xs
xsm
sm
md
lg

ข้าวถุงหาย 1.1 ล้านตัน กลโกงโครงการจำนำข้าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ต้นตอสำคัญที่ทำให้โครงการรับจำนำข้าว ขาดทุนถึง 1.3 แสนล้านบาท เฉพาะ โครงการปี 2554/2555 ปีเดียว นอกจาก การตั้งราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมาก จนข้าวที่รับจำนำมา ส่งออกไม่ได้ เพราะ แพงกว่าคู๋แข่งในตลาดโลกแล้ว การขาดทุนยังเป็นจาก การทุจริตทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการขึ้นทะเบียนเกษตรกร การนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ โรงสีแต่งบัญชี สต็อกลม เวียนเทียนข้าว และระบายข้าวออกจากโกดังไม่โปร่งใส เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง

ล่าสุด รัฐบาลยังถูกเปิด “แผลใหม่” ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไม่น้อย นั่นคือ “โครงการผลิตข้าวสารธงฟ้าราคาถูกเพื่อประชาชน” ซึ่งถูกตรวจสอบแบบถึงลูกถึงคน โดยคณะอนุกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ได้ปรากฏร่องรอยของตัวละครใหม่ๆ ที่เป็นบริษัทเอกชน เชื่อมโยงกับการทำงานขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่ขาดความโปร่งใส สุดท้ายมีการประเมินว่า โครงการข้าวถุงอาจมีข้าวสูญหาย แอบไปขายทำกำไรในตลาดกว่า 1.1 ล้านตัน

โครงการนี้เริ่มต้นโดยใช้ชื่อว่า โครงการจำหน่ายข้าวสารธงฟ้าราคาถูกเพื่อผู้ประสบภัยน้ำท่วมและพี่น้องมุสลิมภาคใต้ ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 จำนวนประมาณ 2.25 ล้านตัน โดยให้สำรวจข้าวเก่าที่ค้างในโกดังตั้งแต่ปี 2542-2552 ซึ่งพบว่ามีจำนวน 2.189 ล้านตัน ส่วนใหญ่นำไปแจกจ่ายผู้ประสบภัย และข้าวที่จัดให้กับพี่น้อง 3 จังหวัดภาคใต้ อีกประมาณ 6 หมื่นตัน มอบให้องค์การคลังสินค้าและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ดำเนินการจัดส่งรายละ 3 หมื่นตัน

อย่างไรก็ตาม การส่งมอบข้าวไปยังภาคใต้กลับไม่ได้มีการดำเนินการอย่างจริงจังตามมติ กขช. เมื่อปลายปี 2554 เพราะเมื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่ามีการนำส่งข้าวถุงไปจำหน่ายประมาณ 8,000-10,000 ตัน เท่านั้น จึงยังคงมีข้าวเหลือค้างในมือ อคส. และ อตก. ที่ยังไม่ได้จัดส่งจำนวนมาก

ต่อมาได้มีมติ กขช. ครั้งที่ 2/2554 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2554 อนุมัติให้มีการเปลี่ยนคุณสมบัติของข้าวที่นำไปช่วยเหลือประชาชน จากเดิมกำหนดให้ใช้ข้าวสต็อกเก่า คือข้าวนาปรังของปี 2552 ไปเป็นสต็อกใหม่ คือข้าวนาปีที่รับจำนำปี 2554/55

หลังจากนั้นอีกเพียง 3 เดือนเศษ ในการประชุม กขช. ครั้งที่ 1/2555 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ได้อนุมัติให้ อคส. นำข้าวสาร 5% จำนวน 1 แสนตัน ซึ่ง อคส. อ้างว่าได้จัดจ้างผู้ปรับปรุงคุณภาพข้าว การบรรจุข้าว และกระจายสินค้าไว้แล้ว เพื่อให้มาจัดทำข้าวถุงธงฟ้าราคาประหยัด จำนวน 50,000 ตัน คิดราคาเนื้อข้าวในราคา 38.125 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัม จำหน่ายในราคาปลายทางไม่เกินถุงละ 70 บาท เพื่อจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไปซื้อในราคาต่ำกว่าราคาตลาด ลดค่าครองชีพของประชาชน ตามโครงการธงฟ้าของกรมการค้าภายใน

