ส.ว.สรรหา แนะ ส.ส.ปชป.ที่จะให้ประชาชนไปส่งที่สภา มานั่งฟังการประชุมสภาแบบสดๆ ได้เลยครั้งละ 120 คน คนละ 20 นาที ชี้เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งคิวเข้ารับฟังก่อนหน้าบอกเลิกไปหมดแล้ว อีกด้านมอง “สุเทพ” ซ้อมเป่านกหวีด เพราะในสภาเป็นงานหลัก เชื่อมาส่ง ส.ส.มากกว่า 5 หมื่นคนตำรวจเอาไม่อยู่แน่
วันนี้ (6 ส.ค.) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ตำรวจในนามของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. ประกาศว่าประชาชนจะเข้ามาชุมนุมในเขตประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไม่ได้ แม้จะโดยสงบและสันติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้ามา จะผลักดันออกไปแล้วถ้าประชาชนไม่ได้มาชุมนุม แต่จะมาขอใช้สิทธิฟังการพิจารณาวาระสำคัญในห้องประชุมรัฐสภา ตามคำเชิญชวนของ ส.ส. โดยการรับรองของ ส.ส.จะห้ามหรือไม่ เพราะโดยปกติเปิดให้เข้ารับฟังได้ทุกครั้งที่มีการประชุมเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย และสัมผัสบรรยากาศจริง โดยให้ขึ้นไปฟังในห้องประชุมสภาชั้น 3 ตามกติกามารยาทครั้งละ 120 คนตามข้อจำกัดของสถานที่ โดยในจำนวนนี้อาจมีได้หลายคณะ ตามคิว ให้ฟังได้คนละ 20 นาที สามารถขออนุญาตในวันประชุมได้เลยหากเป็นกรณีเร่งด่วน ส่วนที่ให้ขอล่วงหน้าก็เพื่อจะได้จัดคิวหากมีหลายคณะ จะได้ไม่สับสน แต่ไม่ได้เป็นกฎเกณฑ์ว่าต้องขออนุญาตล่วงหน้าก่อนวันประชุม
หาก ส.ส.ปชป.ทุกคนขอใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย พาพี่น้องประชาชนมาขอเข้าฟังการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวาระสำคัญพรุ่งนี้ ส.ส.1 คนขอนำประชาชนชุดละ 10 คน แต่ถ้า ส.ส.ทุกคนใบ้สิทธิ ขอให้พี่ร้องประชาชนหลายชุด ตลอดทั้งวันนับจาก 10 โมงเช้าถึง 5 ทุ่ม ก็จะมีประชาชนอยู่ในข่ายที่จะได้รับอนุญาตขึ้นไปรั่งรับฟังบนสถานที่เฉพาะชั้น 3 ตลอดทั้งวันได้เป็นหลักพันคนทีเดียว ถามว่าตำรวจจะไม่อนุญาตประชาชนเหล่านี้ที่ ส.ส.รับรองได้หรือไม่ จะบอกว่าคิวเต็มแล้วหาได้ไม่ เพราะคิวเข้ารับฟังของประชาชนคณะต่างๆ ที่ขอไว้ล่วงหน้าสำหรับวันพรุ่งนี้แม้จะเคยมี แต่จากการตรวจสอบอย่างไม่เป็นทางการได้มีการบอกเลิกบอกเลื่อนไปหมดแล้ว
“ถ้า ส.ส.ปชป.ทุกคนทำได้เช่นนี้ การเดินเข้าประชุมสภาและจะพยายามขอเจ้าหน้าที่เปิดทางให้ประชาชนเข้าไปส่งและหรือเข้าไปใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในเขตประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ก็จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากถึงมากที่สุด และจะไม่ใช่แค่ขอเข้าไปในเขตประกาศ พ.ร.บ.