“สุริยะใส” เชื่อถึงโค้งสุดท้ายการเมืองไทยแล้ว หาก ปชป.ยังไม่ตัดสินใจเข้าสู่โหมดปฏิรูปประเทศจะน่าเสียดายมาก ห่วง “กองทัพประชาชนฯ” ไม่ประกาศยุทธศาสตร์ชัดเจน ส่งผลคนร่วมชุมนุมน้อย ด้าน “พิชาย” ชี้ “กองทัพ-ปชป.” ต้องเลิกฉวยโอกาสแล้วร่วมกับประชาชนปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง ถึงจะหลุดพ้นระบอบทักษิณได้
วันที่ 1 ส.ค. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
โดยนายสุริยะใสกล่าวว่า ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศว่าถ้า พ.ร.บ.นิรโทษฯ ผ่านวาระ 3 จะออกมานำมวลชนล้มระบอบทักษิณ กรณีนี้ในประชาธิปัตย์เองมีความคิดต่างกัน บางคนต้องการแค่ล้ม พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแต่ไม่ล้มรัฐบาล บางคนไม่ต้องการสู้นอกสภา การพูดเช่นนี้ของนายสุเทพนำไปสู่การเขย่าประชาธิปัตย์มากทีเดียว ซึ่งนายสุเทพอาจถูกโดดเดี่ยว แต่ถ้าเอาด้วยกับนายสุเทพทั้งพรรค ประชาธิปัตย์ต้องมีคำอธิบายว่าล้มรัฐบาลแล้วจะวนกลับไปที่ระบอบประชาธิปัตย์หรือเปล่า ถ้าจะล้มระบอบทักษิณต้องดูว่าพรรคพวกมีใครบ้าง เพราะสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณเดินเกมไว้มันใหญ่กว่าตอนปี 49 มาก ประชาธิปัตย์พร้อมหรือเปล่า เกมสู้ในสภาปิดกระดานไปแล้ว เพราะยกมืออย่างไรก็แพ้ ฉะนั้น ก่อนปิดวาระ 3 นายสุเทพต้องสู้กันในพรรคก่อน วันนี้ประชาธิปัตย์มาถึงจุดเปลี่ยน การที่นายสุเทพประกาศความคิดนี้ออกมา ในพรรคคงถกเถียงกันพอสมควร ถึงเวลาต้องทบทวนว่าจะทำงานกับประชาชนนอกสภามากขึ้นหรือไม่
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือการเคลื่อนไหวของกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณในวันที่ 4 ส.ค.ในขณะนี้ ภาพที่สาธารณะมองเข้ามาเหมือนเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่พร้อมจะใช้ความรุนแรง ฉะนั้นต้องสร้างภาพลักษณ์ขึ้นมาให้ได้ จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชัดเจนว่ามีแผน ขอบเขต รูปแบบ ระดับการชุมนุม และเป้าหมายทางการเมืองอย่างไร เพื่อทำให้ประชาชนที่ยังลังเล มั่นใจว่ากองทัพประชาชนคือคำตอบ ทางกลุ่มต้องพูดกับมวลชนให้ชัด ถ้าพรุ่งนี้ (2 ส.ค.) ยังไม่เห็นแผนชัดเจน วันที่ 4 ส.ค.มีปัญหาแน่ อย่าประเมินต่ำไปว่ามีคนที่พร้อมออกมาชุมนุมอยู่แล้ว
ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนกล่าวอีกว่า สมัยประชุมสภานี้จะเป็นโค้งสุดท้ายของการเมืองไทย โค้งสุดท้ายของการเผชิญหน้ากับระบอบทักษิณ แล้วตนว่าปลายปีนี้เห็นผล ซึ่งต้องกลับไปที่ประชาธิปัตย์ ถ้ายังวิเคราะห์แค่ว่าผลัดกันมาเป็นรัฐบาลมันไม่ง่าย เพราะมันไปไกลกว่าสภาแล้ว เรื่องนี้ไม่ซับซ้อนอะไรประชาธิปัตย์ก็รู้ดีว่าการเลือกตั้งและสภาไม่แก้ปัญหา ถ้ายังไม่กระโดดเข้าสู่โหมดปฏิวัติประเทศไทยจะน่าเสียดายมาก นายสุเทพต้องไม่ใช่แค่ประกาศเอามัน แต่ต้องสู้เพื่อประเทศจริงๆด้วยการปฏิรูป ไม่ใช่แค่ต้าน พ.ร.บ.นิรโทษฯ เพราะถ้ารัฐบาลยอมถอนพ.ร.บ.ก็จะไม่สู้กับระบอบทักษิณใช่หรือไม่ นั่นแสดงว่าวาระประชาธิปัตย์กับวาระประชาชนมีปัญหาแล้ว ฉะนั้นในพรรคต้องคุยกันให้ตกผลึก