เมื่อมีการ “ขยายวง” มติ กขช. จากที่ให้นำข้าวลงไปช่วยพี่น้องมุสลิมภาคใต้ ไปสู่การลดราคาขายข้าวในสต็อกของรัฐเหลือ 50% เพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไป ก็ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ “ดึงดูด” ให้มีผู้สนใจเข้ามาร่วมการขับเคลื่อนโครงการขายข้าวถุงอีกเพียบ เพราะถ้าบริษัทใดมีสายสัมพันธ์กันก็จะซื้อได้ในราคาถูกกว่าในท้องตลาด จากราคาขายส่งข้าวสาร 5% ของกรมการค้าภายในและสมาคมโรงสีข้าวไทยเฉลี่ย ณ วันที่ 9 ก.พ. 2555 ตันละ 15,250 บาท คำนวณเป็นราคาเนื้อข้าว ต้นทุนจะอยู่ที่ประมาณ 76.25 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัม แต่การที่รัฐบาลลดราคาครึ่งหนึ่ง เท่ากับต้นทุนอยู่ที่ 38.125 บาท ต่อถุง ดังนั้น ถ้าซิกแซกไม่นำข้าวที่ซื้อจาก อคส. ในราคาถูกนี้เข้าสู่ตลาดจริงๆ ย่อมสร้างกำไรได้ถึงถุงละ 31.875 บาท

กขช. ได้จัดโครงการข้าวถุงธงฟ้าและข้าวถุงร้านถูกใจเบ็ดเสร็จอีก 5 แสนตัน ตามมติเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 โดยระบุว่า “อนุมัติให้นำข้าวสารขาว 5% จำนวน 4 แสนตัน และข้าวเหนียวขาว 10% เมล็ดยาวอีก 1 แสนตัน จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล จำหน่ายให้ อคส. เพื่อนำไปบรรจุถุง โดยถุง 1 กิโลกรัม ในราคาไม่เกิน ถุงละ 15 บาท และถุงละ 5 กิโลกรัม ราคาไม่เกินถุงละ 70 บาท จำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไปเพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน โดยคิดราคาเนื้อข้าวทั้ง 2 ชนิด ในราคาเดียวกันที่ราคา 7.625 บาทต่อถุง 1 กิโลกรัม และราคา 38.125 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่ กขช. ได้เคยอนุมัติไว้ โดยให้ อคส. เป็นผู้ดำเนินการปรับปรุงคุณภาพการบรรจุถุง และกระจายสินค้าจนถึงปลายทางตามช่องทางการตลาดทั่วไปและโครงการธงฟ้าราคาประหยัดและร้านถูกใจ”

โครงการนี้มีบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้ปรับปรุงข้าวขาว 5% ได้แก่ บริษัทเจียเม้ง จำนวน 50,000 ตัน, บริษัทนครสวรรค์ค้าข้าว 50,000 ตัน, บริษัทโชควรลักษณ์ 1.25 แสนตัน และบริษัทสิงห์โตทอง อีก 1.25 แสนตัน เป็นต้น โดยทาง กขช. ได้ให้ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงคุณภาพข้าว ส่วนกระบวนการแจกจ่ายไปยังร้านถูกใจทั่วประเทศ มอบให้บริษัท นิ่ม ซี่ เส็ง จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ และการจำหน่ายไปยังร้านค้าทั่วไปให้บริษัทสยามรักษ์เป็นผู้ดำเนินการจัดส่ง

