รายงานการเมือง
หากฟังคำแถลงการณ์ “หยุดยิง” ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของ “ดาโต๊ะ สรี อาห์มัด ซัมซามิน ฮาซิม” อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยสันติภาพชายแดนใต้ เชื่อว่าสร้างความอุ่นใจให้กับ “คนไทย” ทั้งประเทศ
โดยเฉพาะคนไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะแม้ที่ผ่านมาจะมีการประกาศ “หยุดยิง” มาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ถือว่ามีรูปแบบขั้นตอนที่พอเชื่อถือได้มากที่สุดครั้งหนึ่ง
แต่จะไว้วางใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเลยไม่ได้ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า การก่อเหตุในช่วงเดือนรอมาฎอน กลุ่มก่อความไม่สงบเชื่อกันว่าจะ “ได้บุญ” เป็นสองเท่า
ฉะนั้นยังมีกระบวกการปลุกปั่นให้กลุ่มก่อความไม่สงบออกมาก่อเหตุอยู่ได้เสมอ
ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการออกแถลงการณ์มี “ข่าวลับ” ว่า “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ต่อสายถึง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีหลายครั้ง เพื่อที่จะให้ “นายใหญ่” ใช้มาตรการเดินเกมใต้ดินอีกทางหนึ่ง โดยการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็น “เพื่อนสนิท” กับ “นาจิบ ราซัค” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อ “ล็อบบี้” ทางการมาเลเซีย เพื่อหวังให้ต่อสายเรียก “กลุ่มบีอาร์เอ็น” มา “ล็อบบี้” อีกทอดหนึ่ง
เพราะนอกจากมาเลเซียจะถือเป็นฐานทัพสำคัญของ “กลุ่มบีอาร์เอ็น” แล้ว และยังเป็นที่รู้กันว่า “ฮัสซัน ตอยิบ” ตัวแทนของกลุ่มที่พูดคุยกับทางการไทย ทำงานให้กับ “สันติบาล” ของมาเลเซียมาอย่างยาวนาน
เหตุเพราะลำพัง “รัฐไทย” จะบีบให้ “กลุ่มบีอาร์เอ็น” ออกแถลงการณ์เองคงเป็นเรื่องยาก
จับพิรุธให้เห็นกันชัดๆ เลยว่า ครั้งแรก “ดาโต๊ะ สรี อาห์หมัด ซัมซามิน ฮาซิม” จะออกแถลงการณ์ในช่วงเย็นวันที่ 9 กรกฎาคม เช่นเดียวกับ “พล.ท.ภราดร” ที่นัดสื่อมวลชนไว้ล่วงหน้าหวังสัมภาษณ์ภายหลังที่ ทางการมาเลเซียออกแถลงการณ์
สุดท้ายก็ต้องยกเลิกทั้ง 2 หมาย เพราะทางมาเลเซียยกเลิกกำหนดการกะทันหัน
แต่ทาง “พล.ท.ภราดร” ไม่ยอมยกธงขาวง่ายๆ เดินสาย “ล็อบบี้” หนัก ปรับเปลี่ยนข้อตกลงในแถลงการณ์กันยกใหม่อีกครั้ง โดยยินยอมให้ “กลุ่มบีอาร์เอ็น” ปรับเปลี่ยนเนื้อหาได้มากพอสมควร
เมื่อทุกอย่างตกลงสมประโยชน์กัน “ดาโต๊ะ สรี อาห์หมัด ซัมซามิน ฮาซิม” จึงออกแถลงการณ์ในวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา หรืออีก 3 วันถัดมา
อย่างไรก็ตามหากถอดรหัสคำแถลงการณ์ของ “ดาโต๊ะ สรี อาห์หมัด ซัมซามิน ฮาซิม” ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้ว่านี่คือ “ความเห็นพ้อง” ของ “กลุ่มบีอาร์เอ็น”
