xs
xsm
sm
md
lg

ชายแดนใต้พินาศฉิบหายก็ต้นตอฝีมือ แม้ว รับผิดชอบอย่างไร !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

เป็นอีกตัวอย่างที่มองเห็นถึงความ "ผิดพลาด-ล้มเหลว"ได้ชัดที่สุดอีกกรณีหนึ่งของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีกทั้งมองเห็นได้ชัดอีกว่านี่คือว่าล้มเหลวของ ทักษิณ ชินวัตร สำหรับการแก้ปัญหาจังหวีดชายแดนภาคใต้ นอกเหนือจากนโยบายประชานิยมที่กำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านไปทุกหย่อมหญ้า

หากจำกันได้ในช่วงที่ริเริ่มการเจรจานัดแรกที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซียเมื่อหลายเดือนก่อน เป็นช่วงที่ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ นำคณะชุดใหญ่ไปเยือน มีการลงนามซื้อก๊าซธรรมชาติกับมาเลเซีย แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกวงหนึ่งเริ่มเจรจาสันติภาพระหว่างฝ่ายความมั่นคงของไทยที่มีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เป็นหัวหน้าคณะในการเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในชื่อกลุ่ม "บีอาร์เอ็น"ซึ่งรับรู้กันในพื้นที่ว่า"แทบไม่มีบทบาท"มานานนับสิบปีแล้ว และที่น่าสังเกตก็คือในเวลาไล่เลี่ยกัน นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซียเป็นคนเปิดเผยเองว่าการเจรจาหารือดังกล่าวมีที่มาจากความพยายามประสานงานของ ทักษิณ ชินวัตร และก็ไม่น่าแปลกใจที่ในช่วงเวลาเดียวกันมีข่าว ทักษิณ ปรากฏตัวที่มาเลเซียด้วย

นอกเหนือจากนี้หากปะติดปะต่อเชื่อมโยงกันก็จะเห็นว่าตัวบุคคลที่ชื่อ ฮัสซัน ตอยิบ ที่อ้างว่าเป็นแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นหากย้อนไปในอดีตเมื่อครั้งที่ สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ปรากฏว่า เคยเป็นหนึ่งในสามคนที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ในขณะนั้นนำมาแถลงข่าว โดยใช้ชื่อว่า"กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย"มาแถลงข่าวหยุดยิงทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 มาแล้ว สร้างความมึนงงในลักษณะเดียวกัน เพราะตัวบุคคลดังกล่าว ทั้งกลุ่มโจรก็แทบไม่มีบทบาท ส่วนคนนำมาแถลงคือ พล.อ.เชษฐา ก็ไร้ความหมาย เพียงแต่ว่ารายหลังในอดีตเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาล ทักษิณ และเมื่อตอนนำโจรหรือหากเรียกให้สวยหรูเอาใจก็ว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลกำลังลุ้นว่าจะได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกฯแทน สมัคร ที่กำลังถูกมรสุมการเมืองเล่นงานอย่างหนัก

อย่างไรก็ดีนั่นเป็นการชี้ให้เห็นถึงเส้นทางของกลุ่มคณะเจรจาของกลุ่มบีอาร์เอ็นในอดีตว่าเชื่อมโยงไปถึง ทักษิณ ลักษณะที่สื่ออกมาไม่ต่างจากการ "โปรโมต"สร้าง "สันติภาพจอมปลอม" หวังผลทางการเมืองในลักษณะฉาบฉวย ซึ่งเป็นแนวทางถนัดของ ทักษิณ มาตลอด

หากวกกลับมาพิจารณาสถานการณ์ในปัจจุบัน กลุ่มโจรที่มาเจรจาก็เป็นกลุ่มเดิมหน้าเดิม ส่วนฝ่ายรัฐบาลก็ยังเป็นตัวแทนของรัฐบาลที่เชื่อมโยงกับคนเดิมคือ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งก็เป็นคนเดียวกับที่เคยย่ำยีสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนใต้จน"ลุกเป็นไฟ"จนถึงทุกวันนี้

การเจรจากับกลุ่มโจรก่อการร้ายที่กระทำกันอย่างน่ากังขาดังกล่าว ได้สร้างความสับสนวุ่นวายในพื้นที่มากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อพิจารณาในด้านยุทธศาสตร์การป้องกันรับมือกับเหตุร้ายในพื้นที่กลบยิ่งสร้างปัญหามากขึ้นเพราะทำให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานมีความสับสน ที่สำคัญขณะที่กำลังมีการเจรจาอยู่นั้นฝ่ายอำนาจรัฐยังไม่อาจกุมความได้เปรียบ หรือสร้างเงื่อนไขโน้มน้าวให้เกิดบรรยากกาศสันติภาพได้เลย สังเกตได้จากการก่อเหตุรุนแรงหนักข้อขึ้นทุกวัน ทั้งเจ้าหน้าที่และชาวบ้านอันตรายไม่ต่างกัน การเจรจาผ่านไปสามรอบยังไม่เห็นแนวโน้มในทางบวก ตรงกันข้ามกลับเป็นการ "ยกระดับ"กลุ่มโจรบางกลุ่มขึ้นมา ซึ่งกลุ่มดังกล่าวหากพิจารณาอย่างวิเคราะห์ก็อาจมองได้ว่า "สมประโยชน์"กับอำนาจรัฐ หากระบุให้ตรงจุดเข้าไปอีกก็คือเป็น"พวกเดียวกับระบอบทักษิณ"นั่นเอง