ต่อมาในช่วงปลายปี 2555 ก็มีมติ กขช. ออกมาอีกครั้ง อนุมัติให้นำข้าวในสต็อกออกมาจำนวน 1.8 ล้านตัน โดยอ้างโครงการธงฟ้า การลดค่าครองชีพ และร้านถูกใจ มีการเปิดประมูลให้บริษัทเอกชนเข้ามารับดำเนินการไปเป็นลอตๆ คราวละ 3 แสนตัน มีบริษัทที่ได้เข้าไปดำเนินการแปรสภาพเพื่อจัดจำหน่าย ไฮไลต์อยู่ที่กลุ่ม 5 เสือในวงการค้าข้าว อาทิ บริษัทเจียเม้ง, บริษัทพงษ์ลาภ, บริษัทนครหลวงค้าข้าว บวกด้วยเจ้าของฉายาเสือตัวใหม่อีก 2 เจ้าในวงการค้าข้าว คือ บริษัทโชควรลักษณ์ และบริษัทสิงห์โตทอง ที่ครองส่วนแบ่งโควตาข้าวในโครงการของกระทรวงพาณิชย์ได้ตลอด

ข้าวลอตใหญ่ดังกล่าวยังคงเปิดให้ระบายผ่าน 2 ระบบ เช่นเดิม คือ ถ้าจัดส่งไปขายที่ร้านถูกใจ ต้องผ่านกระบวนการขนส่งสินค้าของบริษัท นิ่ม ซี่ เส็ง แต่ถ้าเป็นข้าวถุง อคส. ที่จำหน่ายให้ประชาชนทั่วไป อคส. อนุมัติการจัดจำหน่ายผ่าน 3 บริษัท คือ บริษัทสยามรักษ์ บริษัทคอนไรซ์เทรดดิ้ง และบริษัท ร่มทอง จำกัด

แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา กล่าวว่า โครงการระบายข้าวของรัฐบาลเพื่อขายให้แก่ประชาชนในโครงการธงฟ้าและร้านถูกใจ ได้เปิดช่องให้ อคส. ระบายข้าวได้ในราคาต่ำเพียง 50% ของราคาตลาด จำนวนประมาณ 2.5 ล้านตัน หากคิดเป็นปริมาณข้าวถุงขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัม จะมากถึง 500 ล้านถุง ปรากฏหลักฐานว่า อคส. อนุมัติการส่งมอบข้าวให้เอกชนรับไปดำเนินการปรับปรุงสภาพ บรรจุถุง และจำหน่ายแล้ว 1.1 ล้านตัน แต่ในข้อเท็จจริงปรากฏว่าข้าวถุงธงฟ้า ไม่ว่าจะผ่านร้านถูกใจหรือขายตามร้านค้าทั่วไป กลับไม่ปรากฏในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีการตรวจสอบเชิงลึกก็พบว่า ข้าวสารเหล่านี้ไม่ได้ถูกส่งไปจำหน่ายให้กับประชาชนตามวัตถุประสงค์

“การส่งข้าวไปยังร้านถูกใจเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น จริงๆ แล้วตั้งแต่เริ่มโครงการนี้มีข้าวไปถึงมือประชาชนโดยผ่านร้านถูกใจน้อยมากแค่ 56,235 ตัน ทั้งๆ ที่กระทรวงพาณิชย์เคยขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการร้านถูกใจถึง 10,000 แห่ง ใช้เงินไป 1,320 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้มีการจัดส่งข้าวราคาถูกไปถึงมือประชาชนอย่างจริงจัง จึงไม่ทราบว่าข้าวที่ออกจากโกดังราคาลด 50% จำนวนมากหายไปไหนหมด” แหล่งข่าวระบุ

ทั้งนี้ เมื่อหักปริมาณข้าวที่จัดส่งไปให้ร้านถูกใจจำนวน 56,235 ตัน แล้ว จะเหลือปริมาณข้าวที่ อคส. อนุมัติระบายออกไปอีก 1-1.1 ล้านตัน ซึ่งก็ไม่ปรากฏว่ามีการจำหน่ายให้กับประชาชนตาม “ร้านค้าทั่วไป” ในโครงการข้าวธงฟ้าราคาประหยัดเช่นกัน ตัวแทนจำหน่ายส่วนใหญ่บอกว่าไม่เคยได้รับข้าวในโครงการของรัฐดังกล่าว

