.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทางการท้องถิ่น อ.เตยจา (Tay Tra) จ.กว๋างหงาย (Quang Ngai) ในภาคกลางเวียดนาม ได้นำชาย 2 พ่อลูกออกจากป่าลึกใกล้ชายแดนลาวในสัปดาห์นี้ ก่อนหน้านั้นมีชาวบ้านพบเห็นคนทั้งสองซึ่งมีพฤติกรรมลึกลับ และดูแปลกประหลาด จึงสะกดรอย และวางแผนติดตามตัวอยู่เป็นเวลานานเกือบเดือนจึงพบ ทั้งนี้ เนื่องจากมีความชำนาญป่ามาก ทั้งสองคนถูกนำออกไปยังหมู่บ้านใกล้เคียง และพบว่า สามารถพูดภาษาดั้งเดิมได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น เนื่องจากไม่ได้คบค้าสมาคมกับโลกภายนอกเลยตลอด 40 ปีที่ผ่านมา
หลังจากเดินป่าเป็นเวลา 5-6 ชั่วโมง ทีมงานของทางการซึ่งประกอบด้วย อาสาสมัครในท้องถิ่นจำนวนหนึ่ง ได้ติดตามสะกดรอยไปจนถึง “บ้าน” ที่สองพ่อลูกอาศัยอยู่บนต้นไม้ หนังสือพิมพ์ออนไลน์อานนีงถูโด “ข่าวสารกฎหมายเพื่อชีวิตประจำวัน” รายงานในเว็บไซต์
เจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่นได้นำสองพ่อลูกไปยังโรงพยาบาลประจำอำเภอ ให้แพทย์ตรวจสุขภาพร่างกาย ฉีดวัคซีน ขณะที่ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ออกโครงการช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายกับจิตใจ เพื่อนำกลับเข้าไปใช้ชีวิตปกติในสังคมศิวิไลซ์อีกครั้งหนึ่ง สำนักข่าวภาษาเวียดนามหลายแห่งรายงาน
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังขัดความประสงค์ของคนที่เป็นบิดาคือ นายโห่วันแทง (Ho Van Thanh) วัย 82 ปี ซึ่งร่างกายอ่อนแอด้วยชราภาพ แต่ก็ยังยืนยันจะกลับไปใช้ชีวิตอาศัยอยู่ใน “บ้าน” บนต้นไม้ในป่าลึกตามเดิม เจ้าหน้าที่ต้องมัดมือไว้บนเตียงขณะนอนพักในโรงพยาบาล ป้องกันหลบหนี หนังสือพิมพ์ลาวดง (Lao Dong) หรือ “แรงงาน” รายงานในวันศุกร์ 9 ส.ค.นี้
ส่วน นายโห่วันลวาน (Ho Van Loan) อายุ 42 ปี ที่บิดานำเข้าป่าไปด้วยตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก ดีใจที่ได้พบกับญาติพี่น้องในเมืองอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่เคยรู้จักกับคนเหล่านั้นเลยก็ตาม และสิ่งหนึ่งที่ตัวเขาเองโปรดปรานมากที่สุดในโลกศิวิไลซ์ก็คือ โทรศัพท์มือถือ ที่ทำให้สามารถพูดคุยกับญาติๆ อีกหลายคนที่อยู่ต่างอำเภอ แม้ว่าจะไม่รู้จักญาติเหล่านั้นก็ตาม
สภาพเมื่อเจ้าหน้าที่กับราษฎรในท้องถิ่นไปพบก็คือ นายแทง กับนายลวานอาศัยอยู่ “บนบ้าน” ที่สร้างขึ้นบนคบไม้สูงจากพื้นราว 6 เมตร ซึ่งช่วยให้ปลอดภัยจากสัตว์ป่าดุร้าย หรืออสรพิษ คนป่าทั้งสองสวมเสื้อผ้าที่ทำจากเปลือกไม้ทุบตัดเป็นชิ้นๆ ใช้เถาวัลย์ชนิดหนึ่งสอดมัดเข้าด้วยกันให้เป็นรูปทรง ปกปิดร่างกาย และให้ความอบอุ่น
บน “บ้าน” ยังมีสิ่งของเครื่องใช้สารพัดเท่าที่จะหาได้ ซึ่งรวมทั้งขวานหิน กับขวานเหล็กที่ทำด้ามทำจากกิ่งไม้
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า อาหารที่สองพ่อลูกรับประทานกันเป็นหลัก ได้แก่ ข้าวโพด กับมันสำปะหลัง ทั้งที่ปลูกเองและขึ้นตามธรรมชาติ ออกหาผลไม้ป่าและออกล่าสัตว์ป่าขนาดเล็ก จุดไฟหุงหาอาหารโดยใช้วิธีดั้งเดิมแบบดึกดำบรรพ์ หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋งานในเว็บไซต์ข่าวภาษาเวียดนาม
สองพ่อลูกเป็นชนชาติส่วนน้อยเผ่ากอร์ (Kor) ใน จ.กว๋างนาม ซึ่งปัจจุบันเหลือประชากรอยู่ไม่มาก และเนื่องจากได้หายไปดำรงชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลากว่า 4 ทศวรรษ แทบไม่มีโอกาสได้พบปะสมาคมกับผู้คนจากโลกภายนอก ทำให้จำคำในภาษาดั้งเดิมของตัวเองได้เพียงน้อยนิด และจะมีญาติๆ คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ในขณะพูดคุยกับคนอื่น เตื่อยแจ๋กล่าว
ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 40 ปีก่อน นายโห่วันแทง เคยอาศัยอยู่กับครอบครัวในท้องที่คอมมูนจ่าแกม (Tra Kem) ปัจจุบัน เขาถูกเกณฑ์เป็นทหารเพื่อทำสงครามกับสหรัฐฯ และรัฐบาลเก่าในระบอบไซ่ง่อนในอดีต
นายแทง มีบุตรกับภรรยา 3 คน และลูกชายคนเล็กเพิ่งคลอดเมื่อเขาต้องออกจากบ้านไปกับกองทัพ เมื่อกลับไปอีกครั้งหนึ่งในอีก 2 ปีต่อมา ก็ได้พบว่า ไม่มีบ้านที่เคยอยู่เหลืออยู่อีกแล้ว ญาติๆ รวมทั้งภรรยากับลูก 2 คนเสียชีวิตในหลุมหลบภัยจากการทิ้งระเบิดครั้งหนึ่งของเครื่องบินสหรัฐฯ ซึ่งมีคนตายเป็นจำนวนมากในคราวเดียวกัน
ชีวิตของนายแทง เหลือบุตรชายคนเล็กเพียงคนเดียวที่ญาติๆ เลี้ยงดูให้ ซึ่งบัดนี้กลายมาเป็นนายนายลวาน ก็จึงนำลูกชายเข้าป่าหายลับไป
เจ้าหน้าที่ทางการกล่าวว่า นักสังคมสงเคราะห์ และจิตแพทย์กำลังพยายามทุกวิถีทางช่วยนายแทงฟื้นฟูความจำ เพื่อศึกษาสาเหตุที่เขาตัดสินใจไปใช้ชีวิตแบบบุพกาล หลายฝ่ายเชื่อว่าสิ่งนี้เกิดจากอาการช็อก เนื่องจากได้สูญเสียลูกๆ กับภรรยา และคนในครอบครัวไปเกือบทั้งหมด ลาวดงกล่าว.
.
กลับสู่ความศิวิไลซ์
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12