เลขาฯ สมช.เดินหน้าคุยโจรใต้บีอาร์เอ็น เน้นลดเหตุรุนแรง ถามกลุ่มไหนก่อเหตุ พร้อมพูดคุย 5 ข้อเสนอโจรใต้ ย้ำไม่มีการแบ่งแยกดินแดน ทำเขตปกครองพิเศษ เผยคุยประชาชนในพื้นที่ต้องการความสงบเป็นสำคัญ
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็นที่ประเทศมาเลเซีย ครั้งที่ 3 ในวันที่ 13 มิ.ย.ว่า ตอนนี้ความพร้อม และความมั่นใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยประเด็นหลักยังเป็นการลดเหตุรุนแรง และยังมีการพูดคุยถึงข้อเสนอ 5 ข้อของกลุ่มบีอาร์เอ็นที่ยื่นมาก่อนหน้านี้มาขยายผลให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนต่อไป ส่วนเรื่องของโรดแมปตอนนี้ได้มาจากทุกฝ่ายแล้ว และกำลังนำมาประมวลรายละเอียดเพื่อให้สอดคล้องกัน ซึ่งคาดว่าจะทันนำเข้าโต๊ะพูดคุยวันที่ 13 มิ.ย. ซึ่งความคืบหน้าในการพูดคุยครั้งนี้คือเราจะสืบสภาพข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาหลังจากพูดคุยประมาณ 1 เดือนนั้นเกิดจากกระบวนการไหน กลุ่มไหน ซึ่งเราจะมีการกำชับเป็นรูปธรรมว่าข้อเท็จจริงต้องปรากฏชัดให้ได้ จะได้ร่วมแก้ไขปัญหาได้ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากการเจรจาครั้งนี้จะมีการเลื่อนกำหนดพูดคุยในครั้งต่อไปหรือไม่ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ประเด็นการพูดคุยยังคงต้องมีต่อ ส่วนจังหวะที่จะต้องหยุดหรือเลื่อนการพูดคุยไปบ้าง ก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลที่จะต้องพูดคุยกัน รวมถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ถ้าเกิดจากของกลุ่มบีอาร์เอ็นแล้วยังแก้ไขไม่ได้ตรงนี้คงต้องทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นมาให้ได้ แต่หลังจากการพูดคุยเราเห็นได้ว่าเหตุสถิติการเกิดเหตุลดน้อยลง แต่ความรุนแรงมากขึ้น โดยมุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ขณะเดียวกันหลังจากที่เราได้ลงพื้นที่สอบถามประชาชนที่ได้มีการจัดตั้งเวทีต่างๆ นั้นยังมีความหลากหลาย ยังไม่ชัดเจน เพราะเนื้อหาทีส่งมายังมีการแปลความไม่ตรงกันอยู่ เช่น การที่ระบุว่าบีอาร์เอ็น ไม่ใช่กระบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่เป็นกระบวนการปลดปล่อย ซึ่งตรงนี้มันค่อนข้างไม่ชัดเจนว่านัยยะคืออย่างไร ซึ่งการสืบสภาพกับประชาชนคงต้องใช้อีกหลายเวที
ส่วนจะมีการนำความเห็นของนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในการสนับสนุนให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ มาพูดคุยหรือไม่ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ตรงนั้นไม่ต้องเพราะเป็นไปตามกรอบเจตนารมณ์ที่พูดคุยไว้ว่าจะไม่มีการแบ่งแยกดินแดนอยู่แล้ว ทั้งนี้โดยนัยยะ ของกลุ่มก่อความไม่สงบคือการมีส่วนร่วม ซึ่งรัฐธรรมนูญไทยเปิดช่องในการมีส่วนร่วมในการปกครองอยู่แล้ว แต่การปกครองที่เหมาะสมคงต้องคุยอีกพอสมควรด้วยการสืบสภาพในเวทีต่างๆ เมื่อถามย้ำว่าจะไม่นำไปสู่การแยกออกเป็นรัฐออกมาต่างหากใช่หรือไม่ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า แน่นอน ชัดเจน การที่จะแบ่งแยกออกมาเป็นรัฐต่างหากนั้นเป็นไปไม่ได้ อยู่แล้ว เพราะกรอบที่พูดคุยมีกรอบเจตนารมณ์อยู่แล้วว่าอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญไทยที่เป็นรัฐเดียว