ในการจัดจำหน่ายข้าวถุงธงฟ้าให้กับตัวแทนจำหน่ายทั่วไปนั้น อคส. ได้มอบให้ 3 บริษัท เป็นผู้ดำเนินการแทน โดยจะต้องส่งแผนงานด้านการตลาดมาให้ อคส. ตรวจสอบก่อน ว่าเมื่อรับข้าวสารไปบรรจุถุงแล้วจะมีร้านค้าย่อยมารับสินค้าไปจำหน่ายให้ถึงมือประชาชนอีกทอดหนึ่ง อาทิ บริษัทสยามรักษ์ ได้ส่งแผนการตลาดให้ อคส. ว่ามีร้านค้าส่งขนาดใหญ่เป็นเครือข่ายกระจายสินค้าขนาดใหญ่และขนาดปานกลางในต่างจังหวัด 280 แห่ง ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีอีก 1,140 แห่ง รวมเป็น 1,420 แห่ง เป็นต้น แต่ อคส. ก็ไม่เคยไปตรวจสอบว่าร้านค้าย่อยๆ เหล่านี้เคยได้รับข้าวราคาถูกไปขายหรือไม่

“จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของคณะอนุกรรมาธิการฯ พบว่า ร้านค้าที่บริษัทสยามรักษ์หยิบยกขึ้นมาในแผนการตลาดส่วนใหญ่ยังไม่เคยได้รับข้าวถุงธงฟ้ามาจำหน่าย และบางส่วนเคยได้รับข้าวแต่ก็ไม่ได้ขายในราคา 70 บาทต่อถุง เพราะต้นทุนที่ซื้อมาสูงกว่าที่กำหนดไว้ และก็ไม่ได้จ่ายเงินตรงให้แก่ 3 บริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของ อคส. แต่ถูกบังคับให้ต้องโอนเงินไปยังอีกบริษัทหนึ่งซึ่งเป็นผู้ปรับปรุงคุณภาพข้าว และต้องไปรับข้าวเองที่จังหวัดอยุธยา จึงเกิดคำถามตามมาถึงกระบวนการครั้งนี้ว่ามีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นหรือไม่” แหล่งข่าวระบุ

ทั้งนี้ จากข้อมูลที่อนุกรรมาธิการเกษตรฯ ได้รับมาและข้อเท็จจริงจากการลงพื้นที่สำรวจตลาด พบว่ามีโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะเกิดขบวนการ “โยก” ข้าวถุงราคาถูกจากโกดัง อคส. ไปขายในตลาดทั่วไปหรือขายให้กับพ่อค้า แทนที่จะบรรจุถุงขายให้แก่ประชาชน ตามที่ กขช. กำหนดราคาขายไม่เกิน 70 บาทต่อถุง ซึ่งคนที่ดำเนินการย่อมได้รับส่วนต่างก้อนมหาศาล เมื่อซื้อข้าวมาในราคาลด 50% แต่ขายไปในราคาตลาด

อีกสมมติฐานหนึ่งที่คณะอนุกรรมาธิการเกษตรฯ คาดไว้ก็คือ มีการนำข้าวไปแปรเป็นข้าวถุงจริงๆ แต่ตีตราแบรนด์อื่นที่ไม่ใช่ข้าวถุงธงฟ้าแล้วจำหน่ายในราคาเกินกว่า 100 บาทต่อถุง เมื่อคำนวณดูแล้ว การที่มีข้าวออกจากโกดัง อคส. ไปถึง 1.1 ล้านตัน แปรสภาพเป็นข้าวถุงขนาด 5 กิโลกรัม ได้ประมาณ 220 ล้านถุง ถ้านำไปขายในราคาตลาด นั่นก็คือส่วนต่างกำไรมากกว่าถุงละ 60 บาท เท่ากับมูลค่าเงินที่จะได้รับไปสูงถึง 13,200 ล้านบาท

( ที่มา สำนักข่าวออนไลน์ ไทยพับลิก้า www. thaipublica.org )
กำลังโหลดความคิดเห็น