รองนายกฯ-รมว.คลัง แจง พ.ร.บ.งบประมาณปี 57 ยันดำเนินการรอบคอบ ไม่ทำหนี้สาธารณะพุ่งเกินร้อยละ 50 ของจีดีพี และไม่ทำให้เกิดสังคมเหลื่อมล้ำ อีกด้านตำรวจแตกตื่นรถฮอนด้าซีวิคจอดกีดขวางจราจร แจ้งอีโอดีตรวจสอบ ภายหลังกลายเป็นรถนักข่าว
วันนี้ (29 พ.ค.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ชี้แจงว่า ตนรู้เสียใจเล็กๆเท่าที่ได้ฟังคำอภิปรายของผู้นำฝ่ายค้านดูเหมือนจะไม่มีประเด็นใดถูกอกถูกใจผู้นำฝ่ายค้านสักประเด็นเดียว โดยแนวคิดที่รัฐบาลชุดนี้ทำอยู่อาจจะไม่ตรงกับแนวทางรัฐบาลเดิมเลย ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่แนวคิดที่รัฐบาลชุดนี้ทำมาในเรื่องงบประมาณฉบับที่ 3 นี้ ที่กำลังจะเสนอต่อสภาฯ แม้ว่าพ.ร.บ.งบประมาณประจำปี2 ฉบับที่ผ่านมา กระทำอยู่ในภาวะจำเป็นมาโดยตลอด แต่ตนยังมั่นในว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำหน้าที่ช่วงเดือน ส.ค. 2554 ถึงแม้มีเวลาคลาดเคลื่อนไปจากปฏิทินงบประมาณก็ตาม แต่ว่าการทำงานอย่างทุ่มเท มุ่งมั่นของคณะรัฐมนตรี และส่วนราชการต่างๆ เพื่อให้งบประมาณประจำปีฉบับแรกมีความสอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจให้ตรงกับแนวทางที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา รวมทั้งยุทธศาสตร์ที่ได้กำหนดขึ้น
ตนอยากย้ำอีกครั้งว่า ยุทธศาสตร์ในการจัดทำงบประมาณ มี 4 ยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือ 1.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 2.การลดความเหลื่อมล้ำผู้มีรายได้มากและผู้มีรายได้น้อย3.การเจริญเติบโตโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม4.การทำงานโดยกลไกของภาครัฐอย่างบูรณาการ และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าการใช้คำบางคำของนายกรัฐมนตรีในถ้อยแถลงจะเป็นจริง แต่หวังว่าสังคมจะไม่แปลความหมายจนเกิดความเข้าใจผิด อาทิ งบประมาณประจำปี พ.ศ.2557 เป็นงบประมาณที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้น ซึ่งจริงๆแล้วทุกงบประมาณของปีก็สูงที่สุดกว่าปีที่ผ่านๆมาอยู่แล้ว รวมทั้งในช่วงรัฐบาลก่อนๆที่มีการพิจารณา งบประมาณก็สูงขึ้นจากปีก่อน ดังนั้น ทุกครั้งที่พิจารณางบประมาณก็ต้องสูงกว่าทุกปีเป็นประวัติการณ์ จึงยืนยันว่าไม่ได้เป็นความประสงค์ของรัฐบาลที่ต้องการตั้งงบฯสูงผิดปกติ และความจริงก็เป็นการเพิ่มขึ้นน้อยเป็นอย่างยิ่ง จากงบประมาณปี 2555 จำนวน 2.38 ล้านล้านบาท มาสู่ 2.44 ล้านล้านบาท ในปี 2556 การเพิ่มขึ้นเพียง 2 หมื่นล้านบาทแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญ แต่ในปีงบประมาณ 2557 รัฐบาลชุดนี้มีความเชื่อมั่นว่า เราควรเพิ่มงบประมาณรายจ่ายตามที่เสนอ โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเป็น2.55 ล้านล้านบาท ซึ่งก็เป็นเรื่องที่มีความเหมาะสม และสามารถทำได้ ความสามารถในการจัดเก็บรายได้ของรัฐมีความสอดคล้องกับเป้าหมายที่จะมีรายรับ 2.75 ล้านล้านบาท และยังสอดคล้องกับจีดีพีของประเทศด้วย
