวกเดียวกันเองยิงเสียชีวิตก็เป็นได้ และขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทหารไม่เคยใช้อาวุธปืนสไนเปอร์อย่างแน่นอน
เมื่อเวลา 16.30 น. นายเจริญ ได้ขอให้สมาชิกลงมติขอปิดการอภิปราย โดยผลออกมาว่าสมาชิกเห็นด้วยให้ปิดการอภิปรายด้วยคะแนน 300 ต่อ 125 งดออกเสียง 6 และให้ลงมติให้รับหลักการร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมด้วยคะแนนเสียง 300 ต่อ 124 งดออกเสียง 14 ไม่ออกเสียง 2 จากจำนวนส.ส.เข้าร่วมประชุม 439 ถือว่าที่ประชุมมีมติรับหลักการ จากนั้นก็ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 35 คน โดยมีสัดส่วนกรรมาธิการ พรรคเพื่อไทย 17 คน พรรคประชาธิปัตย์ 10 คน พรรคภูมิใจไทย 2 คน พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา และพรรคพลังชล พรรคละ 1 คน และคณะรัฐมนตรี 3 คน โดยให้แปรญัตติภายใน 7 วัน จากนั้น นายเจริญ ได้สั่งปิดการประชุมในทันทีในเวลา 16.50 น.
สัดส่วนคณะกรรมาธิการจากพรรคต่างๆ ได้แก่ พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายสามารถ แก้วมีชัย นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ นายขจิต ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานื นายสุนัย จุลพงศธร นายประยุทธ์ ศิริพานิช นายชวลิต วิชยสุทธิ นายพิชิต ชื่นบาน นายเชิดชัย ตันติสิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี นายสุทิน คลังแสง อดีต ส.ส.มหาสารคาม พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.และนายประสิทธิ์ ไชยวิรัตนะ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ
สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม.
สัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, สัดส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา ได้แก่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี, สัดส่วนพรรคชาติพัฒนา ได้แก่ นายประสาท ตันประเสริฐ ส.ส.นครสวรรค์, สัดส่วนพรรคพลังชล ประกอบด้วย นายรณเทพ อนุวัฒน์ ส.ส.ชลบุรี, สัดส่วนคณะรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายนิพนธ์ ฮะกีมี รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมาธิการกฤษฎีกา นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ อธิบดีกรมบังคับคดี และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ
อนึ่ง มีรายงานว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาด้วยรถพยาบาลของโรงพยาบาลบีเอ็นเอช เข้ามายังอาคารรัฐสภา เพื่อเข้าร่วมประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งนี้ หลังจากลงรถพยาบาลได้นั่งรถเข็นโดยยังมีการให้น้ำเกลือที่แขนตลอดเวลา
ขณะที่ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ฉีกสำเนา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กลางสภา