ที่ประชุม ส.ส.ปชป.ทำการบ้านสอบกฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านก่อนเปิดสมัยประชุมสภาฯ 1 ส.ค.นี้ พร้อมออกแถลงการณ์เรื่องจำนำข้าว 4 ประเด็น ไม่เชื่อน้ำยานายกฯ ปราบคอร์รัปชัน ทั้งที่กำลังจะถูกถอดถอน แค่โพยที่คนอื่นเขียนให้
วันนี้ (3 ก.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงผลการประชุม ส.ส.พรรคว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปในวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งพรรคจะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการออกกฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่มีการประเมินว่าพรรคเพื่อไทยเข้าสู่ภาวะจนแต้มทางการเมืองประชานิยมไม่มีมนต์ขลังเหมือนในอดีต ความนิยมของพรรคเพื่อไทยกำลังตกต่ำลงจากความล้มเหลวในโครงการรับจำนำข้าว 15,000 บาททุกเมล็ด ที่สร้างความเสียหายให้ประเทศอย่างมาก จึงทำให้รัฐบาลหันมามุ่งที่เรื่องเงินเป็นอันดับแรก สอดคล้องกับท่าทีรัฐบาลที่มีการผลักดัน พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านมาเป็นอันดับแรก ก่อนเรื่องนิรโทษกรรม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงให้ ส.ส.ไปศึกษาข้อเสียว่าหากกฎหมายเงินกู้ดังกล่าวผ่านออกไปโดยไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการใช้เงินก็จะเป็นอนุเสาวรีย์แห่งการทุจริตอีกเรื่องหนึ่ง
นายชวนนท์กล่าวหากไม่มีนักการเมืองใกล้ตัวนายกฯ ไปเกี่ยวข้องโครงการนี้สามารถเดินต่อได้จนครบวาระรัฐบาล แต่ตอนนี้มีการใช้การเมืองสกปรกเอาประชาชนเป็นเครื่องมือแสวงหาประโยชน์ เป็นความตกต่ำของนักการเมืองที่ไม่คำนึงถึงความถูกต้องและประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ พรรคยืนยันว่าจะเดินหน้าตรวจสอบต่อไปด้วยการเดินหน้าบอกความจริงว่ารัฐบาลสร้างหนี้ทำความเสียหายให้กับประเทศ และมีการทุจริตรุนแรง
นายชวนนท์กล่าวว่า พรรคจะออกแถลงการณ์ใน 4 ประเด็น 1. ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าจำนำข้าวทุกเมล็ด 15,000 บาท เป็นสัญญาประชาคมของพรรคเพื่อไทยที่ต้องทำ 2 ชึ้แจงสาเหตุการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว 3 รายได้ที่เพิ่มขึ้นของเกษตรกรเพียงแค่ร้อยละ 30 ของเงินที่เสียไป 4 มีการทุจริตโดยนักการเมือง พ่อค้า และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง โดยจะได้นำแถลงการณ์ออกมาเปิดเผยภายในสัปดาห์นี้เพื่อไม่ให้รัฐบาลบิดเบือนสร้างความเสียหายต่อไป นอกจากนี้ในโซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ผังล้มข้าวกล่าวหาบุคลากรของพรรคและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ จึงจะจัดทำผังล้มข้าวประเทศไทยฉบับของแท้ออกมาเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบ และไม่ว่ารัฐบาลจะกดดันฝ่ายตรวจสอบอย่างไรก็ยังยืนหยัดที่จะปกป้องผลประโยชน์ประชาชนต่อไป
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศจุดยืนป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน อยากให้หยุดคิดว่าพฤติกรรมสอดคล้องกับคำพูดหรือไม่ เพราะนายกฯ พูดถึงการป้องกันการทุจริตแต่โครงการจำนำข้าวมีการทุจริตอย่างน้อย 1.8 แสนล้านบาท นายกฯ จับมือใครดมได้หรือไม่ หรือจับไปแล้วอยู่ในครอบครัวตัวเอง หรือไปเจอคนใกล้ชิด หยุดเล่นบทบาทใสซื่อบริสุทธิ์ที่ตรงกันข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว
“เป็นเรื่องขำขันที่นายกฯ บอกว่าจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบ ทั้งที่นายกฯ และรัฐบาลไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบ นายกฯ กำลังถูกถอดถอนจากการทำผิดกฎหมาย 5 ฉบับ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญในการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่รัฐบาลไม่ปฏิบัติตาม ดังนั้นแค่นายกฯทำตามกฎหมายบ้านเมืองที่มีอยู่ก็เพียงพอแล้ว หากพฤติกรรมกับคำพูดไม่ตรงกันเพราะมัวแต่สร้างภาพจากสุนทรพจน์ที่คนอื่นเขียนให้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ” นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์ยังกล่าวแสดงความยินดีกับนายยรรยง พวงราช ที่ได้รับตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ พร้อมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีที่นายยรรยงระบุว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะขายข้าวได้ 72,000 ล้านบาทภายใน 6 เดือน ปริมาณข้าว 6 ล้านตัน จึงเท่ากับว่าจะขายข้าวได้เดือนละล้านตันหรือประมาณ 12,000 ล้านบาท เท่ากับขายข้าวตันละ 12,000 บาท จึงต้องตั้งคำถามว่าหากขายข้าวในราคาดังกล่าวต้นทุนรัฐบาลอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะต้นทุนรับจำนำข้าวเปลือกอยู่ที่ 15,000 บาท แต่เมื่อสีเป็นข้าวสารแล้วจะมีต้นทุน 23,000 บาท ดังนั้นหากขายไป 12,000 บาท จะขาดทุนตันละ 11,000 บาท เท่ากับการขายข้าวล็อตนี้ของกระทรวงพาณิชย์จะขาดทุนถึง 66,000 ล้านบาท
“ทำไมรัฐบาลไม่บอกประชาชนว่าจะต้องเสียภาษีไปโปะการขาดทุนดังกล่าวอีกเท่าไหร่ ยังไม่รวมกับการทุจริตที่เข้ากระเป๋านักการเมืองด้วย จึงอยากให้ประชาชนทั้งประเทศได้ตาสว่างว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการกีดกันนโยบาย ขัดขวางรายได้ชาวนา แต่เป็นการขัดขวางการทุจริตที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่มีประเทศไทย จึงเชิญชวนประชาชนหันมาต่อต้านนโยบายที่กำลังฆ่าชาวนาและประเทศไทย” นายชวนนท์กล่าว
