รมว.เกษตรฯ เคลียร์ข่าว USFDA กักข้าวไทยตรวจ ยันไม่ได้ห้าม เผยเก็บตัวอย่างสอบเพื่อความมั่นใจ แต่ จม.สนง.ที่ปรึกษาให้ความเห็นว่าเรื่องอาจเกิดจากความกังวลของผู้ส่งออกที่เกรงข่าวฉาวเรื่องปัญหาคุณภาพข้าวไทยที่ออกมาถี่ จนสหรัฐฯ อาจเพิ่มความเข้มงวด ด้านสภาเกษตรฯ บุกททวงคืนจำนำข้าวหมื่นห้า
วันนี้ (28 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ แถลงกรณีข้อเท็จจริงกรณีการนำเสนอข่าวองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (USFDA) แจ้งเตือนกักกันสินค้าข้าวไทยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่นิ่งนอนใจเราได้ตรวจสอบไปยังสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ซึ่งไทยมีทูตเกษตรที่สหรัฐฯจึงได้ให้ตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น และเป็นไปตามที่มีข่าวหรือไม่ ที่ปรึกษาการเกษตรฯได้แจ้งมาว่า หน่วยงานของสหรัฐฯไม่มีสัญญาณห้ามนำเข้าตามข่าวจากประเทศไทยเลย ตรงนี้อาจจะเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ทำให้ทุกคนสับสนและไม่เข้าใจ ขอยืนยันว่าข้าวที่ส่งออกไปมีเซอเวเยอร์คอยตรวจสอบคุณภาพทั้งหมดอยู่แล้ว กระบวนการส่งออกได้มีการดูแลตั้งแต่ต้นน้ำและส่งไป ทางสหรัฐฯเองก็ไม่มีสัญญาณ หรือผู้นำเข้าก็ระบุว่าไม่มีสัญญาณอะไร จึงยืนยันได้ว่าตอนนี้ยังไม่มีการสั่งห้ามนำเข้าหรือกักกันข้าวที่ส่งออกจากประเทศไทย
นายยุคล กล่าวว่า นอกจากนี้ เพื่อให้ทุกคนสบายใจ ขณะนี้ทางกรมวิชาการเกษตร และสำนักงานคณะกรรมการมอาหารและยา (อย.) ได้ร่วมมือกันในการที่จะไปเก็บตัวอย่างข้าว ทั้งในส่วนของห้างสรรพสินค้าและด่าน เพื่อมาตรวจสอบอีกครั้งเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าไม่มีสารตกค้าง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางกรมวิชาการเกษตรได้มีการเก็บตัวอย่างมาแล้วก็ไม่พบว่ามีสารตกค้าง จึงมั่นใจได้ว่า ข้าวในประเทศไทยยังไม่มีสารตกค้าง ขณะเดียวกัน ยังได้มีการสั่งการให้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหนังสือถึงเอกอัครทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ให้รับรู้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่างๆ เราได้มีการดำเนินการอย่างไร และทำให้เกิดความเชื่อมั่นในมาตรฐานและการดูแลของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ
นายพิศาล พงศาพิชณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า สำหรับการส่งออกข้าวไปยังสหรัฐฯนั้น ในกระบวนการผลิตข้าวจะต้องผ่านหลายขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนโรงสี การปรับปรุงคุณภาพข้าว จนถึงการส่งออกจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน กระบวนการนี้ใช้เวลามาก ฉะนั้น เรื่องสารตกค้างที่ใช้ระหว่างกระบวนการเก็บรักษาข้าวจึงไม่มีหลงเหลือไปถึงในขั้นตอนที่สินค้าไปถึงปลายทางแน่นอน ซึ่งกระบวนการตรงนี้มีการตรวจสอบและควบคุมโดยทั้งเซอเวเยอร์และหน่วยราชการด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 55/56 สภาเกษตรกรแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะกรรมการจำนวน 10 คน เดินทางมายื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนมติในการปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 55/56 โดยขอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาทบทวนมติให้รัฐบาลปรับราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้า 100% จากราคาเกวียน/ตันละ 12,000 บาท เป็นราคาเกวียน/ตันละ 15,000 บาท ตามเดิม และให้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาทบทวนมติดังกล่าวให้เป็นไปตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายไว้ต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 54 ที่จะรับจำนำข้าวเปลือเจ้าที่ราคาเกวียน/ตันละ 15,000 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลิที่ราคาเกวียน/ตันละ 20,000 บาท ความชื้นไม่เกิน 15% ต่อไป
ทั้งนี้หลังแถลงข่าวดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ ได้มีการส่งเอกสารบันทึกข้อความของสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี ลงนามโดย น.ส.เบญจรัตน์ แพร่หลาย เลขานุการเอก (ฝ่ายการเกษตร) รองผู้อำนวยการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่ระบุเรื่อง ข้อเท็จจริงการนำเสนอข่าวของประเทศไทยกรณีองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ประกาศแจ้งเตือนกักกันสินค้าข้าวนำเข้าของไทย เรียนถึง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้กับสำนักข่าวต่างๆด้วย
เนื้อหา ในจดหมายฉบับดังกล่าวระบุว่า จากข่าวดังกล่าวทางสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศฯ และสำนักงานที่ปรึกษาพาณิชย์ในต่างประเทศ ประจำสถานเอกอัครราชทูต กรุงวอชิงตันฯ ได้ร่วมกันตรวจสอบ โดยขอสรุปว่า ขณะที่ยังไม่มีสัญญาณจาก USFDA ว่าได้มีการประกาศแจ้งเตือนในเรื่องดังกล่าว ทั้งจากแหล่งข้อมูลเว็บไซต์ของ USFDA หรือตามสื่อต่างๆ ของสหรัฐฯ รวมทั้งการสอบถามเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ของ USFDA ในเบื้องต้น ทราบว่ายังไม่มีการแจ้งเตือนเรื่องนี้ แต่จะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง, จากการสอบถามบริษัทผู้นำเข้าสินค้าข้าวไทยรายใหญ่ในสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ จากทางสหรัฐฯ และยังไม่เคยพบปัญหา ทว่า จากการตรวจสอบข้อมูลในประกาศ Import Alert ของ USFDA พบว่าในปี 2556 มีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าข้าวไทย 1 ราย โดยเป็นกรณีของสิ่งเจือปน (Filth) ในผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากข้าว (rice-based product; FDA Import Alert 02-02) และระบุด้วยว่า ประกาศแจ้งเตือนดังกล่าวไม่ใช่การฝ่าฝืนที่มีความผิดร้ายแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้บริโภคจนกระทั่งต้องมีการประกาศเพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบสินค้าข้าวของไทยทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศฯ ได้ให้ความเห็นว่า การส่งออกสินค้าข้าวไทยไปสหรัฐฯ คงยังไม่ได้รับผลกระทบอะไร และระบุว่า แม้การนำเสนอข่าวดังกล่าวจะมาจากประเทศไทย และยังไม่มีสัญญาณใดๆ จากฝ่ายสหรัฐฯ แต่สำนักงานฯ เห็นว่าข่าวดังกล่าวอาจมีที่มาจากผู้ส่งออกข้าวไทยที่กำลังมีความกังวลว่าสหรัฐฯ จะหยิบยกประเด็นการนำเสนอข่าวในประเทศเกี่ยวกับคุณภาพสินค้าข้าวของไทยซึ่งกำลังดำเนินอยู่ ณ ขณะนี้ มาเป็นเหตุผลในการกำหนดเพิ่มความเข้มงวดสินค้าข้าวที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก็เป็นได้