กลายเป็นว่าการเจรจาถูกยกระดับจากปัญหาภายในกลายเป็นระดับสากลเข้าไปทุกที เช่นเวลานี้มาเลเซียได้เปลี่ยนสถานะจาก"ผู้อำนวยความสะดวก"มาเป็น "ผู้ไกล่เกลี่ย"แล้ว ขณะเดียวกันกลุ่มองค์กรระหว่างประเทศเริ่มเข้ามาสังเกตการณ์มากขึ้น อย่างน้อยก็มีองค์กรอิสลามสากลหรือโอไอซี ก็ขอเข้ามาแล้ว แม้ในทางเปิดเผยจะยังได้รับการปฏิเสธก็ตาม พร้อมๆกับการพูดถึงเรื่องการจัดตั้งนครรัฐปัตตานี หรือ "เขตปกครองพิเศษ" อะไรทำนองนี้ให้ได้ยินหนาหูขึ้น อย่างน้อยที่ชัดเจนที่สุดก็เป็น นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค ที่เสนอเรื่องดังกล่าวขึ้นมาก่อนหน้านี้ แต่ฝ่สยไทยกลับไม่ได้ตอบโต้อะไร ทั้งที่นี่คือการแซงแทรงกิจการภายในของไทยนั่นเอง

ล่าสุดการที่กลุ่มโจรบีอาร์เอ็น เหิมเกริมถึงขั้นออกแถลงการณ์ 7 ข้อผ่านทางยูทิวบ์โดยเฉพาะเสนอให้รัฐบาลถอนกำลังทหารและตำรวจออกจากพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และให้นายกรัฐมนตรีและรัฐสภารับรองเงื่อนไขดังกล่าว ถือว่าเหิมเกริมและ "ค้ากำไรเกินควร" หากจะบอกว่า ไม่เจียมตัวก็อาจไม่ผิดนัก แต่สำหรับผลที่กลับมาถือว่าทั้งตัวแกนนำรวมทั้งกลุ่มที่ว่านี้ได้ถูกยกระดับขึ้นมาอย่างชัดเจนแล้ว โดยนัยก็คือถูกยกฐานะมาจากฝ่ายอำนาจรัฐนั่นเอง

เพราะหากพิจารณาจากสภาพความเป็นจริง และสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนใต้ที่เป็นอยู่ยังไม่เห็นแนวโน้มในทางบวกเลยแม้แต่น้อย รวมไปถึงยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาก็ไม่มีความขัดเจน เพราะจนถึงบัดนี้ยังไม่ทราบเลยว่าใครกันแน่ที่เป็นคนรับผิดชอบในการแก้ปัญหา จะเป็นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)หรือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะผู้อำนวยการด้านยุทธศาสตร์อะไรสักอย่าง ที่อ้างว่ารับมอบหมายจากนายกฯแต่ก็ไม่เคยลงไปในพื้นที่ รวมปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ที่ตามข่าวบอกว่าเพิ่งได้รับแต่งตั้งเข้ามาเพิ่มเติม ก็ไม่น่าจะใช่ ลักษณะที่ออกมาเหมือนต่างคนต่างทำ ต่างพูด ทุกอย่างยิ่งดูเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ

ถ้ามองในแง่ร้ายก็อาจมองได้ว่านี่อาจเป็นแผนแยกดินแดนโดยฝ่าย ทักษิณ เองเพื่อหวังให้เปลี่ยนแปลงเป็นเขตปกครองพิเศษโดย"เชิดกลุ่มบีอาร์เอ็น"ขึ้นมา มีกองกำลังรักษาสันติภาพจากภายนอกเข้ามา ถึงตอนนั้นก็ค่อยกลับเข้าไปเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันใหม่ มันก็น่าคิดเพราะเริ่มชัดเจนมากขึ้นทุกที

แต่ในสถานการณ์ขณะนี้หากพิจารณาเฉพาะปรากฏการณ์ที่เป็นอยู่กรณีจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลชุดนี้ ภายใต้การบงการของ ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งความพินาศฉิบหาย ที่สร้างเอาไว้ แล้วใครสมควรรับผิด
กำลังโหลดความคิดเห็น