สะเก็ดไฟ
นโยบาย “รับจำนำข้าว” เริ่มออกดอกออกผลเป็น “ผลไม้พิษ” ย้อนศรทำร้าย “รัฐบาล” ภายใต้การนำของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เข้าอย่างจัง
และหากย้อนกลับไปช่วงจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยชุดแรก “นายใหญ่” พยายามติดต่อ “กูรู” ด้านเศรษฐกิจหลายคนมาทำนโยบาย “รับจำนำข้าว” แต่ก็ถูกปฏิเสธเกือบทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ปัดข้อเสนอแบบไม่ใยดี
นั่นเพราะใครๆ ก็รู้ว่านโยบาย “รับจำนำข้าว” มีแต่เจ๊งกับเจ๊งมาก
จนกระทั่งวันนี้คนในรัฐบาลยังไม่มีใครบอกตัวเลขจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวว่ายอด “ขาดทุน” สุทธิอยู่ที่เท่าไร มีแต่ตัวเลขปลอมๆที่ถูกปล่อยออกมาตามหน้า “สื่อ” เพื่อรักษาหน้าและเสถียรภาพของ “รัฐบาล”
ที่สำคัญยังไม่มีใครออกมาระบุให้ชัดเจนว่าตัวเลข “ข้าวเปลือก-ข้าวสาร” ในสต๊อกของรัฐมีเท่าไรกันแน่ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ “กระทรวงพาณิชย์” ซึ่งมี “บุญทรง เตริยาภิรมย์” รมว.พาณิชย์ มี “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รมช.พาณิชย์ เป็นลูกหาบ
เสนาบดีที่วันนี้มีคนเรียกขานว่า “บุญทรุด” เคยพยายามอธิบายว่า ข้าวในสต๊อกของ “กระทรวงพาณิชย์” มีประมาณ 15-17 ล้านตัน ซึ่งได้ทำการขายแบบจีทูจี (รัฐต่อรัฐ) ไปแล้ว 10 ล้านตัน โดยไม่ได้เปิดเผยว่าขายให้กับประเทศใด และนำไปจัดทำในรูปแบบข้าวถุงธงฟ้า เพื่อจัดขายในราคาถูกกว่า 2 ล้านตัน
ตามสูตรของ “บุญทรุด” จะเหลือข้าวอยู่ในสต๊อกไม่เกิน 10 ล้านตันแน่ๆ
ซึ่งตรงกันข้ามกับข้อมูลของ “ประชาธิปัตย์” ที่ “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” ส.ส.พิษณุโลก ออกมาแฉว่ายังมีข้าวเหลืออยู่ในสต๊อก 17 ล้านตัน โดยข้าวในส่วนนี้ไม่สามารถระบายได้ เพราะรัฐบาลไม่สามารถหา “ประเทศ” ที่จะมาซื้อข้าวราคาแพงได้
และก็ยังไม่ตรงกับโพยของ “วราเทพ รัตนากร” รมต.สำนักนายกฯ ซึ่งเป็นรายล่าสุดที่ผลักออกมาอุ้ม “เผือกร้อน” ในฐานะผู้รวบรวมข้อมูลและตรวจสอบตัวเลขขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว ที่ข้อมูลค่อนข้างตรงกับทางฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ ว่ามีข้าวค้างอยู่ในสต๊อกราว 18 ล้านตัน
เมื่อตัวเลขไม่ตรงกัน ก็ยังไม่มีคำชี้แจงจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขายข้าวจีทูจีกับใครเท่าไรบ้าง ทำข้าวถุงเท่าไร ขายไปเท่าไร ส่งผลให้ไม่มีใครรู้สต๊อกข้าวที่แท้จริง