ด้านนายพิชายกล่าวว่า เมื่อประชาธิปัตย์พูดออกมาแล้วก็ต้องทำ แต่ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ เพราะการต่อสู้บนท้องถนนมีความเสี่ยงมาก ประชาธิปัตย์จะกล้าหรือเปล่า
สมมติ พ.ร.บ.นิรโทษฯสามารถผ่านวาระ 1 ไปได้ จะถึงจุดสำคัญ เพราะแนวโน้มผ่านวาระ 2-3 จะสูงขึ้น จะทำให้มวลชนต่างๆที่คัดค้าน พ.ต.ท.ทักษิณตระหนักถึงอันตรายมากขึ้น และออกมาชุมนุมหลังวันที่ 7 ส.ค.มากขึ้น ส่วนในสภาหากประชาธิปัตย์เล่นเกมว่าหากผ่านวาระ 1 ลาออกจากการเป็น ส.ส.มาเลย ซึ่งประชาธิปัตย์ต้องถกเถียงกันในพรรคให้ตกผลึกก่อน แต่เขามีต้นทุนสูงที่จะตัดสินใจแบบนี้ เพราะนั่นหมายความว่าคือการยุติการต่อสู้ในสภา และยกระดับไปสู่การล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ สถานการณ์ก็จะเร่งเร้าสูงขึ้น ถึงวันนั้นดีไม่ดีพันธมิตรฯ อาจประกาศท่าทีใหม่ ก็จะได้มวลชนเพิ่มโหมเข้ามา จากนั้นถ้าจะล้มรัฐบาลได้ ต้องมีอีก 2 เงื่อนไข คือ กองทัพ ซึ่งไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่อาจเป็นคนอื่น ออกมาหนุนประชาชนและปฏิเสธระบอบที่ฉ้อฉล บวกกับองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ เพิ่มประสิทธิภาพในการพิจารณาคดีต่างๆที่เข้ามา ถ้าสภาการณ์เหล่านี้รุมเร้า โอกาสโค่นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็เป็นไปได้สูง แต่จะไปสู่การโค่นระบอบทักษิณได้หรือไม่ ต้องดูหลังจากนั้น
ถ้าประชาชนและประชาธิปัตย์มีสัญญาประชาคมร่วมกันว่าจะปฏิรูปสังคมไทย อันนั้นเป็นทิศทางที่จะทำให้หลุดจากระบอบทักษิณได้ กองทัพเองก็ต้องเลิกฉวยโอกาสแบบเก่า ประชาธิปัตย์ก็ต้องเลิกฉวยโอกาสเช่นกัน ให้มาร่วมกับประชาชนปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง
แน่นอนเสื้อแดงต้องต่อต้าน เพียงแต่ว่าพลังจะไม่มาก เพราะเงื่อนไขมาจากรัฐบาลเองที่บริหารประเทศทำมวลชนเสื้อแดงหลายคนเบื่อหน่าย ล่าสุดน้ำมันรั่วก็มีผลกระทบ จุดที่สำคัญก็คือกรณีคลิปที่อ้างเป็นอัลกออิดะห์ มีผลต่อ พ.ต.ท.ทักษิณมาก ไม่ว่าจะเป็นอัลกออิดะห์จริงหรือไม่ก็ตาม แต่เป็นการประจานความชั่วร้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณให้ชาวโลกและคนไทยอีกหลายคนรับรู้ พลังต่างๆที่จะมาสนับสนุนเสื้อแดง เพื่อหนุน พ.ต.ท.ทักษิณจะอ่อนลงมากทีเดียว แล้วตนเชื่อว่าสถานการณ์จะไม่เป็นแบบประเทศอียิปต์ เพราะมันไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงโดยทหารฝ่ายเดียว แต่อันนี้เกิดจากกลุ่มประชาสังคมทุกกลุ่ม พรรคการเมือง และทหารให้การสนับสนุน
นายพิชายกล่าวทิ้งท้ายว่า ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญ บางครั้งยากที่จะคาดการ ต้องวิเคราะห์วันต่อวัน แต่ก็คาดหวังว่าท้ายที่สุดประเทศจะข้ามระบอบทักษิณไปได้ไม่ช้าก็เร็ว