xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ-พิภพ” ย้ำ พธม.รอจังหวะเคลื่อนไหวที่คุ้มค่าสุด ท้า ปชป.เลิกตีกินนำชุมนุมเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปานเทพ” ย้ำเงื่อนไขถอนประกันตัวทำให้ พธม.เหลือโอกาสเคลื่อนไหวแค่ครั้งเดียว จึงต้องเลือกจังหวะที่คุ้มค่าที่สุด ท้า ปชป.นำมวลชนต้านกฎหมายนิรโทษฯ เอง ให้เลิกตีกินจากการเคลื่อนไหวของคนอื่น พร้อมแนะหากอยากกลับมาเป็นรัฐบาลต้องลาออกจาก ส.ส.มาร่วมปฏิรูปประเทศกับประชาชน





วันที่ 31 ก.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ทาง ASTV ถึงประเด็น “จุดยืนพันธมิตรฯต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม”

โดยนายปานเทพกล่าวว่า กฎหมายนิรโทษกรรมนำเข้าสู่สภาวันที่ 7 ส.ค.นี้ยังอยู่ในวาระที่ 1 ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้อยากได้ พ.ร.บ.นี้ แต่ต้องการตามในคลิปถั่งเช่าที่หลุดออกมา เพื่อที่จะรวมตัวเองเข้าไปด้วย แต่ พ.ร.บ.ฉบับนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ถูกรวมเข้าไปด้วย แม้จะเรียกว่าเป็นสถานการณ์ร้อนแรง แต่ยังไม่สุกงอมถึงที่สุด เพราะจะสุกงอมกว่านี้ถ้ามี พ.ต.ท.ทักษิณ ร่วมด้วย ซึ่งอาจจะถูกรวมในวาระ 2-3 ก็ได้ ฉะนั้นถ้าพันธมิตรฯ ปฏิบัติเท่ากันทุกเงื่อนไข คุณค่าการเคลื่อนไหวก็จะเท่ากันทุกระดับ

ที่มองข้ามไม่ได้คือเงื่อนไขศาล ไม่ใช่เพราะพันธมิตรฯกลัวการถูกถอนประกัน เพราะถ้ากลัวติดคุกคงไม่ออกมาต่อสู้ตอนที่ พ.ร.บ.ปรองดองของ พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน เข้าสภาตั้งแต่วาระแรก แต่ครั้งนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน เพราะนิรโทษกรรมให้เฉพาะมวลชน ฉะนั้น ถ้าเคลื่อนผิดจังหวะจะมีความสี่ยงต่อการถูกถอนประกันและจะจบในครั้งเดียว สิ่งที่ได้มาคือขัดขวางการประชุมสภา 1 ครั้ง ซึ่งเขาสามารถเอาเข้าซ้ำได้อีก และจะเลวร้ายไปถึงขั้นล้างความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย ซึ่งตอนนั้นพันธมิตรฯ ไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้อีก ดังนั้นเราเคลื่อนได้อีกแค่ครั้งเดียว ต้องเลือกว่าเคลื่อนแล้วคุ้มหรือไม่

นายปานเทพกล่าวต่อว่า แต่เกมที่ใหญ่กว่ากรณี พ.ต.ท.ทักษิณคือ ถ้าจะเสี่ยงต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศไทย หากถึงวันนั้นพันธมิตรฯ ยอมเสียสละได้อยู่แล้ว ขอให้คุ้มค่าที่สุดเพราะเรามีข้อจำกัดมากขึ้นจากพันธนาการที่เกิดจากพรรคประชาธิปัตย์ หากพันธมิตรฯ เห็นแก่ตัวก็คงประกาศไปแล้วว่าจะไม่ชุมนุมแน่นอน แต่นี่เราบอกเพียงแต่ว่ายังไม่ชุมนุมในช่วงเวลาตอนนี้

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า สถานการณ์เช่นนี้เมื่อพันธมิตรฯ ไม่เคลื่อน ประชาธิปัตย์ต้องตัดสินใจ มีคนลงคะแนนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ล้านคน แล้วประชาธิปัตย์ก็ประกาศเสมอว่าเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา แค่ 1 เปอร์เซ็นต์ของคนที่เลือกประชาธิปัตย์ก็มีถึง 1.2 แสนคน 5 เปอร์เซ็นต์ จะมีถึง 6 แสนคน เยอะกว่า 14 ตุลาเสียอีก ฉะนั้นทำไมถึงไม่นำมวลชนออกมาเอง จะมาด่าพันธมิตรฯ ทำไม เป็นการวัดใจว่าพวกท่านจะออกมานำประชาชนต้านกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่ พร้อมหรือไม่ที่จะไม่ตีกิน รับชอบแต่ไม่รับผิด เหมือนที่ผ่านมา และยังเป็นการวัดใจพ.ต.ท.ทักษิณด้วย ว่าจะจริงใจต่อมวลชนเสื้อแดงหรือไม่