รองนายกฯ กล่าวต่อว่า ในส่วนการลดการขาดดุลลงนั้น ตนเชื่อว่าความเชื่อใจในการบริหารงบประมาณขาดดุล รัฐบาลชุดนี้ก็ได้ทำงานให้เห็นแล้ว เพราะจากระดับการขาดดุล 4 แสนล้านบาท ขณะที่จีดีพีของประเทศอยู่ในระดับ 11 ล้านล้านบาทนั้น เราได้ดำเนินการให้มีการลดขาดดุลลงเหลือ 3 แสนล้านล้านบาทในปีงบประมาณที่ผ่านมา และกำลังจะลดลงให้เหลือ 2.5 แสนล้านบาทในปีงบประมาณ 2557 นี้ ในขณะที่จีดีพีของประเทศก็เติบโตขึ้น ฉะนั้น สัดส่วนการขาดดุลต่อจีดีพีนอกจากจำนวนจะลดลงแล้ว สัดส่วนก็ลดลงโดยเราเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่ลดการขาดดุลในระดับที่ต่ำกว่าร้อยละ 2 ของจีดีพี แม้ว่าตนมีความตั้งใจที่จะใช้เวลากับงบประมาณประจำปี 2557 ให้มากที่สุด แต่ตนก็เข้าใจว่าคงจะมีการอภิปรายเรื่องพ.ร.บ.เงินกู้ฉบับนี้ แต่อยากชี้แจงให้เข้าใจว่า การออกกฎหมายกู้เงินฉบับนี้เพิ่งเริ่มทำเท่านั้น และการออกกฎหมายกู้เงินก็เคยมีในรัฐบาลก่อนๆ รวมถึงรัฐบาลที่ผ่านมาด้วย ส่วนรัฐบาลนี้การออกกฎหมายกู้เงินที่กำลังดำเนินการอยู่ พ.ร.บ.การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินไม่เกิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนในระบบคมนาคมขนส่งของประเทศนี้ ตนย้ำว่าเรามีความละเอียด รัดกุม และมีสถานะที่มีมาตรฐานสูงในการออกกฎหมาย และเมื่อผ่านชั้นหลักการมาถึงขั้นกรรมาธิการวิสามัญ ก็กระทำอย่างรอบคอบ และใช้เวลามากที่สุด แตกต่างจากการออกกฎหมายเงินกู้ของรัฐบาลที่ผ่านๆมาด้วยซ้ำไป และยืนยันว่าต้องการมีวินัยที่เข้มแข็งโดยไม่กู้เงินเกิน 2 ล้านล้านบาท ระดับหนี้สาธารณะก็จะไม่เกินร้อยละ 50 ของจีดีพี ตามที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ ตนไม่เห็นด้วยกับการอภิปรายของนายอภิสิทธิ์ ที่มองว่าการกู้เงินจะไปเพิ่มหนี้สาธารณะ ซึ่งก่อนหน้านี้ระดับหนี้สาธารณะก็เพิ่งจะขยับตัวเพิ่มขึ้น และดูเหมือนจะเป็นจริงว่าก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา หนี้สาธารณะยังทรงตัวอยู่ โดยนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง ก็ให้มีการพิจารณาปรับเพดานวินัยการคลังจากที่เคยกำหนดร้อยละ 50 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 60 ตนก็ไม่แน่ใจว่า การตระเตรียมตรงนั้นมีความตั้งใจจะดำเนินการในอนาคตที่จะต้องกู้เพิ่มขึ้นหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงตนก็ไม่ได้ทักท้วง เพราะคิดว่าระดับหนี้สาธารณะที่ร้อยละ 60 ก็ไม่ใช่ระดับที่สูงจนเกินไป เพียงแต่ว่าหากรัฐบาลก่อนๆไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องเพิ่มหนี้สาธารณะ จะไปปรับเพดานหนี้ทำไมไม่ทราบ แต่อย่างไรก็ดีตนก็จะไม่ปรับเพดานหนี้ลดลง โดยเปลี่ยนแปลงการทำงานดูแลหนี้สาธารณะแทน ทั้งการกู้เงินเพื่อชดเชยงบประมาณขาดดุล ซึ่งกำลังมีแนวโน้มลดลงด้วย จนเป็นเป้าหมายที่จะสมดุลในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รวมถึงการกู้เงินต่างๆของรัฐบาลนี้ที่เห็นว่ามีความจำเป็น เราก็จะดำเนินการควบคุม ดูแลหนี้สาธารณะให้อยู่ในกรอบดังเดิม
กฎหมายกู้เงินฉบับนี้ เป็นไปเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ตั้งแต่ระบบบริหารจัดการน้ำ ระบบขนส่งมวลชนของประเทศ ซึ่งล้วนเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว และวางแผนลดเงินต้นตามลำดับ ดังนั้น แนวทางความตั้งใจของรัฐบาลจึงไม่ใช่เรื่องการวางโครงการกระจัดกระจาย แต่เป็นเรื่องที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ และไม่ได้แกล้งมองข้ามว่าหนี้ที่เกิดขึ้นไม่ต้องคำนวณว่าจะถูกชำระคืนในกี่ปีก็ได้อย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ส่วนแนวทางที่อาจจะถูกเข้าใจผิด ในเรื่องวิธีการเพิ่มรายได้1.75 แสนล้านบาท จะมาจากการเพิ่มภาษีด้านหนี้นั้น รัฐบาลไม่มีความประสงค์ปรับระดับอัตราภาษีเพิ่ม