“ประพันธ์” ชี้นิรโทษฯ ทุกฉบับล้วนแต่ทำลายขื่อแปบ้านเมือง มุ่งช่วย “ทักษิณ-แกนนำ” ซัด ปชป.อย่าเล่นการเมืองจนน่าเกลียด หลังกระโดดหนุนฉบับญาติเสื้อแดงหวังเสี้ยมให้ทะเลาะกัน ด้าน “พล.อ.อ.วีรวิท” ย้ำต้องทำความจริงให้ปรากฏก่อนค่อยนิรโทษกรรมทั้งหมดสังคมถึงยอมรับได้
วันที่ 23 ก.ค. นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาปฏิรูประบบงานความมั่นคงของรัฐ ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ทางเอเอสทีวี
โดยนายประพันธ์กล่าวถึงกฎหมายนิรโทษกรรมที่กลุ่มต่างๆ เสนอว่า แต่ละฉบับมันไม่ได้มุ่งแก้ปัญหาความขัดแย้ง ไม่ได้มุ่งค้นหาความจริง ฉะนั้นเกมของกฎหมายนิรโทษฯ เป็นเกมของทักษิณ แต่ประชาธิปัตย์กลับกระโดดเข้าสนับสนุนฉบับญาติเสื้อแดง เท่ากับไปเล่นกับเกมที่ทำลายขื่อแปบ้านเมือง ทั้งที่ตัวเองไม่เคยเสนออะไรเป็นสาระเลย นี่เป็นวิธีเล่นการเมืองแบบเดิมๆของประชาธิปัตย์ เสี้ยมหวังให้ฝ่ายรัฐบาลขัดแย้งกัน แต่สมัยที่ตัวเองเป็นรัฐบาล ตั้ง คอป. (คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ) ขึ้นมา แต่ไม่เคยอ่านสิ่งที่ คอป.เสนอ ไม่เคยเอาเป็นแนวทางในการเสนอกฎหมายเลย แทนที่เอามาเป็นแนวทางเสนอทางออกให้บ้านเมืองแต่ไม่เคยทำ วันนี้เพิ่งมาคิดทำ เพราะเห็นว่า พ.ร.บ.ฉบับญาติเสื้อแดงขัดแย้งกับทักษิณ เลยกระโดดงับ หวังเสี้ยมให้ทะเลาะกัน
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ในบรรดาเป้าหมายการนิรโทษกรรมทุกฉบับ เพื่อล้างผิดให้คนกลุ่มเล็กๆ ที่ก่อปัญหาให้บ้านเมือง คือ ทักษิณ พวกแกนนำ และคนที่ทำผิดคดีอาญาร้ายแรง ส่วนประชาชนที่มาร่วมชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายก็ไม่ถูกดำเนินคดี อย่างโทษขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็โดนรอลงอาญา รัฐมนตรีที่สั่งการตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ได้รับควมคุ้มครองตามกฎหมายออยู่แล้ว ผู้บัญชาการทั้งทหารและตำรวจ ที่ทำตามคำสั่งนายกฯ คนพวกนี้ปฏิบัติการเพื่อระงับเหตุร้ายแรง ก็ไม่มีความผิดตามกฎหมาย ฉะนั้นใครที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่เกินเหตุจากเจ้าหน้าที่ก็ฟ้องโดยตรงได้ เป็นความผิดส่วนบุคคล
ส่วนฉบับญาติเสื้อแดง เพิ่มบุคคลที่ได้ประโยชน์ขึ้นมาอีกหนึ่งกลุ่ม คือ พวกติดคุกจากมาตรา 112 ซึ่งเป็นความผิดที่ไม่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองเลย บรรดาพวกนี้ไม่จำเป็นต้องมีนิรโทษกรรม จึงไม่มีควมจำเป็นที่ระชาธิปัตย์จะมาร่วมตรงนี้ การนิรโทษฯ มันเป็นเรื่องสุดท้าย สิ่งที่ต้องทำก่อนคือต้องเข้าสู่กระบวนการที่ให้ทุกฝ่ายยอมรับความจริง คนผิดต้องสำนึกผิด ที่ประชาะปัตย์บอกว่านิรโทษฯ ฉบับญาติเสื้อแดงเป็นแสงสว่างให้บ้านเมืองจึงน่ารังเกียจที่สุด เพราะเป็นการทำลายหลักการของบ้านเมืองทั้งนั้น อีกทั้งพอเข้าสู่ขั้นตอนแปรญัตติ อาจมีการอ้างเหตุผลว่าห้ามเลือกปฏิบัติ เพื่อความเป็นธรรม ทีนี้ก็รวมนิรโทษฯ ทั้งทักษิณ แกนนำ เข้าไว้หมดเลย มันไม่ใช่เรื่องยาก แล้วเพื่อไทยเป็นเสียงข้างมากอยู่แล้ว ประชาธิปัตย์จะเอาอะไรไปสู้กับเขา ฉะนั้นดีที่สุดประชาธิปัตย์อย่าไปเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะเท่ากับไปเต้นตามเกม ไปเป็นเครื่องมือทักษิณ สิ่งที่ควรทำคือดึงทุกคนให้เข้าสู่กระบวนการค้นหาความจริง
ถึงบอกว่ากระบวนการที่ออกกฎหมายนิรโทษฯ ทุกฉบับ ไม่มีฉบับไหนปรองดองได้ ไม่มีฉบับแสงสว่างของประเทศแบบที่ประชาธิปัตย์พูด อย่าเล่นการเมืองแบบน่ารังเกียจ กระโดดเข้าไปงับ เพื่อหวังเสี้ยมให้ทะเลาะแตกแยกกัน ไม่ต้องห่วงเพราะความขัดแย้งภายในเขามีอยู่แล้ว
ด้าน พล.อ.อ.วีรวิทกล่าวว่า กฎหมายปรองดองทุกคนได้หมด แต่นิรโทษกรรมสามารถเพิ่มหลักการในขั้นตอนการแปรญัตติได้ ฉะนั้นทุกอันไม่มีความแตกต่างกัน และทุกอันไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งเราควรเอาเหตุการณ์คนไทยฆ่ากันเอง เอามาเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ปัจจุบันผู้ชุมนุมที่ไม่มีเจตนาพ้นผิดไปหมดแล้ว เหลือแต่พวกก่อคดีอาญาร้ายแรง ซึ่งถ้าปล่อยต่อไปพวกนี้อาจโยงไปยังผู้สั่งการได้ อย่างเหตุการณ์ 10 เม.ย. ความจริงค่อยๆ เริ่มเห็นชัดแล้ว กระบวนการต่างๆต้องพิสูจน์ในศาล อย่างไรก็แล้วแต่ตามที่ คอป. เสนอ ข้อแรกต้องค้นหาข้อเท็จจริง ผู้ผิดต้องสำนึกผิดขอโทษผู้เสียหาย อย่างนี้ความสมานฉันท์ถึงจะเกิดขึ้น แล้วถ้ามีความจริงปรากฎออกมาแล้วค่อยนิรโทษกรรมทั้งหมด สังคมถึงจะยอมรับได้ ที่สำคัญรัฐบาลต้องสัญญากับประชาชนว่าเหตุการณ์ร้ายแรงจะไม่เกิดขึ้นอีก ต้องมีมาตรการคุ้มกันชัดเจน