ต่อข้อถามว่า ได้สอบถามประชาชนในเรื่องของเขตปกครองพิเศษ หรือไม่ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ในความหมายของพี่น้องประชาชน มองว่าเรื่องการปกคอรงท้องถิ่นที่เขามีส่วนร่วม แต่เป้าหมายมุ่งไปสู่สันติสุข แต่ตรงนี้ยังมีปัญหาเรื่องของการมีเอกภาพบนความหลากหลายขณะนี้จึงยังไม่ลงตัว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐเองสามารถรับข้อเสนอ 5 ข้อของบีอาร์เอ็น ได้เพียงใด พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ตอนนี้เรารับฟังไว้ทั้งหมด แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการที่เราไปสืบสภาพกับเวทีพี่น้องประชาชน ซึ่งขณะนี้คำตอบยังไม่ได้ข้อยุติ โดยขณะนี้เราได้รับฟังมาเรื่อยๆ เพื่อนำมาประมวลวิเคราะห์กันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถามว่าแสดงว่าพร้อมที่จะให้โอไอซี เข้ามาเป็นตัวกลางในการพูดคุยใช่มั๊ย เลขาฯสมช.กล่าวว่า ยังไม่ถึงกับพร้อม เพียงแต่รับฟังเท่านั้น เมื่อถามว่าหากมีการนำโอไอซี หรือเอ็นจีโอเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ จะเป็นการแทรกแซงการพูดคุยหรือไม่ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ตอนนี้เขาใช้ภาษาว่าเป็นพยาน และสังเกตการณ์ มันจึงเกิดความสับสนว่าจะไปกันอย่างไร ตรงนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพูดคุยที่ต้องถามความชัดเจนอีกครั้ง
ส่วนที่กลุ่มบีอาร์เอ็นระบุว่าถ้าทางเราไม่รับข้อเสนอ 5 ข้อดังกล่าวเขาจะไม่เดินหน้าเจรจา เลขาฯ สมช.กล่าวว่า ตรงนี้เรายังยืนยันว่า เขาต้องการเปิดพื้นที่พูดคุยอยู่ เพราะเขาบอกว่ายังไงก็ต้องคุยกันต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอข้อที่ 5 ข้อ เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งแยกดินแดน ถือว่าขัดกับข้อตกลงที่เราทำไว้กับบีอาร์เอ็น ที่ว่าต้องไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ทำไมจึงยอมรับได้ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า บีอาร์เอ็นเขาพูดชัดเจนว่าเขาไม่ใช่ขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่เขาบอกว่าเป็นขบวนการปลดปล่อยชาวปาตานี ก็ต้องไปวิเคราะห์ให้ชัดว่าการปลดปล่อยของเขาหมายถึงอะไร ทั้งนี้เรื่องการปลดปล่อย ยังมีความหลากหลาย พี่น้องประชาชน ก็บอกว่าเป็นผู้กระทำผิดปล่อยไม่ได้ต้องเอามาลงโทษ แต่ผู้ที่ถูกกล่าวหาก็บอกให้รีบดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งตอนนี้เรามีรายชื่อแล้วจำนวนพอสมควร ซึ่งก็อยู่ที่กระบวนการที่จะพูดคุยกันด้วย
ส่วนหากรายชื่อที่เรามีทางบีอาร์เอ็นบอกว่าน้อยไป จะทำอย่างไร พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ก็คงรับฟัง เพราะตรงนี้เป็นเรื่องของบรรยากาศในการพูดคุยว่าเขาคิดอะไร อย่างไร คงไม่สามารถบอกเป็นตัวเลขได้ แต่ตัวเลขอยู่ที่หลักพัน เมื่อถามต่อว่าคนที่โดนคดีตาม ป.วิ อาญาจะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ตรงนี้จะมี 2 นัย คือ 1. ถ้ากระบวนการไปถึงศาลแล้วรัฐบาลคงไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ 2. ถ้าอยู่ในกระบวนการชั้นต้นเราก็จะดูให้ เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เสนอว่าเมื่อการพูดคุยไม่เป็นผล จะเปลี่ยนไปพูดคุยกับกลุ่มอื่น พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ได้มีการหารือกับ ร.ต.อ.เฉลิม เพราะนโยบายรัฐบาลเราเปิดให้คุยกับทุกกลุ่มอยู่แล้ว
พล.ท.ภราดรยังกล่าวถึงคดีการหายตัวของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่ แต่ในข่าวสารชั้นต้นที่ปรากกก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งก็มีรายงานมาทุกระยะ อยู่ในชั้นของพนักงานสอบสวนเราก็รับฟังไว้อยู่
ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้นนั้น พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังเฝ้าระวังอยู่ เป็นช่วงบ่มเพาะแต่ยังอยู่ในภาวการณ์ควบคุมได้