นอกจากนี้ พันธมิตรฯ ยังเห็นว่ากฎหมายนิรโทษฯอันนี้ขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เพราะ ส.ส.หลายคนได้ประโยชน์จากกฎหมายนี้ เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามมาตรา 122 เราพร้อมที่จะเดินหน้าต่อสู้ในชั้นอื่น ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเคลื่อนมวลชนทุกขั้นตอนเสมอไป

นายปานเทพยังกล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พูดบนเวทีว่าหากแพ้ถึงมาตรา 3 จะร่วมชุมนุมกับประชาชนว่า นายสุเทพพูดต่างจากวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ในวันนั้นนายสุเทพประกาศว่าถ้าแพ้ในวาระ 1 ก็ให้เป่านกหวีดยาวไม่เลิก แล้วเป่าไปทั้งเดือนเลย แต่วันนี้นายสุเทพเปลี่ยนใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพันธมิตรฯ ไม่เคลื่อนไหวหรือเปล่า แล้วนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.มาจนวันนี้ยังไม่มีสักคำเลยว่าประชาธิปัตย์จะนำการชุมนุม มีแต่พูดว่าจะไปร่วมกับกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ ราวกับว่าประชาธิปัตย์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อาศัยความเสี่ยงของคนอื่น ให้รับผิดแทนหากเกิดผลร้ายตามมา ส่วนตัวเองรับแต่ความดีและความชอบเท่านั้น

ในเมื่อมีมวลชนของตัวเอง ทำไมไม่เสียสละออกมาชุมนุมเอง เพื่อรับผิดชอบเอง ไม่ควรไปอาศัยประชาชนกลุ่มอื่น ตรงนี้เรายังไม่เห็นความจริงใจและกล้าหาญเพียงพอ ตนได้ข่าวมาว่ามีการเตรียมการชุมนุมให้ถึงขั้นเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตั้งแต่วันที่ 1-7 ส.ค. 7 วันเอาให้จบ แต่วันนี้ประชาธิปัตย์ดันเก็บนกหวีด เลื่อนไปเป็นหลังวาระ 3 มันเป็นแท็กติกทางการเมือง

วันนี้ประชาธิปัตย์ต้องใคร่ครวญตัวเองให้มาก ถ้าอยากกลับมาเป็นรัฐบาล ประการแรกต้องเลิกหวังระบอบรัฐสภา ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่ายกมืออย่างไรก็แพ้ พูดเองว่าจะแพ้ทั้งวาระ 1 และ 2 แล้วยังจะไปสร้างความชอบธรรมในกระบวนการนี้ ทำไมไม่ลาออกจาก ส.ส. เพื่อทำลายความชอบธรรมของระบอบรัฐสภา แล้วมาร่วมกับประชาชน โดยชูเรื่องการปฏิรูปประเทศเพื่อประชาชน

นายพิภพกล่าวว่า ตั้งแต่อดีตประชาธิปัตย์ไม่เคยกระโดดขึ้นมานำมวลชนเลย ก่อนนี้ยังคลุมเครือว่าพันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวหรือไม่เลยจะลุยตั้งแต่วาระแรก แต่พอพันธมิตรฯ ออกมาบอกว่าไม่เคลื่อน นายสุเทพเลยเปลี่ยนท่าทีใช่หรือเปล่า นี่เป็นดีเอ็นเอของประชาธิปัตย์ใช่หรือเปล่า ที่ขอตามหลังมวลชนพอสามารถเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ ก็จะเข้ามาจัดการกับผู้นำมวลชน เหมือนตอนพฤษภาทมิฬ ที่กล่าวหา พล.ต.จำลองว่าพาคนไปตาย

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ประชาธิปัตย์รู้ตัวว่าไม่สามารถเป็นผู้นำมวลชนได้ เพราะคิดแต่จะเปลี่ยนขั้วอำนาจ ลึกๆ แล้วรู้ว่า 12 ล้านเสียงที่เลือกพรรค มันไม่ใช่เสียงที่รักประชาธิปัตย์อย่างแท้จริง แต่คนพวกนั้นมีความจำเป็นต้องเลือกเพื่อให้มาจัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ

แต่ตอนที่ประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลโดยทหาร ก็ไม่สามารถจัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณได้ ที่ไม่สามารถทำได้ก็เพราะคิดยุทธศาสตร์สั้น ตัดช่องน้อยแต่พอตัวด้วยการแก้กฎหมายไม่กี่มาตราเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบในการเลือกตั้ง แต่ถ้าทำยุทธศาสตร์ใหญ่คือการปฏิรูปประเทศ ก็ยากที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาได้ ท่าทีประชาธิปัตย์วันนี้ไม่จริงใจต่อการปฏิรูป

กำลังโหลดความคิดเห็น