xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” หวั่นสงครามกลางเมือง ชี้คลิป “อ๊อด” มัด รบ.ล้วงทหาร จี้เลิกใช้ไทยเข้มแข็งแถ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หน.ปชป.ห่วงหากคลิปเสียง “นช.แม้ว-ยุทธศักดิ์” เรื่องจริง ทั้งแผนยึดกองทัพ ใช้สภากลาโหมล้างผิด เสี่ยงวุ่นวายขัด รธน. ซัดเป้าชัด ปรับ ครม.หวังล้วงลูกทหาร ติงไร้ ปชต. เลิกท้าทาย ปชช. แถมพาดพิงสถาบัน ย้อนผ่านมาทำเพื่อพวกพ้อง ห่วงสังคมรับได้โกงแล้วแบ่ง หวั่นสงครามกลางเมืองเกิดซ้ำ ปัดดันร่างกลัวถูกยำแปรญัตติ แจงกู้ 2 ล้านล้านต่างกับไทยเข้มแข็ง ขอเลิกทำสับสน จี้ศาลอย่าตัดสินตามคำขู่



วันนี้ (7 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงสนทนาคล้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏบนเว็บไซต์ยูทิวบ์ โดยมีเนื้อหาเสียงเกี่ยวกับการผลักดันกฎหมายที่จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทย และการยึดครองกองทัพว่า ผู้ที่ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องได้ออกมาปฏิเสธ แต่เห็นว่าควรจะมีการพิสูจน์ว่าเสียงในบทสนทนาเป็นของใคร ทั้งนี้ หากเป็นบุคคลที่มีเสียงคล้ายจริงก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากเพราะแสดงว่ามีการเตรียมการหลายอย่างที่อาจจะเกิดความขัดแย้งวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะนอกจากจะมีการพูดถึงการยึดกุมกองทัพแล้ว ยังแสดงถึงการใช้อำนาจปัจจุบันว่ามีการแทรกแซงอย่างมีเป้าหมาย ทำหลายอย่างที่ไม่บังควร เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก รวมถึงกรณีที่มีการกล่าวถึงสภากลาโหมให้มารองรับการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ซึ่งตามเนื้อหาในบทสนทนามีการอ้างเรื่องความมั่นคง แต่ความจริงแล้วหากทำจะยิ่งเพิ่มความวุ่นวายและกระทบความมั่นคงมากกว่า อีกทั้งยังขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วย

“ผมขอเตือนว่าหากทำขัดรัฐธรรมนูญแน่นอน และจะยิ่งเป็นปัญหาใหญ่มากขึ้นเพราะหากดูอย่างตรงไปตรงมาไม่มีเหตุการณ์อะไรที่กระทบความมั่นคงจนต้องออกกฎหมายแบบนี้ ตรงกันข้าม การออกกฎหมายจะทำให้เกิดปัญหาความมั่นคงขึ้น ซึ่งตรงตามที่ผมเคยตั้งข้อสังเกตไปก่อนหน้านี้ว่าการปรับ ครม.มีเป้าหมายเพิ่มรัฐมนตรีช่วยเข้าไปในกลาโหมเพื่อทำงานหลายอย่าง หากคลิปนี้ถูกพิสูจน์ว่าเป็นเสียงจริงก็ตรงตามที่หลายฝ่ายได้วิเคราะห์เอาไว้ และการที่ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีเป้าหมายเกี่ยวกับการโยกย้ายเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่ามีกฎหมายคุ้มครองเพราะมีการวางโครงสร้างไม่ให้เกิดการแทรกแซงการเมืองได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องดูว่าจะเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่าข้าราชการ กองทัพ หน่วยงานด้านความมั่นคงต้องยึดหน้าที่ ความรับผิดชอบของตนเอง และทำงานเพื่อส่วนรวม ซึ่งสังคมต้องเป็นกำลังใจให้ข้าราชการทุกคนที่ยึดมั่นในแนวทางนี้

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากยังมีวิธีคิดตามบทสนทนา บ้านเมืองจะไม่มีทางสงบสุข เพราะมีความคิดที่จะใช้กลไกแทรกแซงผ่านอำนาจไปทำเรื่องของเอง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนในระบอบประชาธิปไตยมอบอำนาจให้ไปทำ บ้านเมืองก็จะวุ่นวาย หลายประเทศที่มีความวุ่นวายก็เกิดปัญหาเหล่านี้เหมือนในอดีต ตนหวังว่าจะมีการทบทวน อีกทั้งสังคมต้องมีความเข้มแข็งที่จะยืนยันว่าไม่ยอมให้ผู้มีอำนาจ ลากกลไกลราชการไปทำเรื่องเหล่านี้ และอยากเตือนว่าผู้มีอำนาจอย่าดูถูกท้าทายประชาชน ควรทบทวนความคิดที่เห็นว่าคนต่อต้านมีน้อย เพราะถ้าทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าทำไม่ถูกต้องอย่างท้าทายพลังของสังคมและประชาชน เพราะ 2 ปีของรัฐบาลนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าไม่ได้พูดเรื่องการปรองดองอย่างจริงจัง มีแต่ความพยายามช่วยเหลือพรรคพวกมากกว่า ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็พยายามชี้แจงกับสังคมมาโดยตลอดว่าอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นคืออะไร จึงอยู่ที่ประชาชนด้วยว่า มองเรื่องนี้อย่างไร แต่ตนเป็นห่วงค่านิยมของสังคม เช่นปัญหาเรื่องการทุจริตที่มีผลสะท้อนว่ายอมรับได้หากตนเองได้ประโยชน์ก็จะทำให้บ้านเมืองอ่อนแอ

