xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวบินกลับบ้าน (เก่า) ของนายใหญ่

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาไปแล้ว โดยถือเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งเป็นการประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไป

ในการประชุมคราวนี้ พรรคเพื่อแม้ว “เรียกแขก” ด้วยการเตรียมบรรจุร่างกฎหมายนิรโทษกรรมมาพิจารณากันในวาระแรกในคราวประชุมวันที่ 6 และ 7 สิงหาคม โดยแซงโค้งมาแม้แต่กฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท หรือแม้แต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ

แม้เราจะทราบกันดีว่า ทั้งสองเรื่องดังกล่าว ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญและเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เป็นยอดปรารถนาของพลพรรคเพื่อไทย แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ร่างกฎหมายที่ถูกยืด ถูกดองมานานกลับแซงโค้งมาได้ ทั้งๆ ที่กฎหมายนี้เป็นกฎหมายเรียกแขกอย่างที่ว่า คือเสนอมาเมื่อไร คนเต็มถนนเมื่อนั้น เพราะจะอย่างไร คนก็ “ยอมไม่ได้” ที่จะให้ล้มล้างโทษฐานโกงแผ่นดินที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว และโทษฐานการตั้งกองกำลังเถื่อนขึ้นเผาบ้านเผาเมืองนั้น ถูกซักฟอกจนขาวสะอาดได้ง่ายๆ ด้วยกระบวนการพวกมากลากไปในสภา เขียนกฎหมายขึ้นมา แล้วใช้มือฝักถั่วดันๆ จนผ่านไป ล้างทั้งระบบกฎหมายและคำพิพากษามากมาย

และอันที่จริง กฎหมายนิรโทษกรรมคนเสื้อแดงนี้ คนเสื้อแดงโดยเฉพาะฝ่ายที่ใกล้ชิดกับนักโทษหรือคนที่ยังต้องคดีอยู่ที่เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ หรือแม้แต่พวกนักวิชาการ ต่างก็ร้องทวงกันมาหลายครั้ง แต่ทางพรรคเพื่อแม้วก็ดึงเกมซื้อเวลาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสื้อแดงบางส่วนเริ่มรู้สึกว่าถูกหลอกหรือถูกทิ้งนั้นแหละ ค่อยให้กำลังใจกันเป็นครั้งๆ ไป

นี่ก็อาจจะเหมือนกับการหันมา “ช่วย” เสื้อแดงตัวเล็กตัวน้อยที่ยังติดคุกอยู่ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ทั้งจากคลิปถั่งเช่าที่ปล่อยออกมาก่อน และคลิปวันเกิดอ้อนขอกลับบ้าน (อีกแล้ว) ก็ทำให้เรารู้ว่า คราวนี้พี่แม้วเอาจริงแล้ว อยากกลับบ้านเต็มแก่แล้วจ้า

ซึ่งการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมครั้งนี้เป็นไปอย่างรีบร้อนรวดเร็ว เสียจนกระทั่งแม้ฝ่ายญาติคนตายจากเหตุการณ์ดังกล่าว เสนอร่างนิรโทษกรรมฉบับญาติขึ้นมาประกบ ก็เลยโดนทั้งของหนักของเบา ของแข็งของร้อนมาจากทั่วสารทิศ นับตั้งแต่เสื้อแดงระดับรากหญ้า ไปยันเสื้อแดงระดับนักวิชาการอาจารย์มหาวิทยาลัย ต่างมารุมกระทืบร่างนิรโทษกรรมฉบับญาติกันแบบคนละเท้าสองเท้า จนเกิดวิวาทะกันลุกลามใหญ่โตไปของบรรดาเสื้อแดง ดังที่ได้เล่าไปแล้วในคราวก่อนนะครับ

ในส่วนร่างของนายวรชัย เหมะ มีความกำกวมมาก ว่านิรโทษกรรมให้ใครบ้าง ในมาตรา 3 ซึ่งตีความไปได้มากมาย และยังคลุมเครือว่า ตกลงจะนิรโทษใครได้บ้าง ทหารฝ่ายปฏิบัติการจะได้รับการนิรโทษกรรมด้วยหรือไม่? พวกคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112 จะได้รับผลพวงด้วยหรือเปล่า? คำตอบที่ออกมาแต่ละทีไม่ซ้ำกัน ยากที่จะมั่นใจได้

การปล่อยให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาไปได้นั้นเป็นเรื่องอันตรายต่อการดำเนินต่อไปของระบอบประชาธิปไตยและระบอบนิติรัฐ เพราะเท่ากับเป็นหลักการใหม่ยอมรับว่า หากคุณสามารถจัดกองทัพส่วนตัวขึ้นปล้นบ้านเผาเมืองได้สำเร็จ หากสามารถขึ้นเป็นรัฐบาลได้หลังจากนั้น ก็เท่ากับได้กุญแจประตูคุกไป “ไขกรง” เปิดให้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ออกมาได้

ส่วนการไม่นิรโทษกรรมให้ทหาร ตามที่เสื้อแดงส่วนหนึ่งร้องขอกันนั้น ก็เท่ากับเป็นการซ้ำเติมเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย เลยกลายเป็นว่า ต่อไป ยิงป้องกันเวลามีคนมาประทุษร้าย คนยิงจะมีความผิด ส่วนผู้ร้ายที่กระทำความผิดนั้นพ้นผิดไปเสียอย่างนั้น และมาเช็กบิลฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อยเสียอีก

