โฆษกประชาธิปัตย์ จี้นายกฯ ทำให้กระจ่างคลิปเสียงฉาว อ้างคนสงสัยรู้เห็นกำกับบทหรือไม่ จวก “เจริญ” จ้อลุ้นเอาเองเปิดสภาเอาอะไรถก ไม่ใช่เกมทายปัญหา ซัดหมกเม็ดไม่เหมาะสม แนะพูดให้ชัดเอาอะไร เตือนอย่ายกนิรโทษฯ ถก ฉะตั้ง กก.สอบ “สุภา” ทำคนหมดความน่าเชื่อถือ วอนจัดการ 5 ประการ สอนรัฐประณามบีอาร์เอ็นและเลิกคุยถ้าพบไม่หยุดยิงจริงไม่ใช่ปล่อยโจรประณาม
วันนี้ (21 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีคลิปลับเสียงสนทนาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม ที่มีการยอมรับว่าคลิปลับเป็นเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ พล.อ.ยุทธศักดิ์แล้วแต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า คลิปนั้นมีการตัดต่ออย่างไรหรือไม่ ทั้งที่เรื่องนี้ประชาชนให้ความสำคัญ น.ส.งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะปล่อยให้หายไปกับสายลม ใช้กรณีอื่นมากลบข่าวนี้ไม่ได้ เพราะบทสนทนามีหลายประการที่น่าสนใจ มีความพยายามใช้สภากลาโหมผ่านกฎมหายล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการเปิดโปงว่าการแต่งตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็น รมว.กลาโหมเพื่อล้วงลูกการแต่งตั้งโยกย้ายในกองทัพ และประเด็นที่คาใจประชาชนมากที่สุดคือการพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์อันเป็นที่รักของคนไทย นายกฯ จะปล่อยผ่านไปไม่ได้
“นายกฯ ต้องทำความกระจ่างในเรื่องนี้ เหมือนกับที่เคยพูดว่าจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบแต่ผ่านมา 2 สัปดาห์ไม่มีจริง เป็นการพูดแต่ไม่ทำ ถ้าเป็นแค่ยิ่งลักษณ์ผมคงไม่ยุ่ง แต่วันนี้เป็นนายกฯ ต้องรักษาสัจจะวาจาของตัวเอง จึงให้เวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ทำความกระจ่างให้เกิดขึ้น ถ้าไม่ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง คนไทยหลายคนเริ่มคิดว่ารายละเอียดในคลิปที่ไม่กล้าพิสูจน์เพราะนายกฯ ก็รู้เห็น วางแผนและกำกับการแสดงเรื่องต่างๆ อยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่ ผมคิดว่าประชาชนไม่ยอมให้เรื่องนี้เงียบไปเฉยๆ แต่ถ้าไม่ตอบ ก็ชี้แจงให้ชัดเจนว่าพร้อมที่จะตอบกระทู้เมื่อไหร่ พรรคจะได้ยื่นกระทู้ตามวันเวลาที่นายกฯว่าง” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า กำลังจะมีการเปิดสมัยประชุมวันที่ 1 สิงหาคม 2556 สิ่งที่ประชาชนกังวล คือ รัฐบาลยังไม่มีท่าทีชัดเจนว่าจะหยิบยกเรื่องอะไรมาหารือเป็นวาระแรก โดยนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ ระบุว่าให้ประชาชนไปลุ้นเอาเอง จึงขอเรียนว่าสภาไม่ใช่เกมการทายปัญหา บ้านเมืองวิกฤตมีความขัดแย้งมากขึ้นเรื่อยๆ และสภามีหน้าที่ลดความขัดย้ง ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต้องบรรเทาความขัดแย้งในสังคม แต่รัฐบาลกลับมีพฤติกรรมหมกเม็ด ปิดบังซ่อนเร้น ใช้สภาผ่านกฎหมายต่างๆ ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งนี้หากเรียงลำดับตามความสำคัญ แน่นอนว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 หากมีการนำมาพิจารณาเป็นวาระแรกอย่างเร็วที่สุดก็ต้องเป็นวันที่ 14 สิงหาคม ดังนั้นจึงขอให้ประกาศให้ชัดว่าหากพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 57 ในวันที่ 14-15 ส.ค. 56 ก่อนหน้านี้จะพิจารณาเรื่องอะไร จึงขอเสนอให้แถลงผลงานของรัฐบาลในวันที่ 7-8 ส.ค.เพื่อให้ประชาชนทราบว่าการใช้งบประมาณเกือบ 2 ปีที่ผ่านมามีผลงานอย่างไร