เพราะแม้แต่ “ตราประทับ” ของทั้ง “รัฐไทย” และ “กลุ่มบีอาร์เอ็น” ยังไม่มีให้เห็น
ซึ่งต่างจากการลงนามการ “พูดคุยสันติภาพ” เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ทั้ง “สภาความมั่นคงแห่งชาติ” (สมช.) กับ “กลุ่มบีอาร์เอ็น” ต่างฝ่ายต่างลงนามเป็น “ตราประทับ” ในเอกสารตกลงร่วมกัน
เหตุผลหนึ่งเพราะความระแวงของ “รัฐไทย” ที่เกรงว่าเนื้อหาในแถลงการณ์ครั้งล่าสุดจะมีผลบังคับใช้ และอาจจะกระทบกระเทือนต่อประเทศไทยในภายหลังได้ จึงเป็นเหตุให้ไม่มีการลงนาม “ตราประทับ” จาก“รัฐไทย”
ด้าน “กลุ่มบีอาร์เอ็น” ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะควบคุมสถานการณ์ให้ “หยุดยิง” ทั้งหมดได้ เพราะภายในกลุ่มเอง ก็ยังมีหลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับ “การพูดคุยสันติภาพ” อยู่แล้ว หากจะทำให้มีผลผูกมัดก็จะทำให้ “กลุ่มบีอาร์เอ็น” ถูกประณามฟรีๆ
โดยเฉพาะบรรดา “แกนนำบีอาร์เอ็น” ในพื้นที่ต่างๆ ที่ยังยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ “ผู้ใหญ่ในบีอาร์เอ็น”
จริงอยู่ที่ “ฮัสซัน ตอยิบ” พอมีคอนเน็คชั่นกับพวก “สายเก่า” ที่ยังพอเป็นแกนนำในพื้นที่อยู่ แต่ก็คุมได้เฉพาะ “นราธิวาส” ส่วน “ปัตตานี-ยะลา” เป็นพวก “แกนนำรุ่นใหม่” ที่นับได้น้อยคนที่จะรู้จัก “ฮัสซัน ตอยิบ”
ดังนั้นในพื้นที่จังหวัด “ปัตตานี-ยะลา” ต้องจับตาเป็นพิเศษว่าจะมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่
นอกจากนี้ “รัฐไทย” ยังมีปมเสี่ยงอยู่มากกรณีที่แถลงการณ์ระบุถึง 5 อำเภอในจังหวัดสงขลา ประกอบด้วย อ.จะนะ อ.นาทวี อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย และอ.สะเดา
ซึ่งปกติ “สะเดา” ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นเลย มีแค่ข่าวว่าถูกใช้เป็นพื้นที่เคลื่อนไหวลับๆ แต่ กลับถูกระบุในแถลงการณ์ให้เป็นพื้นที่ “หยุดยิง” ซึ่งถูกมองว่า “กลุ่มบีอาร์เอ็น” อาจจะซ่อนเกมอะไรแฝงไว้
เพราะหากมองในยุทธศาสตร์ภาพรวมแล้ว “สะเดา” ถือเป็นเมืองชายแดนที่มีมูลค่าค้าขายสูงสุดในบรรดาจังหวัดชายแดนในภาคใต้ แถมยังเป็นจุดเชื่อมให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน “หาดใหญ่”
หมากเกมนี้ “รัฐไทย” จึงต้องระวังไว้ให้ดี เพราะเคยมีบทเรียนมาแล้วจากกรณี “เขาพระวิหาร”
ทั้งหมดพอฟันธงได้ว่าอย่างไรเสียคงมีเหตุการณ์ความรุนแรงออกมาให้ค่อนข้างแน่นอน เพราะการแถลงการณ์ “หยุดยิง” ไม่ได้ออกมาจากความสมัครในของ “กลุ่มบีอาร์เอ็น” หากแต่เป็นการ “ล็อบบี้” เพื่อให้ออกแถลงการณ์
แถลงการณ์ “หยุดยิง” จึงเสมือน “รัฐบาล” ได้หน้า “มาเลเซีย” ได้ใจ “นายใหญ่”
แต่สำหรับ “กลุ่มบีอาร์เอ็น” เหมือนจะไม่ได้อะไร แถมยังเสี่ยงถูกประณามอีกต่างหาก