เลขาฯ สมช.เปรยรู้ปลายทางคนปล่อยคลิปขู่เด็ดหัว “นช.แม้ว” อ้างสัมพันธ์นอก-ในประเทศ รับลูกนักวิชาการไม่เกี่ยวอัลกออิดะห์ จับตาคลิปภาคต่อ โยนไอซีทีจัดการ ปัดนำเรื่องถก “นาจิบ” แจงกำลังเตรียมร่างโต้บีอาร์เอ็น ใส่ร้ายละเมิดข้อตกลง ศอ.บต.รวมตัวเลขก่อเหตุ ยันถก ครม.วันนี้ยังไม่ใช่ พ.ร.บ.มั่นคงฯ รับม็อบ คาดไม่ยึดสถานที่ เชื่อการเมืองไม่หนุนมาน้อย ปัดเรียกแขก รับเตรียมแก๊สน้ำตา แต่ไม่อยากใช้
วันนี้ (30 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคลิปวีดิโอชายอาหรับอ้างตัวเป็นกลุ่มอัลกออิดะห์ขู่สังหาร พล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ความเคลื่อนไหวขณะนี้มีความสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอกที่ทำร่วมกันมาเพื่อให้ตอบรับกับสถานการณ์ภายในประเทศที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ ส่วนเรื่องความชัดเจนของผู้ที่ทำคลิปในตอนนี้มีความเชื่อมโยงกับภายนอกประเทศ แต่ขณะนี้ทราบว่าคงไปไม่ถึงปลายทาง ตอนนี้ก็ได้รู้ที่หมายปลายทางแล้ว แต่เรื่องนอกประเทศเทศตนจะไม่พูดถึง เพราะตอนนี้กำลังดูสถานการณ์ภายในประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการขอความร่วมมือกับประเทศปลายทางหรือไม่ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ตรงนี้จะเป็นความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกันในหลายภาคส่วนซึ่งต้องใช้ระยะเวลา เพียงแต่เรารับทราบที่หมายปลายทางของคลิปไว้ก็เป็นเรื่องดี ส่วนที่มีนักวิชาการออกมาวิเคราะห์ว่าไม่มีการเกี่ยวข้องกับกลุ่มอัลกออิดะห์นั้น ส่วนตัวเห็นด้วย เพราะตรงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอัลกออิดะห์อยู่แล้ว ส่วนการหาที่มาของคลิปที่ชัดเจนในขณะนี้ กระบวนการภายในประเทศยังไม่สามารถประเมินที่มาของจุดหมายได้
เมื่อถามว่า มีการประเมินหรือไม่ว่าอาจจะมีคลิปออกมาอีก พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ตอนนี้ก็ระวังและติดตาม ซึ่งคาดว่าน่าจะมีบ้าง ส่วนการดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายนั้นต้องพิจารณาจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แต่เนื่องจากที่หมายปลายทางมีความคลุมเครือไม่ชัดเจน จึงยังไม่สามารถระบุตัวบุคคลชัดเจนได้
เมื่อถามว่า เหตุใดแหล่งข่าวด้านความมั่นคงเจาะลึกไม่ได้ว่าฝ่ายไหนเป็นผู้กระทำ เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า เรื่องจังหวัดชายแดนใต้หลังจากที่มีการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นและมีข้อตกลงลดเหตุรุนแรงก็เริ่มปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนแล้วว่าในแต่ละเหตุเป็นการกระทำของกลุ่มไหน คงต้องมีพัฒนาการต่อไป
เมื่อถามถึงกำหนดการที่นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะเดินทางมาร่วมพิธีละศีลอดที่ จ.นราธิวาส ได้มีการเตรียมการหารือเรื่องนี้หรือไม่ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า ท่านเดินทางมาปฏิบัติศาสนกิจ คงจะไม่มีการพูดคุยเรื่องประเด็นเหล่านี้
เลขาฯ สมช.ยังได้กล่าวถึงการทำหนังสือตอบโต้กลุ่มบีอาร์เอ็นกรณีกล่าวหาเจ้าหน้าที่ละเมิดข้อตกลงลดความรุนแรงชายแดนใต้ด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมร่างอยู่ ส่วนตัวเลขก่อเหตุในช่วงเดือนรอมฎอนนั้นคณะทำงานและศูนย์ประสานงานส่งเสริมสันติภาพ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะเป็นผู้รวบรวม อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มบีอาร์เอ็นยอมรับว่าบางเหตุการณ์มีแนวร่วมก่อเหตุด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ส่งข้อมูลเข้ามา
สำหรับกระแสข่าวเสนอใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มารับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาฯ นั้น พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้ คงยังไม่มีการเสนอขอความเห็นชอบประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะวันนี้อยู่ในกระบวนการประเมินของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประเมินแล้ว ขั้นต้นอาจจะมีข้อบ่งชี้ที่จะปรากฏเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงได้ แต่จะมีการประชุมร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และหน่วยข่าวที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในช่วงบ่ายวันนี้ (30 ก.ค.) อีกครั้ง เพื่อมาหารือกันว่าข้อมูลข่าวสารตรงกันหรือไม่อย่างไร แล้วจะได้คำตอบได้
เมื่อถามว่า มีการประเมินรูปแบบการเคลื่อนไหวการชุมนุมในครั้งนี้อย่างไร เนื่องจากองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ไม่ยอมเปิดเผยรูปแบบให้ทราบ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า เป็นรูปแบบลักษณะเดิมๆ คือการทยอยเข้ามาชุมนุม โดยใช้ประเด็นในเรื่องที่จะเกิดขึ้นในสภา แต่การข่าวตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นกับยึดสถานที่ต่างๆ
เมื่อถามว่า สมช.ประเมินตัวเลขผู้มาชุมนุมครั้งนี้ประมาณเท่าไร เลขาฯ สมช.กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวประเมินตัวเลขไว้ยังไม่สูงมากนัก ประมาณหลักหมื่น แต่หากมีภาคการเมืองมาสมทบจะมีจำนวนมาก
เมื่อถามว่า การประเมินตัวเลขผู้ชุมนุมจะทำให้เป็นการเรียกแขกหรือไม่ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า ไม่ เรามีเหตุมีผล เอาตามข้อเท็จจริง เพราะเราจะมีฝ่ายข่าวคอยประเมิน
เมื่อถามว่า จากการฝึกซ้อมรับมือการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการใช้แก๊สน้ำตา เป็นไปได้ว่าโอกาสข้างหน้าอาจจะมีการใช้ใช่หรือไม่ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า มีการเตรียมพร้อมไว้ก่อน แต่ว่าไม่ประสงค์ที่จะใช้ถึงขั้นนั้น