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ในบทสนทนามีการพาดพิงสถาบันสูงสุด ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นทหารหรือใครก็ตามต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ตนไม่เห็นเงื่อนไขที่จะออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม และขอย้ำว่าอยากให้ข้าราชการไม่เฉพาะกองทัพ ยึดประโยชน์ส่วนรวมอย่ายอมจำนนกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ส่วนสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นหลังเปิดสภาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาล หากคิดได้ต้องเลี่ยงเรื่องแบบนี้ แล้วกลับมาทำให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชน เพราะแนวทางที่จะทำให้บ้านเมืองคืนสู่ความสงบแท้จริงต้องเริ่มจากรัฐบาลประกาศว่าไม่ทำเรื่องเหล่านี้ ยกเว้นถ้าจะช่วยเหลือประชาชนคนธรรมดา ที่ไม่มีเจตนาทำผิดต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือก่อการร้าย ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีปัญหา และรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศไม่มีประโยชน์แอบแฝง บ้านเมืองอยู่ได้ รัฐบาลอยู่ได้

“แต่ผมกังวลว่าสังคมกำลังถูกผลักเข้าสู่สงครามกลางเมืองมีแต่คนคิดถึงแต่ตนเอง เอาพรรคพวกที่สนับสนุนตนเองมาตายก็ทำมาแล้ว โดยการตั้งกองกำลังเพื่อให้เกิดการสู้รบ สงครามการเมืองก็ทำมาแล้วและจะทำอีก อยู่ที่สังคมต้องช่วยกันให้เห็นว่าจะไม่ยอมให้เกิดแบบนี้อีก เพราะคนที่จะหยุดผู้ที่ไม่เห็นแก่ประเทศได้มีแต่สังคมไทย หากมีความเข็มแข็งคนเหล่านั้นก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเรายืนยันว่าจะไม่มีการเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าไปประกบกับที่ค้างในสภา เพราะหากเสนอเข้าไปจะถูกนำไปแปรญัตติ ดังนั้นต้องมีความชัดเจนก่อนว่าหลักการอยู่แค่ไหน” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธ์กล่าวว่า หลังเปิดสภาในเดือนสิงหาคมนี้ รัฐบาลคงดัน พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทก่อน และพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมตามมาเพราะมีการพูดถึงช่วงเวลาประมาณกลางเดือน หรือปลายเดือนสิงหาคม สำหรับร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทที่รัฐบาลออกมาโต้แย้งนายคณิต ณ นคร ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้นสุดท้ายเรื่องนี้ก็ไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ซึ่งพรรคจะยื่นได้ก็ต่อเมืองมีการพิจารณาในวุฒิสภาเสร็จแล้ว ซึ่งตนมองว่ากฎหมายนี้จงใจเลี่ยงกระบวนการงบประมาณตามปกติ การที่รัฐบาลอ้างเงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดินนั้น ขอย้ำว่าจะต้องดูเจตนารมณ์ในเรื่องการออกกฏหมายว่า จงใจเลี่ยงการใช้จ่ายตามปกติหรือไม่ ซึ่งเป็นหัวใจและไม่สามารถเทียบกับ พ.ร.ก.ไทยเข้มแข็งได้ เนื่องจาก พ.ร.ก.ไทยเข้มแข้งเกิดเพราะรัฐบาลขณะนั้นไม่สามารถใช้งบปกติได้ เพราะเกินเพดานหนี้แล้ว จึงต้องพยายามเข้าใจกับประชาชนเพราะมีความพยายามสร้างความสับสน และเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาทุกอย่างตามเนื้อผ้า ถ้าศาลพิจารณาตามแรงกดดันของสังคมจะเกิดความวุ่นวายไม่จบ เพราะขณะนี้นอกจากมีความพยายามใช้อำนาจยึดครองกลไกทุกอย่าง คุกคามศาลแล้ว ยังมีการใช้มวลชนกดดันด้วย โดยพยายามระดมทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของใคร จึงต้องถามนายกฯที่รับผิดชอบตามกฎหมายว่าจะปล่อยให้บ้านเมืองไปสู่เส้นทางแบบนี้เพื่อคนคนเดียวหรืออย่างไร


กำลังโหลดความคิดเห็น