xs
xsm
sm
md
lg

พท.รอถกชี้ขาดดัน กม.เข้าสภาฯ ซัด ปชป.โบ้ยผิดแต่ รบ. ชงดีเอสไอฟันเพิ่มไทยเข้มแข็ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(แฟ้มภาพ)
“เด็จพี่” เผย พท.นัด 30 ก.ค.ถกลูกพรรค วิปรัฐฯ ประชุม 24 ก.ค. เตี๊ยมแผนดัน กม.สำคัญเข้าสภา คาดเป็นสัปดาห์ที่ 2 เปิดสภาฯ ยันยึดมติไม่ขัดแย้ง 31 ก.ค.นัดสังสรรค์ เย้ย อพส.พวกฝนตกขี้หมูไหลคืนชีพไล่ รบ. ซัด “อภิสิทธิ์” เด็กเกเร โยนบาป รบ.เหตุ มรภ.พระนครไม่ให้จัดผ่าความจริงฯ อัด “สุเทพ” โยง รบ.เอี่ยวทำร้ายโหรดัง ติงฟันธงการเมืองเดือด เลิกอคติ “แม้ว” พร้อมยื่นดีเอสไอสอบแฟลต ตร. ชี้เละแบบโรงพักฉาวไทยเข้มแข็ง

วันนี้ (21 ก.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะเรียกประชุม ส.ส.และสมาชิกในวันอังคารที่ 30 ก.ค. เพื่อทำความเข้าใจกับ ส.ส.ในกรณีที่มีกฎหมายสำคัญจะเข้าสู่การพิจารณาของสภา โดยวิปรัฐบาลจะประชุมกันในวันที่ 24 ก.ค.เพื่อหาข้อสรุปเบื้องต้นในการกำหนดวาระกฎหมายที่จะพิจารณาก่อนหลัง ทั้งนี้ ในวันที่ 1 ส.ค.ที่เป็นวันเปิดสภาสมัยสามัญทั่วไปวันแรก น่าจะยังไม่มีกฎหมายสำคัญเข้า อาจจะเป็นกระทู้ทั่วไป และกระทู้สด ซึ่งกฎหมายสำคัญคงจะมีการพิจารณาในสัปดาห์ถัดไป แต่จะเป็นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 หรือ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ก็คงจะมีข้อสรุปหลังจากวิปหารือแล้วนำเข้าสู่ที่ประชุมพรรค ยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทย เพราะทุกคนมีวินัยเมื่อมติออกมาอย่างไร ไม่ว่า ส.ส.หรือรัฐมนตรีก็ต้องปฏิบัติตาม สำหรับวันที่ 7 ส.ค. ตามวาระจะเป็นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่จะพิจารณาได้หรือไม่ก็ต้องรอที่ประชุมพรรคชี้ขาด ขณะที่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ก็มีความจำเป็นที่จะต้องรีบพิจารณา เพราะมีกรอบระยะเวลาอยู่ ขณะนี้ทราบว่าจะเสร็จราวปลายเดือน ก.ค. และจะมีขั้นตอนตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนส่งประธานสภาบรรจุระเบียบวาระ ซึ่งสมาชิกที่เป็นคณะกรรมาธิการก็มีความเป็นห่วงว่าจะไม่ทัน ดังนั้นน่าจะพิจารณาในไม่ช้า อาจจะเป็นสัปดาห์ที่ 2 หรือ สัปดาห์ที่ 3 ก็ได้

นายพร้อมพงศ์กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 31 ก.ค. เวลา 17.00 น. พรรคร่วมรัฐบาลจะเชิญสมาชิกร่วมงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ในโอกาสที่จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติ 1 ส.ค. เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมือง รวมทั้งปัญหาอุปสรรคของรัฐบาลที่บริหารประเทศมาครึ่งทางหรือครบ 2 ปี ตลอดจนหารือถึงการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในปีที่ 3 ต่อไป

นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีการกลับมาขององค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยแถลงข่าวเปิดตัว พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ ประธาน อพส.คนใหม่ และเปิดตัวคณะเสนาธิการร่วม ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลที่เห็นแล้วก็รู้ว่าอยู่ตรงข้ามและพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด พร้อมยื่นเงื่อนไข 6 ข้อ ให้รัฐบาลปฏิบัติภายใน 7 วัน มิฉะนั้นจะนัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลในวันที่ 4 ส.ค.ว่า การเปิดตัวขององค์การพิทักษ์สยามในช่วงหน้าฝนครั้งนี้ไม่ต่างจากฝนตกขี้หมูไหลคนอะไรมารวมกัน รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์บริหารมา 2 ปี บ้านเมืองกำลังเดินไปด้วยดี แต่ก็มีกลุ่มบุคคลที่ใครก็รู้ว่ามีแนวคิดเพียงอย่างเดียวคือล้มรัฐบาล ไม่เคยเคารพเสียงประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย สลับหน้าออกมา น่าจะเป็นแนวร่วมฝ่ายค้านและกลุ่มต่อต้านอื่นๆ สำหรับการยื่นเงื่อนไข 6 ข้อ เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อจะมาเป็นชุมนุมขับไล่รัฐบาล ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวหาแต่อย่างใด ผลโพลก็สำรวจออกมาชัดเจนแล้วว่าต้องการให้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์บริหารประเทศต่อไป ไม่ต้องการให้ยุบสภา หรือลาออก ถ้าทำอย่างนั้นก็จะเป็นการสูญเสียงบประมาณโดยใช่เหตุด้วย ดังนั้นอยากให้บุคคลเหล่านี้ฟังเสียงสะท้อนของประชาชนบ้าง อย่าเอาอคติส่วนตัวเป็นที่ตั้ง ขับไล่รัฐบาลเหมือนคนหน้ามืดตามัว ไม่ว่าใครก็ตามอยากไล่รัฐบาล ก็ควรเล่นตามกติกา ไปลงสนามเลือกตั้งอีก 2 ปีข้างหน้าดีกว่า

นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปเปิดเวทีผ่าความจริงฯ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ย่านบางเขน แต่ทางมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตนั้น ตนมองว่ามหาวิทยาลัยอยากวางตัวเป็นกลางทางการเมือง แต่นายอภิสิทธิ์กลับกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าไปปิดกั้น นายอภิสิทธิ์กำลังโยนบาปไปที่นายกฯ และรัฐบาลโดยบปราศจากความจริง ตนเชื่อว่าไม่มีคนในรัฐบาลไปสั่งห้ามให้นายอภิสิทธิ์ไปจัดเวทีผ่าความจริงในมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครได้ เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของทางมหาวิทยาลัย ที่จะดำรงความเป็นกลางทางการเมือง นายอภิสิทธิ์เป็นถึงอดีตนายกฯ เป็นผู้นำฝ่ายค้านควรรู้มารยาททางการเมือง ไม่ควรดึงความขัดแย้งทางการเมืองเข้าไปในมหาวิทยาลัย ไม่ควรใช้สถานที่ต่างๆ เป็นเครื่องมือขยายความขัดแย้ง และความเท็จ ขอให้นายอภิสิทธิ์เลิกทำตัวเป็นเด็กเกเร ไม่ได้ดั่งใจก็ออกมาโวยวาย ออกมากล่าวหาไปทั่ว

นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวว่า สำหรับกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวหาว่ากรณีที่นายภิญโญ พงษ์เจริญ โหรชื่อดังและนายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ถูกทำร้ายโดยอ้างว่าเกิดจากการเมืองฝ่ายรัฐบาล ทั้งที่ข้อเท็จจริงยังไม่มีการพิสูจน์ทางคดีนั้น นายสุเทพพยายามเสี้ยม สร้างความขัดแย้ง คนเป็นอดีตรองนายกฯ ที่คุมตำรวจเอาสมองส่วนไหนคิดว่ารัฐบาลอยู่เบื้องหลัง แทนที่จะรอความชัดเจนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือกระบวนการยุติธรรมก่อน แต่กลับเอามันปากเข้าว่าหวังผลทางการเมืองในมิติเดิมๆ เหมือนเป็นพวกไร้สติ การที่นายสุเทพบอกว่าเหตุการณ์ทางการเมืองจะรุนแรงในช่วงเดือน ส.ค.และก.ย. จะมีการต่อสู้ทั้งภายในและภายนอกสภา โดยเฉพาะช่วงที่พิจารณากฎหมายสำคัญ เช่นร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท การทำนายอย่างนี้เหมือนรู้ธงตั้งแต่ต้น ต้องถามว่าความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นนายสุเทพและสมาชิกพรรคฝ่ายค้านจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดขึ้นหรือไม่ การที่รัฐบาลผลักดันร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนั้น เป็นการทำเพื่อประชาชนและอนาคตของประเทศ รัฐบาลไม่เคยข่มขู่ประชาชน ฝ่ายค้าน หรือกลุ่มการเมืองใดๆ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็ไม่เคยมาบงการรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทย ตามที่นายสุเทพกล่าวหา นายสุเทพต้องเลิกความคิดอคติ เจ้าคิดเจ้าแค้น หันมาหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ เลิกกุข่าวกล่าวหารัฐบาลและ พ.ต.ท.ทักษิณรายวัน

โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนได้ตรวจสอบโครงการไทยเข้มแข็ง สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะโครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท ที่เป็นความรับผิดชอบของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ซึ่งสัญญาจะครบในวันที่ 13 ส.ค. 2556 แต่ปรากฎว่าตนได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการตำรวจว่าขณะนี้มีการทิ้งงานหลายพื้นที่ โดยเฉพาะล่าสุดที่ภาคใต้ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ถิ่นของนายสุเทพเอง จ.สุราษฎร์ธานี 4 แห่ง ภูเก็ต 3 แห่ง กระบี่ 1 แห่ง รวม 8 แฟลตตำรวจ สภาพไม่ต่างจากการสร้างโรงพักทดแทนฉาวโฉ่ก่อนหน้านี้ โครงการนี้ก็เป็นการรวมสัญญา ผู้รับเหมาก็เป็นรายเดียวกับโครงการสร้างโรงพักทดแทน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยกเลิกสัญญาไปแล้ว สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนแก่พี่น้องข้าราชการตำรวจอย่างมาก แทนที่จะได้อยู่แฟลตสบายๆต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนไปเช่าบ้านพัก ตนจะรวบรวมหลักฐานในวันที่ครบสัญญา 13 ส.ค. ว่ามีการทิ้งงาน สร้างไม่เสร็จ หรือสร้างเสร็จอย่างไร รวมถึงความเสียหายที่จะต้องมีผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นโครงการเน่าภาค 2 ต่อจากโรงพักทดแทน เน่าซ้ำซาก โดยตนจะยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบเช่นเดียวกับโรงพักทดแทน และขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ร่วมตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย ถ้ายังมีวุฒิภาวะของความเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องความเสียหายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งภาษีของประชาชน ถ้าไม่ทำถือว่าไม่กล้าที่จะตรวจสอบโครงการของรัฐบาลตัวเอง ไม่กล้ากวาดขยะที่ตัวเองซุกไว้ใต้พรม


กำลังโหลดความคิดเห็น