“อภิสิทธิ์” สะกิด “ยิ่งลักษณ์” วันเกิดอยากได้ความรัก ความสามัคคี ก็แค่ไปบอกเสื้อแดงให้เลิกก่อกวน เย้ยวิธีลดตัวเลขเจ๊ง ลบออกไปเฉยเลย 1 ฤดูกาลของการจำนำข้าว กุมขมับให้ไปหาเงินหายแสนล้าน ดันไปลดราคาข้าวชาวนา เหน็บอยากให้อยู่ครบ 4 ปี พิสูจน์ฝีมือว่าจะทำเจ๊งได้สักเท่าไหร่ ยันหากเป็น ปชป.ชาวนาได้เท่าเดิม แถมเงินไม่หายแสนล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 22 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในการปราศรัยเวทีประชาชน “เดินหน้าผ่าความจริง หยุดล้มรัฐธรรมนูญ-ออกกฎหมายล้างผิดคนโกง” ที่ตลาดนัดบายพาสผึ้งรวง จ.สระบุรี ว่าเห็นท่านรองสภาผู้แทนราษฎรให้ข่าวบอกว่าเรื่องนิรโทษกรรมอาจจะเข้าสู่การพิจารณาในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ทำไมปลายเดือน เพราะเขาบอกเขาจะพยายามเอาเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทให้ผ่านสภา ก่อนเรื่องนิรโทษกรรมก็คาดการณ์อย่างนั้น เพราะว่าเขาหมายมั่นปั้นมือมากกับเรื่องเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งจนถึงวันนี้สมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ที่เข้าไปเป็นกรรมาธิการ รายงานให้ทราบว่าความจริงความพร้อมของโครงการต่างๆ ที่จะใช้เงินกู้ที่รัฐบาลบอกต้องรีบเอามากู้ เอามากอง 2 ล้านล้าน ให้เกิดดอกเบี้ยอีก 3 ล้านล้าน เป็น 5 ล้านล้าน ให้พวกเราเป็นหนี้กันอีก 50 ปี
ข้อเท็จจริงทุกอย่าง คือ โครงการที่พร้อมจะใช้เงินในปี 2556 นี้ ไม่มีแม้แต่โครงการเดียว แต่ที่จะต้องเร่งกู้ก็คือจะเอาเงินมาใช้จ้างที่ปรึกษา ซึ่งปรากฏว่ามีการตั้งเงินทั้งเงินกู้และเงินงบประมาณ เรื่องค่าที่ปรึกษาไว้สูงถึงประมาณ 50,000-60,000 ล้านบาท เข้าใจว่าต้องรีบเอาเงินก้อนใหญ่มาก่อน เพราะรู้ว่าเอานิรโทษกรรมเข้าเมื่อไหร่ บ้านเมืองวุ่นวายแน่ รัฐบาลมีปัญหาแน่ เรื่องของการทำงานของรัฐบาลแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่พวกเราต้องมาตั้งเวทีพูดตลอดเวลาว่าสิ่งที่ควรทำไม่ทำ แต่สิ่งที่ไม่ควรทำกลับทำ รัฐบาลต้องทบทวนจุดยืน ท่าทีของตัวเองเสียใหม่
“เห็นเมื่อวานเป็นวันเกิดนายกฯ เริ่มต้นจากวันเกิดก็ได้ครับ ตั้งสติ ตั้งหลักใหม่ อย่าเอาบ้านเมืองเข้าสู่ความวุ่นวาย เพราะจะทำให้ชีวิตของนายกรัฐมนตรีวุ่นวายเอง ในโอกาสที่เพิ่งครบรอบวันเกิดแล้วบอกว่า อยากได้ความรัก ความสงบสุข จากประเทศ ผมยืนยันเลย พวกผมจะช่วยทำให้เกิดความรัก ความสงบสุข ความสามัคคีในประเทศ ถ้าท่านถอดกฎหมายทุกฉบับที่กำลังทำลายระบบกฎหมายไทย พวกผมจะออกไปห้ามไม่ให้คนชุมนุม ถ้าท่านทำสิ่งนี้ และเลิกทุกการกระทำที่เอาผลประโยชน์ของพี่ชายมาก่อนประเทศชาติ เพราะปัญหาที่แท้จริง ปัญหาของพี่น้องประชาชนที่รอการแก้ไขมีมาก”
