“มาร์ค” ยกอดีต ปธ.ศาลรัฐธรรมนูญลาออกรักษาคำพูด ย้อนเล็งไขก๊อกก่อนหน้านี้แต่กลัวถูกแก๊งแดงอ้างเป็นผลการกดดัน ชี้ศาล รธน.เป็นเป้า เหตุพฤติกรรม รบ.เสี่ยงขัด รธน. ย้ำผู้มีหน้าที่ต้องดูแล ไร้กังวลคดีคุณสมบัติ ส.ส. ตอกนายกฯ จ้อโครงการถนนไร้ฝุ่นไม่อยู่ในแผนกู้ 2 ล้านล้าน ทำไม่ได้ แจงกู้แบบนี้ไม่ควรยืดหยุ่น ปัดจ้อ “บรรหาร-ปลอด” ปะทะคารม ติง รบ.ตั้งทีมสอบโกง ไม่น่าเชื่อถือ แนะให้ความร่วมมือดีกว่า
วันนี้ (17 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ตนเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่นายวสันต์เคยตกลงเอาไว้ และทำตามสิ่งที่ได้ลั่นวาจาไว้ ส่วนจะมีแรงกดดันทางการเมืองหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่มีข่าวและเข้าใจกันมาระยะหนึ่งแล้วว่ามีข้อตกลงในลักษณะนี้อยู่ ซึ่งนายวสันต์ก็พูดชัดว่าความจริงต้องออกก่อนหน้านี้ แต่ที่ไม่ออกเพราะไม่ต้องการให้เห็นว่าเป็นเรื่องของการถูกกดดัน และตนก็หวังว่าแรงกดดันจากกลุ่มคนเสื้อแดงต่อศาลรัฐธรรมนูญจะไม่มีผลต่อการทำงานของตุลาการ จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ยอมจำนนกับวิธีการแบบนี้ เพราะการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญมีความสำคัญทั้งสิ้น เพราะเป็นการวินิจฉัยที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายสูงสุดของประเทศ และต้องรักษากติกาของบ้านเมือง เพราะฉะนั้นเรื่องที่ร้องเข้าไปถ้าเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญล้วนแต่เป็นเรื่องสำคัญทั้งสิ้น
นายอภิสิทธิ์เชื่อว่าการพ้นตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญของนายวสันต์ จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อศาลรัฐธรรมนูญเพราะอยู่ที่ตัวองค์กร คนที่ทำหน้าที่ก็ต้องพิสูจน์ต่อไป ส่วนกรณีของนายวสันต์ก็ถือว่ารักษาคำพูดถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และเห็นว่าการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญตุลาการทุกท่านเข้าใจดีว่ากำลังตกเป็นเป้า เพราะรัฐบาลชุดนี้ทำในเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญหลายเรื่องซึ่งกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เช่น กรณีเงินกู้ 2 ล้านล้าน โดยรัฐบาลใช้วิธีเอามวลชนที่สนับสนุนตัวเองเข้าไปกดดัน จึงอยากเรียกร้องว่าผู้ที่มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ควรให้ความคุ้มครอง ให้ความมั่นใจกับตุลาการในการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์แล้วระบุว่าจะทำถนนไร้ฝุ่นให้แต่ต้องรอเงินกู้ 2 ล้านล้านผ่านก่อนนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าโครงการที่นายกรัฐมนตรีพูดอยู่ในแผนที่เสนอต่อสภาหรือไม่ แต่ในวันที่ตนแปรญัตติทางกรรมาธิการฯยืนยันกับตนว่าจะไม่มีโครงการในลักษณะที่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเดินทางไปไหนแล้วมาใส่เพิ่มในเงินกู้ก้อนนี้ ดังนั้น ถ้านายกฯ พูดถึงโครงการที่ไม่อยู่ในแผนก็ทำไม่ได้ประชาชนต้องเข้าใจตามนี้ เพราะกรณีถนนไร้ฝุ่นที่เป็นถนนเล็กไม่อยู่ในแผนเงินกู้ส 2 ล้านล้านของรัฐบาลที่เสนอต่อสภา อย่างไรก็ตาม ตนได้เสนอคำแปรญัตติให้กำหนดให้ชัดเจนว่าไม่สามารถนำเงินกู้สองล้านล้านไปใช้ในโครงการอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ในเอกสารประกอบร่าง พ.ร.บ.เงินกู้สองล้านล้านได้แต่กรรมาธิการฯ เสียงข้างมากก็ไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ตนยังยืนยันว่าหากจะกู้เงินกันแบบนี้ก็ไม่ควรจะเปิดโอกาสให้มีความยืดหยุ่นว่าจะนำเงินไปทำโครงการอะไรก็ได้
สำหรับคดีที่มีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายอภิสิทธิ์ขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส.เนื่องจากถูกคำสั่งปลดออกจากทหารนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีความกังวลแม้ว่านายวสันต์จะลาออกจากตำแหน่งตุลาการ เพราะจะมีตุลาการใหม่เข้าไปทำหน้าที่พิจารณา โดยทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการปกติ แต่บังเอิญเรื่องของตนอาจจะยุ่งหน่อยเพราะอยู่ในการพิจารณาของ 4 ศาล คือ ศาลปกครอง ศาลอาญา ศาลแพ่ง และศาลรัฐธรรมนูญ
ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรปฏิเสธที่จะวิจารณ์ความขัดแย้งระหว่างพรรคชาติไทยพัฒนากับนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาตอบโต้นายปลอดประสพเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ โดยเห็นว่าเป็นเรื่องภายในของรัฐบาล ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะตั้งศูนย์ปราบคอร์รัปชั่นในกระทรวงนั้น ตนคิดว่าเรื่องที่มีการนำเสนออย่างเป็นระบบเกี่ยวกับปัญหาทุจริตรัฐบาลต้องทำให้เห็นชัดเจนว่าให้ความร่วมมือในการตรวจสอบการทุจริต มากกว่าการตั้งองค์กรเพิ่มเติมแต่ควรให้ความร่วมมือกับคนที่ทำหน้าที่อยู่แล้วจะเป็นรูปธรรมมากกว่า เพราะการที่รัฐบาลไปตั้งหน่วยงานมาตรวจสอบตัวเองนั้นจะไม่ได้รับความเชื่อถือเหมือนกับคนที่มีหน้าที่ตรวจสอบ