ยกเว้นการปรับเหล่านั้นจะเป็นประโยชน์ต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค ในอดีตเราเคยปรับภาษีสินค้าสรรพสามิตบางชนิด เพื่อช่วยจูงใจการบริโภคสินค้านั้นลดลง หรือแม้แต่น้ำมันดีเซล ที่รัฐบาลพยายามดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันปลีกดีเซลให้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันผู้ประกอบการภาคขนส่งก็ต้องสามารถมีความมั่นใจ จนกำหนดอัตราค่าบริการให้มีเสถียรภาพที่ดีได้ ในส่วนนี้เราจึงได้ดูแลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ในภาวะที่มีเสถียรภาพที่ดีด้วย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งทะยานสูงขึ้น ถ้ารัฐบาลนี้จะปล่อยราคาน้ำมันให้เป็นไปตามกลไกตามที่บางส่วนคิดว่าเป็นวิธีที่ถูกเสมอ คิดว่าราคาน้ำมันในประเทศก็คงจะยิ่งทะยานสูงขึ้นอีก
ส่วนเรื่องราคาก๊าซหุงต้มที่ฝ่ายค้านอภิปรายว่ามีต้นทุนที่ต่ำ แต่รัฐบาลกลับพยายามทำให้มีราคาที่สูงขึ้นนั้น ความจริงแล้วต้นทุนก๊าซหุงต้มในมีราคาที่สูงกว่าราคาขายปลีกที่ดำเนินการควบคุมอยู่มากเมื่อเทียบเคียงกับหลายประเทศ สิ่งที่รัฐบาลนี้ต้องคิดคือ ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการบริโภคเหล่านั้น เช่น การใช้ไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยเพื่อลดรายจ่าย แต่ว่าโดยข้อเท็จจริงแล้ว การกำหนดให้ใช้ฟรีมากเกินจำนวนหนึ่งไป กลายเป็นทำให้ผู้บริโภคไม่มีความระมัดระวังช่วยกันประหยัด ดังนั้น แนวทางเราไม่ได้มีเจตนาทำร้ายผู้มีรายได้น้อย แต่ในทางกลับกันเรากำลังเตรียมการให้ประชาชนเกิดความตระหนักในระดับหนึ่งก่อนหากต้องเผชิญกับภาวะราคาต้นทุนที่สูง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภค ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ทำงานควบคู่โดยเพิ่มรายได้ ค่าครองชีพแก่ผู้ที่มีรายได้น้อยตามภาวะเงินเฟ้อ ถึงแม้จะถูกมองว่าค่าแรงขั้นต้นเพิ่มเป็น 300 บาท อาจจะเป็นดาบสองคมก็จริง แต่มันทำให้กลายเป็นรายได้ของประชาชนและผู้ที่มีรายได้น้อย และยังช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และแท้ที่จริงอาจจะกลายเป็นรายรับของภาคธุรกิจต่อๆกันด้วย ซึ่งการดำเนินการทางเศรษฐกิจ เป็นแนวคิดเชิงองค์ รวม มหาภาคที่ต้องสอดคล้องจุลภาคอยู่แล้ว
สำหรับการที่รัฐบาลไม่ได้จัดงบประมาณอุดหนุนเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) ในงบประมาณประจำปี2557 เพราะรัฐบาลเห็นว่าปัจจุบันมีกฎหมายตามพ.ร.บ.กองทุนประกันสังคม มาตรา 40 ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่อยู่ในระบบของภาครัฐ และเอกชน สามารถส่งเงินสมทบร่วมกับภาครัฐได้ เพียงแต่ขณะนี้มีสมาชิกอยู่แค่ 1.2 ล้านคน จึงไม่สามารถทำให้ผู้มีอาชีพอิสระสนใจการออมได้ รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการระยะยาว โดยอยู่ระหว่างเตรียมเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีแนวคิดว่าผู้ที่มีอาชีพอิสระจะสามารถรับสิทธิ์คู่ขนานการออมมากกว่า 1 หน่วยงานได้หรือไม่ ถ้าทำได้จริงจะเป็นการจูงใจให้เกิดการออมมากขึ้น ทั้งนี้ การไม่ส่งเงินให้ กอช. นั้น ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะละเลย ไม่ให้ความสำคัญกับการออมของประชาชนผ่าน กอช. แต่รัฐบาลเล็งเห็นว่าหากจะดำเนินการเรื่องใหม่แล้ว ควรต้องมีการสะสางปัญหาเก่าก่อน ซึ่งปัจจุบันมีให้เห็นอยู่ในการบริการงานของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.)