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า พี่น้องภาคใต้บ่นอยู่ตลอดเวลาว่าที่เคยให้คำมั่นสัญญาราคายาง 120 บาท วันนี้ยางราคาประมาณ 60 กว่าบาทเท่านั้น ไม่อยากจะเตือนความจำว่าคนที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำยางราคา 120 คนแรกชื่อ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นั่งเป็นอำมาตย์อยู่ที่กระทรวงเกษตรฯ พยายามจะทำให้ยางไปถึง 120 บาท ทำตั้งแต่ยางเกินร้อย จนเหลือ 70 บาท แล้วก็ออกจากกระทรวงเกษตรฯ ไป ถูกส่งให้ไปนั่งกระทรวงพาณิชย์ ให้ไปทำของถูก ทำให้ไข่แพงเป็นประวัติศาสตร์ ความเป็นอยู่ของประชาชนเขาสำรวจมา ทั้งๆ ที่มีนโยบายประชานิยมมากมายแต่ไม่ดีขึ้น และกำลังจะถูกซ้ำเติมอีก 1 กรกฎาฯ มีโอกาสได้ใช้แก๊สแพงขึ้น นี่คือของขวัญที่รัฐบาลนี้มอบให้ประชาชนโดยเฉพาะคนยากคนจน 1 ตุลาคม จะขึ้นภาษีสรรพสามิต น้ำมันดีเซล อีกลิตรละ 1.50 นี่ก็อีก 1 ชิ้นของขวัญสำหรับประชาชนคนยากคนจนจากรัฐบาลนี้
ในเรื่องงบประมาณแก้ไขเรื่องน้ำ รัฐบาลนี้ทำผิดกฎหมายว่าด้วยการสมยอมกันในการเสนอราคา หรือที่เราเรียกว่า กฎหมายฮั้ว เพราะได้ออกแบบวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง ให้มีการแข่งขันน้อยที่สุด ไปรวมเป็นโครงการใหญ่ กำหนดคุณลักษณะว่าคนจะเข้ามาได้ ต้องเคยทำงานใหญ่ๆ มีประสบการณ์มากมาย ทำให้เหลือเพียงไม่กี่กลุ่มบริษัทที่สามารถเข้ามาแข่งขันกันได้ และสุดท้ายหลายกลุ่มงานแข่งขันกันจริงๆ ไม่เกิน 2 กลุ่มบริษัท และที่พวกเราต้องถอดถอนคณะรัฐมนตรี เพราะคณะรัฐมนตรีทราบประเด็นเหล่านี้ดีก่อนที่จะมีการอนุมัติให้ไปดำเนินการในขณะนี้ที่จะไปกู้เงิน และที่จะไปเซ็นสัญญากับเอกชนที่ยื่นประมูล หรือเข้าแข่งขัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือถึงรัฐบาล เตือนรัฐบาลว่ากำลังดำเนินการจะเกิดการทุจริตได้ง่าย ที่นายปลอดประสพบอกอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง ที่จริงรู้เรื่องแต่ไม่อยากทำตาม และเมื่อไม่ทำตามก็ต้องรับผิดชอบ และคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้นายปลอดประสพไม่ทำตามนั้นต้องรับผิดชอบ เราจะยื่นถอดถอนรัฐบาลในเรื่องน้ำครั้งนี้ 3 แสน 5 หมื่นล้านบาท
“ผมได้ยินแต่นายกฯ ท่อง ถ้าถูกถามเรื่องประสิทธิภาพก็บอกจะบูรณาการ ถ้าถูกถามเรื่องการทุจริต ก็พูดคำว่าโปร่งใส พูดแค่นี้เองครับ แต่จริง ๆ ไม่มี บูรณาการก็ไม่บูรณาการ โปร่งใส ก็ไม่โปร่งใส ผมเห็นแต่บูรณาโกง โกงกันเป็นระบบ โกงกันเรื่องข้าว เรื่องน้ำ ครับพี่น้อง ยุคนี้โกงกันเรื่องข้าว เรื่องน้ำ อาจจะเห็นว่าอิฐ หิน ปูน ทราย ไม่คล่องเท่ากับกินข้าว กินน้ำ” นายอภิสิทธิ์กล่าว