จน “สังคม” เริ่มตั้งคำถามกับ “รัฐบาล” ว่าจำนวนข้าวในสต๊อกที่แท้จริงมีจำนวนเท่าไร
เพราะจากบทเรียนที่ผ่านมามักมี “คนในรัฐบาล” รู้เห็นเป็นใจในการยักยอกข้าวออกจากสต๊อคของ “รัฐบาล” ซึ่งอยู่ในความดูแลของ “องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร” (อ.ต.ก.) และ “องค์การคลังสินค้า” (อคส.) หรือกระทั่งมุกคลาสสิคอย่าง “สต๊อกลม-เวียนเทียน” แต่งตัวเลขสูบเงินจากรัฐเข้ากระเป๋าตัวเองแบบนิ่มๆ
ดังนั้นชั่วโมงนี้หากมีใครสามารถ “ฟอกขาว” ให้ “รัฐบาล” พ้นผิดจากข้อครหาข้าวในสต๊อคหาย ก็เหมือนกับ “ฮีโร่” ของ “ปูแดง”
ซึ่งก็เป็น “เดอะเต้น” หัวโจ๊กอำมาตย์แดง ที่ไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป โดยออกมาประกาศดีเดย์ให้มีการตรวจสต๊อกข้าวทุก “โกดัง” ในวันที่ 29 มิ.ย.ด้วยท่าทีขึงขังเอาจริง
ทั้งที่ “ท่านเต้น” ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการตรวจสต๊อกข้าว เพราะ “ปูแดง” มอบหน้าที่ให้ “พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลปริมาณข้าวคงเหลือในโครงการรับจำนำข้าว
ส่วน “ณัฐวุฒิ” แค่ที่ปรึกษาของคณะที่ว่าเท่านั้น
แอ็กชันของ “ท่านเต้น” หนนี้ก็คงรู้ดีว่าเก้าอี้ “เสนาบดี” ที่ตัวเองนั่งอยู่ ตกอยู่ในภาวะไม่มั่นคง ยิ่งมีกระแสข่าวปรับ ครม.ถี่ขึ้นๆมากควบคู่มาด้วย “เต้น” เกรงว่าต้องตกจากเก้าอี้ กลายร่างจากอำมาตย์ เป็น “ไพร่” เหมือนเดิม
หากเร่งสร้างผลงานก็อาจจะมีอานิสงส์ยืดอายุไปได้อีกเฮือก
แต่การเดินเกมของ “เต้น” ก็ตื้นเขิน เพราะการประกาศตรวจสอบจับโกงลักษณะนี้ ปกติทั่งไปใครเขาก็ทำกันสายฟ้าแลบ เพื่อจับ “โจร” ให้ได้คาหนังคาเขา
แต่นี่เล่นประกาศกันก่อนลงมือตรวจกว่า 1 สัปดาห์ ก็เหมือนให้เวลา “เจ้าของโกดัง-เจ้าของโรงสี-อ.ต.ก.-อคส.” กวาดบ้านซุกขยะปูพรมแดงรอพะนะทั่นมาเยือนเท่านั้น
โดย “โกดัง” ไหนที่มีข้าวหายก็แค่ “เวียนเทียน” หาข้าวมาเติมให้เต็มเหมือนเดิม ตามจำนวนที่ได้แจ้งไว้ ซึ่งไม่มีทางเลยที่เวลากว่า 1 สัปดาห์ จะหาข้าวมาเติมไม่ทันเวลา เลวร้ายหน่อยก็ “สั่งเผา” ทำลายหลักฐานแบบไม่ต้องมีใครรับผิดชอบ
อีกทั้งคนตรวจสอบจะเป็นเจ้าของโรงสี เจ้าหน้าที่ อ.ต.ก.-อคส. ฉะนั้นไม่มีทาง “เจ้าหน้าที่รัฐ” จะสรุปว่าข้าวหาย เพราะหากข้าวหายเจ้าของโรงสี-เจ้าหน้าที่ อ.ต.ก.-อคส. ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