ไม่เคยมีปรากฏในประวัติศาสตร์การเมืองว่า มีการนิรโทษกรรมในกรณีความวุ่นวายทางการเมืองใดที่เลือกนิรโทษกรรมฝ่ายหนึ่ง แต่ยังไล่ล่าเอาผิดกับฝ่ายตรงข้าม เพราะหลักของนิรโทษกรรมคือ ผิดทั้งคู่แต่มีเหตุควรเลิกแล้วต่อกัน ไม่ใช่อุ้มฝ่ายหนึ่ง อัดอีกฝ่ายหนึ่ง

อีกทั้ง ในบรรดาคดีทั้งหลายที่ได้ตัดสินไปแล้ว หลายคดีเช่นคดีเผาศาลากลางนั้น ศาลมีคำพิพากษาไปแล้ว บางคดีก็ถึงชั้นอุทธรณ์จำคุกคนเผาไปแล้ว ซึ่งการตัดสินพิพากษาของศาลนั้นเป็นไปตามพยานหลักฐาน เสียเวลาและทรัพยากรไปมากมาย เพื่อพิสูจน์เนำคนผิดเข้ารับโทษตามกฎหมาย ก็จะถูก “ล้าง” คำพิพากษาดังกล่าว ด้วยอำนาจทาง “การเมือง”

เมื่อคำพิพากษาถูกกลับได้ด้วย “เสียงข้างมากในสภา” แล้วจะมีอะไรเหลือได้ต่อไปในระบอบนิติรัฐเล่าครับ

คาดว่าคราวนี้ เจ้าของคลิป “ถั่งเช่า” อาจจะเชื่อว่า คุยได้หมดแล้ว เคลียร์ได้แล้ว ทางสะดวก พวกเลยเล่น “สุดซอย” กันแต่วัน แบบไม่เกรงใจใครกัน ได้ทั้งกลับบ้าน ได้ทั้งปล่อย “กองกำลัง” ส่วนตัวออกมาด้วยเป็นของแถม

แต่ประเทศไทยก็ไม่ใช่ของพวกเขากลุ่มเดียวมิใช่หรือ

ด้วยเหตุดังนี้ ประชาชนทั้งหลายจึงทนไม่ไหว หลายกลุ่มหลายก้อนที่สลายตัวไปแล้ว ก็กลับมารวมตัวใหม่ เช่น องค์กรพิทักษ์สยาม ซึ่งรวมพลกันกลับมาเป็นกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ

หรือกลุ่มคนหน้ากากขาว ที่แน่นอนว่า ถ้ามีการนำกฎหมายล้างผิดนี้เข้าสภา คงจะมารวมตัวกันใหม่ตามภารกิจแน่นอน

แม้ที่ผ่านมาจะมีปัญหาในแง่การนำมวลชน การช่วงชิงการนำอยู่บ้าง แต่เพื่อรักษาเป้าหมายร่วมกัน คาดว่าทุกฝ่ายคงจะต้อง “ออกมา” กันใหม่มากๆ ไว้ก่อน

แต่ออกมาแล้วจะหันข้างให้กัน เหล่ๆ กัน ค้อนๆ กันบ้างก็คงไม่เป็นอะไรมาก ดีกว่าปล่อยให้ระบบกฎหมาย นิติรัฐ และประเทศไทยถูกย่ำยีอย่างสมบูรณ์

นับว่าเรื่องนิรโทษกรรมอำพรางคราวนี้ ไม่น่าจะจบลงอย่างง่าย ถ้าทุกฝ่ายช่วยกัน

กาปฏิทินไว้เลยว่า สัปดาห์หน้าแห่งการเปิดสภา จะเป็นวาระที่ประชาชนอย่างเราจะต้องจับตาไม่ให้กะพริบกันเลยทีเดียว ว่าพวกเขาจะมั่นใจดันทุรัง เริ่มเดินเครื่องกระบวนการพานายใหญ่กลับบ้านได้หรือไม่ และสามารถ “เร่งเกม” ได้อย่างไม่อายหน้าอินทร์หน้าพรหมแค่ไหน

ทั้งนี้ก็อาจเพราะรัฐบาลนี้ก็จะบูดเน่าลงไป ด้วยบรรดาแผลประดามี ทั้งเรื่องจำนำข้าว การจัดการน้ำ รถคันแรก และนโยบายเสียทิ้งอื่นๆ กับดคีมากมายในชั้นศาลและในกระบวนการตรวจสอบขององค์กรอิสระต่างๆ

ฝ่ายที่อยากกลับมา คงเห็นว่า เวลาเหลือไม่มากแล้ว เร่งเครื่องลงจอดเลยดีกว่า

ตอนนี้เครื่องบินผู้โดยสารพลัดถิ่น ได้เร่งเครื่องลดระดับเตรียมลงจอดที่สนามบินแล้ว ผู้โดยสารมีทั้งชั้นประหยัด ชั้นธุรกิจ และเฟิร์สคลาส พวกเขามาบนเครื่องบินลำเดียวกัน ที่ขับเคลื่อนโดยกฎหมายนิรโทษกรรม

ลูกหาบลูกหา คนทางภาคพื้นดินกำลังเคลียร์ทางวิ่ง ขอสัญญาณลงจอดจากหอบังคับการบิน

ก็ระวังอย่าให้เป็นเหมือนเครื่องบินที่เร่งลดระดับอย่างรวดเร็วเกินไป จนหางไม่พ้นขอบรันเวย์ ขาดสะบั้นลกลางพื้นก็แล้วกัน.
กำลังโหลดความคิดเห็น