“ประพันธ์” แนะ ปชป.สู้กับ “ทักษิณ” เป็นเรื่องใหญ่ ทำม็อบอารยะได้แต่อย่าหน่อมแน้ม ย้ำหากอยากให้ พธม.ร่วมมือต้องสำนึกผิดและเปลี่ยนเป้าหมายมาปฏิรูปประเทศ ด้าน “ประทีป” ชี้ ปชป.ตั้งเวทีปลุกระดมแค่หวังเพิ่มคะแนนเสียงในการสู้ศึกเลือกตั้ง ฟันธงเลิกหวังได้เลยจะได้เห็นมาเป็นแกนนำภาคประชาชน
เมื่อวันที่ 8 ส.ค. นายประพันธ์ คูณมี อดีต สนช. และ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ทางเอเอสทีวี
โดยนายประพันธ์กล่าวว่า ถ้าประชาธิปัตย์คิดจะทำการเมืองสองภาคไปด้วยกัน ประชาธิปัตย์ยังตามไม่ทันเพื่อไทย เพราะยังมีความเข้าใจแบบดึกดำบรรพ์อยู่ รัฐธรรมนูญก็กำหนดไว้ว่าการเมืองภาคประชาชนสามารถทำได้ แต่จะมีพลังอยู่ที่ประชาชน การจัดตั้ง และความชอบธรรม วันนี้มีความชอบธรรมในการคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมนี้เต็มที่ ทำไมถึงไม่สร้างพลังประชาชนขึ้นมาเป็นปึกแผ่นเพื่อหยุดความชั่วร้าย เพราะรัฐบาลไม่มีความชอบธรรมแล้ว ประชาชนทั่วประเทศพร้อมร่วมด้วย
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ถ้าไม่พร้อมลาออกก็ไม่เป็นไร อยู่ในระบอบรัฐสภาก็ได้ แต่ต้องรู้ว่าการต่อสู้ทางการเมืองมีหลายช่องทาง ต้องรู้องค์ประกอบว่าสู้กับทักษิณเป็นเรื่องใหญ่ เป็นม็อบอารยะถูกต้องแล้ว แต่อย่าหน่อมแน้ม
วันนี้เจอกองเชียร์ประชาธิปัตย์บอกว่าพวกเราเอาแต่วิพากษ์วิจารณ์ ทำไมไม่สามัคคีกัน ตนก็ถามกลับว่าประชาธิปัตย์คิดหรือเปล่าว่าวันนี้ศัตรูของชาติคือระบอบทักษิณจริง พวกตนสู้ 193 วัน จนเขาได้อำนาจรัฐในมือ แล้วเขาทำอะไรกับระบอบทักษิณบ้าง แล้วยังหันมากระทืบตั้งข้อหาพันธมิตรฯ แล้วอ้างว่าสั่งตำรวจไม่ได้ อย่ามาแก้ตัวแบบโง่ๆ
ถ้าอยากให้เราร่วมมือด้วยให้ไปบอกนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ว่ารู้จักคำว่าขอโทษหรือไม่ ให้ขอโทษพันธมิตรฯ ถ้ายังไม่สำนึก จะร่วมมือกันได้อย่างไร นอกจากสำนึกแล้วต้องเปลี่ยนเป้าหมายทำเพื่อการปฏิรูปประเทศด้วย
นายประทีปกล่าวถึงการเคลื่อนไหวมวลชนของพรรคประชาธิปัตย์ ว่ายุทธศาสตร์การขับเคลื่อนสร้างเวทีเพียงเพื่อรักษาฐานเสียง และเพิ่มฐานคะแนนเสียงใหม่ เพื่อจะได้ชนะในศึกเลือกตั้ง และทำสงครามในสภา ไม่ใช่ทำสงครามภาคประชาชน ตนฟันธงได้เลยว่าประชาธิปัตย์ไม่กล้ามาเป็นแกนนำมวลชน สู้ในการเมืองภาคประชาชนเหมือนที่พันธมิตรฯสู้ แล้วดูต่อไปจะเป็นแบบที่ตนพูดหรือ
นายประทีปกล่าวต่อว่า นายสุเทพบอกเพราะประชาธิปัตย์เป็นม็อบผู้ดี มันบ่งชี้ยุทธศาสตร์การเมืองของพรรคเลยว่าจะยึดการต่อสู้ในรัฐสภาเป็นหลัก เพราะการเมืองภาคประชาชนที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ ต้องมีการสูญเสีย ต้องมีความกล้า ซึ่งไม่มีคนอย่างนี้ในประชาธิปัตย์ อย่าหวังว่าจะมาเป็นแกนนำภาคประชาชน แล้วการพูดแบบนี้เท่ากับว่า นายสุเทพ ผูกมัดตัวเองว่าต้องเป็นม็อบผู้ดี ไม่ผิดกฎหมาย ทำให้เห็นอนาคตแล้วว่าหมดโอกาสเลยที่แกนนำพรรคจะเป็นแกนนำภาคประชาชน ไม่สามารถมอบความหวังได้เลย
ช่วงปราศรัยตนยังตั้งความหวังว่าประชาธิปัตย์จะเป็นองค์กรที่พร้อมต่อกรกับเสื้อแดง แต่พอวันเคลื่อนขบวนต้องขอบอกว่าทุเรศ เพราะการเจรจากับตำรวจไม่มีการแสดงท่าทีเลยว่าอยากพามวลชนไปสภาจริง แสดงว่าไม่มีเจตจำนงตั้งแต่ต้น
นายประทีป ยังกล่าวอีกว่า คนที่บอกว่าทำไมพันธมิตรฯไม่สามัคคีกับประชาธิปัตย์ นั่นก็เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน พันธมิตรฯต้องการปฏิรูปประเทศ แต่ประชาธิปัตย์ต้องการเลือกตั้งในระบอบรัฐสภา แล้วทำไมในเกมนี้ประชาธิปัตย์ต้องไปนั่งเป็นตรายางสร้างความชอบธรรมให้พ.ร.บ.นิรโทษฯ ทำไมไม่ลาออกจากส.ส.แล้วมาสร้างพลังมวลชนล้มระบอบทักษิณ