ที่สำคัญไม่มีใครตรวจนับข้าวทุกกระสอบ ส่วนข้าวที่ไม่บรรจุกระสอบ ก็ไม่มี “บ้าจี้” ไปนับ “เม็ดข้าว” ว่าเหลืออยู่ได้เท่าไร
ฟันธงล่วงหน้าได้เลยว่าการตรวจสอบบัญชีข้าวหาย ไม่มีทางที่จะมี “เจ้าหน้าที่รัฐ” คนใดกล้าแหกโค้งบอกว่า “ข้าวหาย” อย่างแน่นอน
เพราะแต่ละคนก็มีผลประโยชน์ทับซ้อนกันอยู่ เหมือนเอา “โจร” ไปตรวจสอบ “โจร" แล้วอย่างนี้ “โจร” ที่ไหนจะบอกว่าพวตัวเองผิด
การปรากฎชื่อ “ธนวรรธน์ พลวิชัย” ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เข้ามาร่วมเป็น “คณะกรรมการตรวจสอบสต๊อกข้าวของรัฐบาล” ก็แค่อาศัยน้ำหนักความเป็นนักวิชาการมาเป็น “ผงซักฟอก” ล้างเช็ดตัวเลขสต๊อกข้าวให้ขาวหมดจดไร้ที่ติ
แต่เจ้าของไอเดียคงลืมนึกไปว่าระยะหลัง “ธนวรรธน์” กับฐานะนักวิชาการเริ่มเสียทรงออกอาการเป๋ให้เห็นหลายคน เพราะ “ผลงาน” ที่ออกมาไม่เข้าร่องเข้ารอยคล้ายกับนั่งเทียนเขียนมาเล่า ทั้งโพลเชลียร์ “นายกฯ ปู” หลายหน หรือการออกมานั่งแถลงตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นคนไทยที่พุ่งกระฉูด สวนทางกับความรู้สึกคนไทย
ดังนั้น การที่มีชื่อ “ธนวรรธน์” ร่วมขบวนแห่ตรวจข้าว หนนี้ก็แค่อยากมีนักวิชาการให้ครบองค์ประกอบ แต่ก็ต้องเป็นแบบที่สั่งได้คอนโทรลอยู่เท่านั้น
ไม่เท่านั้น ยังมีข่าวแว่วมาให้จับตาใกล้ชิด เพราะอาจจะมีการ “จับแพะ” เพื่อเอามาเชือดสังเวยแทน “รัฐบาล”
“โกดัง” ที่มีเส้นสายใหญ่ “ระดับบิ๊กรัฐบาล” คอยเป็นแบ็คอยู่ข้างหลัง คงไม่มีใครจะกล้าเข้าตรวจ แต่พวกไหนไม่มีเส้นสายให้ระวังไว้ให้ดี โดยเฉพาะ “โกดัง” ในภาคกลาง ที่เป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะโดนตรวจสอบเข้มข้น ถึงขั้นจ้องจับผิดกันเลย “โกดัง” ไหนทุนหนาหน่อยก็อาจรอด แค่ใช้ “เศษตังค์” นิดๆ หน่อยๆ “รมต.ไพร่แดง” อาจจะทำเป็นมองไม่เห็น
แต่สำหรับ “โกดัง” เงินน้อย-เส้นเล็ก มีหวังเป็น “แพะ” อย่างที่ว่า
สวนทางกับ “โกดัง” ในภาคอีสานที่มีแววอยู่รอดปลอดภัย เพราะเป็นฐานเสียงของ “รัฐบาล” หากซ้ำเติมจับผิด “โกดัง” กันอีก ผนวกกับการลดราคารับจำนำจาก 15,000 เหลือ 12,000 ต่อตัน มีหวังฐานเสียงแตกกระจุย
ว่ากันว่างวดที่แล้วจัดเวทีสัญจรเดินสายชี้แจงชาวนาที่ จ.พิษณุโลก “รมต.ไพร่แดง” กินนิ่มซัด “งบประชาสัมพันธ์” ไปเหนาะๆเหยียบสิบล้าน มาหนนี้ประกาศปูพรมทั่วประเทศ ไม่รู้ผลาญงบอีกเท่าไร แถมอาจมี "ตามน้ำ" ทิ้งทวนก่อนตกเก้าอี้ก็เป็นได้
มองข้ามช็อตงานนี้ “ไพร่เต้น” มีแต่ได้กับได้ แถมยังได้หลายเด้งด้วย