ในส่วนการเก็บภาษีที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง ฝ่ายค้านอภิปรายราวกับว่า ตนพยายามประวิงเรื่องนี้เพื่อดูแลกลุ่มนายทุนที่มีทรัพย์สินที่ดินมหาศาลนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลมีนโยบายลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ แต่การเก็บภาษีที่มีมาแต่อดีต ซึ่งใครก็ตามที่มีที่ดินและดำเนินการให้เกิดค่าเช่า อันมีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีโรงเรือน12.5 % จากค่าเช่าหรือรายปี แต่ถ้าเจ้าของที่ดินอยู่อาศัยเอง แต่ไม่มีรายได้แบ่งจ่ายภาษีจะทำอย่างไร การจ่ายภาษีต้องมีความเท่ากัน แต่ความสามารถในการจ่ายภาษีนั้นมีความต่างกัน การดำเนินการเหล่านี้จึงต้องมีความรอบคอบ และไม่เกิดเป็นภาระต่อครัวเรือน หรือผู้ที่มีทรัพย์สินเป็นของตัวเอง แม้แต่การจัดตั้งกองทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของรัฐ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจหาที่ดินรกร้างว่างเปล่าและไม่ได้มีการพัฒนา เพื่อนำมาปรับปรุง ให้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์และปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะ เพื่อให้เกิดรายได้กับรัฐ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้กับกองทุน โดยไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์กับนายทุนรายใหญ่แต่อย่างใด
การที่มองว่ารัฐบาลปรับลดงบประมาณงานวิจัยลงบางส่วน ไม่ได้แปลว่ารัฐบาลให้ความสำคัญน้อยลง แต่เงินที่ลงทุนในอนาคตจะต้องเป็นผล ซึ่งเรากำลังส่งเสริมภาคเอกชนที่มีงานวิจัยแล้วไม่ขึ้นหิ้ง หรือถูกเก็บไว้จนกลายเป็นฝุ่นหนา แต่ต้องสามารถใช้งานได้จริง การที่เราสามารถให้ประชาชนหักภาษีจากส่วนนี้ได้มากกว่า 1 เท่า เพราะต้องการให้เกิดความสะดวกมากขึ้นเพื่อส่งเสริมการวิจัยเอกชน ในส่วนนี้อาจทำให้รัฐบาลเสียรายรับไปบ้าง แต่รัฐบาลยินดีเสียเพื่อเป็นการเข้าหุ้นกันกับเอกชน เพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินการในอนาคตด้วย
สำหรับการตั้งงบประมาณชดเชยเงินคงคลังให้กับนโยบายรถคันแรก ตามปีงบประมาณ 2557ไม่ได้เป็นการนำเงินภาษีประชาชนที่ไม่ได้ซื้อรถคันแรกมาจัดสรรให้คนซื้อรถคันแรกตามนโยบายรัฐบาล เพราะเงินในส่วนนี้เป็นเงินที่รัฐบาลได้จัดเก็บมาจากผู้ซื้อรถแต่แรกอยู่แล้วจากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีสรรพสามิต และนำมามาจ่ายให้กับผู้ซื้อรถคันแรกได้รับตามสิทธิ์หลังจากครอบครองรถยนต์มา 1 ปีเท่านั้น ไม่ได้ไปหยิบยืมจากเงินภาษีและเงินคงคลัง
อีกด้านหนึ่ง บรรยากาศด้านหน้ารัฐสภา ซึ่งเป็น 1 ใน 9 จุดเฝ้าระวังการรักษาความปลอดภัย ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิดปากซอยรามคำแหง 43/1 เขตบางกะปิ พบรถต้องสงสัยยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีเทา มาจอดตรงบริเวณถนนอู่ทองในด้านหน้ารัฐสภา ซึ่งจอดนานจนผิดสังเกตและกีดขวางการจราจร เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งประสานไปยังเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เข้ามาตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นของสื่อมวลชนและขับออกจากพื้นที่ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ EOD ระบุว่าหน่วย EOD จะเตรียมความพร้อมซึ่งภายใน 1 ชั่วโมงจะสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ทันที