โฆษก ปชป.ย้อนเหตุ รบ.อ้างดัน พ.ร.บ.นิรโทษฯ เพื่อความสงบ ปรองดองชาติ แต่กลับออก พ.ร.บ.มั่นคงฯ ขวางชุมนุม ติดดาบ ตร.ตอกเป็น กม.สร้างแตกแยกไม่ปรองดอง ฉะ “ปู” หลอกตัวเอง ปชช. นำชาติขัดแย้ง แถมชิ่งไม่อยู่รับความเสี่ยง ท้าพูดให้ชัดทำเพื่อ “พี่แม้ว” ชี้ข้ออ้างช่วย ปชช.ฟังไม่ขึ้น แกนนำจ้องรับประโยชน์ แจงไร้มติพรรคหนุนชุมนุม แต่คนมีสิทธิแสดงออกรวมถึง ส.ส. สวน พท.ตัวฝืน กม. ไม่มีหน้ามาด่า
วันนี้ (2 ส.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลดึงดันเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ตนคิดว่าต้องย้อนไปดูวัตถุประสงค์ว่าสาเหตุที่รัฐบาลเพื่อไทยและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้เหตุผลในการผลักดันคือจะทำให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ความสงบ สันติ ปรองดอง ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกฯ ย้ำอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นจากวัตถุประสงค์ที่จะทำให้ไทยเดินหน้าไปสู่ความปรองดองนั้น แต่สภาพแวดล้องตรงข้าม ขอถามนายกฯ ที่ปากบอกจะนำประเทศเข้าสู่กระบวนการเจรจาสร้างความสามัคคี แต่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงตั้งแต่ 1-10 ส.ค. 2556 สร้างเงื่อนไข สกัดกั้นคนมาชุมนุม ไม่มีประเทศไหนในโลกที่จะเสนอกฎหมายอ้างความปรองดองสามัคคีเป็นเป้าหมาย แต่ไม่ทันเสนอรัฐบาลต้องใช้กฎหมายพิเศษควบคุมฝูงชน จึงไม่ใช่กฎหมายปรองดองแต่เป็นกฎหมายสร้างความแตกแยก นายกฯ กำลังโกหกประชาชนและหลอกตัวเอง เพราะทราบดีว่ากำลังนำพาประเทศเข้าสู่ความขัดแย้ง แต่นายกเสี่ยงให้ประชาชนเผชิญหน้าแต่ตัวเองไม่อยู่รับความเสี่ยงนี้ด้วย เดินทางไปต่างประเทศหลายวันกลับมาวันที่ 2 ส.ค. และในสัปดาห์ที่จะมีการพิจารณากฎหมายนี้ก็จะไปต่างจังหวัด ทั้งที่อ้างว่าเป็นกฎหมายสำคัญแต่ไม่อยู่รับฟัง อีกทั้งยังติดดาบให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย จึงอยากให้นายกฯ พูดให้ชัดว่าทำกฎหมายเพื่อล้างผิดให้พี่ชายไม่ใช่เพื่อการปรองดอง
นายชวนนท์กล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 63 ระบุชัดว่าบุคคลย่อมมีเสรีภาพในกรชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ การจำกัดเสรีภาพจะทำมิได้ เว้นแต่จะปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิประชาชน เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ จึงอยากให้นายกคิดให้ดีเพราะกำลังสุมไฟให้แรงขึ้นทุกวัน จากเหตุการณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยเสนอให้มาพูดคุยหาทางออก แต่นายกฯ เลือกหักด้ามพร้าด้วยเข่า เดินหน้าสู่เป้าหมายของตัวเองโดยไม่สนใจความเสียหาย และที่อ้างว่าจะช่วยประชาชนไม่เกี่ยวกับแกนนำนั้น เนื้อหากฎหมายไม่สามารถแยกแกนนำจากประชาชนได้ สุดท้ายจะเป็นทั้งหมดที่ได้รับการนิรโทษกรรม ทั้งแกนนำ แกนนอน และประชาชน นอกจากนี้คนที่อยู่ในคุกหลักสี่มีไม่มากแค่ 20 กว่าคน โดยต้นปี 55 มีผู้ถูกคุมขัง 47 คน ได้รับการประกันไปแล้ว 27 คนที่ยังเหลือนั้นโทษหนักเบาต่างกัน ดังนั้น ข้ออ้างเรื่องช่วยประชาชนก็ฟังไม่ขึ้น จึงเชื่อว่าต้องการล้างผิดคนก่อการร้าย และการที่กล่าวหาว่าพรรคขนคนมากจากภาคใต้นั้นเราไม่มีมติพรรคให้ประชาชนออกมาชุมนุม แต่ยืนยันว่าประชาชนกลุ่มไหนก็ตามมีสิทธิแสดงออกตามรัฐธรรมนูญด้วยการชุมนุมปราศจากอาวุธ รวมทั้ง ส.ส.ของพรรคก็สามารถแสดงออกตามสิทธิภายใต้กรอบของกฎหมายได้ ต่างจากพรรคเพื่อไทยที่มีการชุมนุมโดยผิดกฎหมายซึ่งศาลมีการชี้แล้วว่าเกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงไม่มีสิทธิกล่าวหาพรรคเพราะพวกท่านคือคนที่ชุมนุมไม่สงบ ติดอาวุธ ละเมิดรัฐธรรมนูญ