เท่านั้น แต่จะขอขึ้นไปนั่งฟังการประชุมเลยทีเดียว จึงเสนอมาเพื่อโปรดพิจารณา ถ้าท่านคิดไว้แล้วก็ขออภัย” นายคำนูณกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายคำนูณโพสต์ข้อความว่า ถามกันมามากว่าวันที่ 7 ส.ค. 2556 จะเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่าเวทีในระบบรัฐสภา พรรคประชาธิปัตย์จะแพ้แน่นอนในการลงมติวาระ 1 หลังจากเตะฟรีคิกรัฐบาลชุดใหญ่ในการอภิปรายที่ดุเดือดตลอดวัน แล้วจบลงด้วยการวอล์กเอาต์ เป็นฐานในการแปรญัตติทุกคนทุกมาตราและใช้ทุกกลไกในระบบรัฐสภาในประเด็นอื่นต่อเนื่อง รัฐบาลก็รู้เลยไม่ถ่ายทอดสดการประชุมผ่านช่อง 11 ให้เกิดการขยายผลฟรีคิกมากเกินไป เกมในสนามนี้ก็ต้องวัดใจรัฐบาลว่าจะเดินหน้าชนหรือจะถอน หรือชะลอการพิจารณาร่างกฎหมายเจ้าปัญหาไว้ก่อนเพื่อบีบให้พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาร่วมเวทีพูดคุย แม้โอกาสออกซอยนี้จะน้อย เพราะติดแกนนำ นปช. แต่ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้เสียเลย
ส่วนเวทีนอกสภานั้น อย่างที่บอกไว้ในโพสต์ก่อนๆ ว่าเวทีสวนลุมพินียังไม่ได้แสดงศักยภาพว่าจะยกระดับขึ้นมาสู่จุดที่จะมีนัยสำคัญต่อสถานการณ์ได้ เวทีหลักจึงตกภาระหนักอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์อีก จนต้องออกมุกปราศรัยโต้รุ่งเดินเท้าจากอุรุพงษ์ส่ง ส.ส.เข้าสภา วงในรัฐบาลพูดกันว่า การเดินหน้าเข้าสภาเช้า 7 ส.ค.นี้ถ้ามีคนมาส่งน้อยกว่า 50,000 คนยังรับได้ กุมสภาพได้ เอาอยู่ แต่ถ้าแตะ 50,000 คน เมื่อไรก็ยากจะรับประกัน แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ บอกว่านี่ยังเป็นเพียง 'ซ้อมเป่านกหวีด' เท่านั้น ยังต้องสู้ถึงวาระ 3 ยกเว้นประชาชนบาดเจ็บจึงจะเป่านกหวีดจริงทันที ขณะที่จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์บอกว่ายังมีวุฒิสภาอีก 3 วาระและการพิจารณาในศาลรัฐธรรมนูญอีก เพราะฉะนั้นเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยังไม่ทุ่มสุดตัวลงบนท้องถนนในวันที่ 7 ส.ค.นี้แน่นอน
“คีย์เวิร์ด คือ ซ้อมเป่านกหวีด จึงยังไม่น่าจะเกิดเหตุวิกฤตสุดๆ ในระดับที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงลักษณ์ใดลักษณ์หนึ่ง” นายคำนูณระบุ
ส.ว.สรรหากล่าวอีกว่า ดูเหมือนสำหรับพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ งานนอกสภายังเป็นงานเสริม ของงานในระบบรัฐสภาอยู่ ไม่ใช่งานหลัก อาจเป็นงานเสริมเพื่อบีบให้รัฐบาลถอยไปบางระดับในส่วนงานหลัก เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งอย่างไรเสียก็ยังคงเป็นนักการเมืองในระบบรัฐสภาอยู่ แม้จะพัฒนายกระดับถึงขั้นนี้ แต่การเปลี่ยนแปลงตัวตนนั้นใช่ว่าจะทำได้ชั่วแค่ข้ามคืน เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังคงหวังว่าจะมีโอกาสได้ครองอำนาจรัฐจากการเลือกตั้งอยู่