“ผมขอเตือนว่าอย่าหยิบยกกฎหมายนิรโทษกรรมไม่ว่าจะเป็นฉบับใดก็ตามมาพิจารณา เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้น อย่าหมกเม็ดซ่อนรูป และแปลกใจว่าทำไมไม่มีการนำกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับภาคประชาชนมาพิจารณาในรายละเอียดไม่นิรโทษกรรมคนทำลายทรัพย์สิน ทำผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หากตกลงร่วมกันได้ก็จะเป็นก้าวแรกในการสร้างความปรองดอง ด้วยการปล่อยประชาชนที่กระทำความผิดลหุโทษ ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ แต่รัฐบาลไม่ทำ เลือกที่จะเก็บคนเสื้อแดงไว้ในคุกรอการปลดปล่อยพร้อมแกนนำ จึงขอว่าอย่าโยนฟื้นเข้ากองไฟ ต้องจัดลำดับความสำคัญโดยคำนึงถึงคนไทยไม่ใช่คำนึงถึงคนที่อยู่เบื้องหลังเท่านั้น” นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์กล่าวถึงปัญหาคุณภาพข้าวถุงว่า ตนไม่สบายใจเพราะเมื่อเช้ามีข่าวว่ากรมวิชาการเกษตรออกมาพูดว่าข้าวถุงโคโค่ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและ อย.ตรวจพบว่ามีสารเมธิลโบรไมด์เกินกว่าค่ามาตรฐานนั้น ทางกรมวิชาการเกษตรตรวจไม่พบว่ามีสารเมทิลโบไมด์ตกค้างเกินค่ามาตรฐานเหมือนที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและ อย.ออกมาระบุ ซึ่งจากผลสำรวจความเห็นประชาชนของเอแบคโพลล์ก็ระบุว่า ให้ความเชื่อถือผลตรวจสอบของภาคประชาชนมากกว่าหน่วยงานรัฐ แสดงว่าประชาชนเริ่มไม่ให้ความเชื่อถือต่อรัฐบาลแล้ว รัฐบาลทำลายเครดิตตัวเองด้วยผลงานของตัวเองจากการปกปิดหมกเม็ดปัญหาตั้งแต่เรื่องต้นน้ำ คือ โกง คอร์รัปชันในโครงการจำนำข้าวแต่รัฐบาลพยายามปิดแผล อ้างว่าไม่มีการทุจริต ต่อมาถึงการขาดทุนมหาศาล ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้ตรวจสอบปัญหาการขาดทุนแต่กลับไปตรวจสอบ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ทำให้คนหมดศรัทธาในตัวนายกฯ แม้วันนี้กรมวิชาการเกษตรจะออกมาระบุว่าข้าวถุงมีความปลอดภัย คนก็อาจจะไม่เชื่อถือ
ดังนั้นแทนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะ เดินสายชิมข้าวโชว์แต่ควรดำเนินการ 5 ประการ คือ 1. ควรให้ภาคประชาชนเข้าร่วมตรวจสอบคุณภาพข้าวกับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ 2. ให้หน่วยงานอิสระไปตรวจสอบสต๊อคข้าวที่เหลืออยู่ของรัฐบาลทั่วประเทศ 3. ร่วมกันตรวจสอบคุณภาพข้าวในโรงสีที่มีรายงานว่ามีมากกว่า 20 ล้านตัน 4. เปิดเผยการระบายข้าวอย่างตรงไปตรงมาให้ประชาชนรับทราบ และ 5. เปิดเผยรายละเอียดการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐให้ประชาชนรับทราบ เพราะคนรู้กันทั้งประเทศว่าเป็นการการขายระหว่างรัฐบาลกับพ่อค้าที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลเท่านั้น เพราะประชาชนไม่ไว้ใจที่รัฐบาลจะตรวจสอบกันเอง แต่เชื่อมั่นที่จะให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมตรวจสอบ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มบีอาร์เอ็นประนามรัฐไทยก่อเหตุรุนแรงก่อนในช่วงที่มีการตกลงลดความรุนแรงช่วงรอมฎอนว่า พรรคประชาธิปัตย์หวังเห็นสันติสุขในพื้นที่ภาคใต้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือความน่าสะพรึงกลัวเพราะนอกจากรัฐบาลเปิดโอกาสให้บีอาร์เอ็นออกแถลงการณ์กล่าวอ้าง อ.สะเดา เป็นพื้นที่รุนแรงเพิ่มเติม และยังมีการออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลไทยว่าใช้ความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอน เป็นเรื่องที่น่ากังวลเพราะรัฐบาลตกเป็นฝ่ายตั้งรับ บีอาร์เอ็นจะทำอะไรก็ได้แต่รัฐบาลไทยไม่มีการประท้วงอย่างเป็นทางการในขณะที่บีอาร์เอ็นทำอย่างเป็นทางการทุกอย่างเพื่อให้ปรากฏต่อสังคมโลก จึงเห็นว่ารัฐบาลจะปล่อยให้บีอาร์เอ็นที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้มีตัวตนขึ้นมาทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้รับการยอมรับจากประเทศไทย กระทำการตามอำเภอใจไม่ได้ เพราะในช่วงที่มีข้อตกลงลดความรุนแรงนี้มีเหตุเกิดไม่น้อยกว่า 20 ครั้งแล้ว
นายชวนนท์กล่าวว่า ดังนั้นรัฐบาลต้องประนามบีอาร์เอ็นไม่ใช่ปล่อยให้บีอาร์เอ็นประณามไทยรายวัน และหากบีอาร์เอ็นไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ รัฐบาลต้องหยุดการเจรจาในทันที ไม่ใช่ต่อรองโดยที่ไม่รู้ว่าบีอาร์เอ็นทำอะไรได้บ้างประชาชนตายรายวัน หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ผิดหลักการเมืองระหว่างประเทศอย่างยิ่ง เพราะหากบานปลายออกไปจนมีประเทศอื่นยื่นมือเข้ามาจะทำให้ไทยเสียเปรียบในเรื่องการเจรจามากขึ้น หาก สมช.ไม่ทำ กระทรวงการต่างประเทศก็ต้องเป็นผู้ดำเนินการเพื่อยืนยันว่ารัฐไทยเป็นเข้าของแผ่นดินในประเทศไทยทุกตารางนิ้ว