ช่วง 25-28 กรกฎาคม 2556 คาดกันว่า เที่ยวบินจากไทยที่จะไปยังเกาะฮ่องกง-มาเก๊า คงแน่นเอียดไปด้วยจำนวนผู้โดยสารคนไทย ที่คงมีทั้งนักการเมือง-ข้าราชการ-นักธุรกิจ เหินฟ้าข้ามน้ำข้ามทะเลไปเสนอหน้าอวยพรวันเกิดครบรอบปีที่ 64 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีอาญา
ข่าวว่า ปีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา คือจะบินมาอยู่ใกล้ๆ เมืองไทย เพื่อจะได้ให้พวกทาส-ขี้ข้า ทั้งหลายรวมถึงพวกที่อยากประจบประแจงเอาใจทักษิณได้บินไปได้สะดวกมากที่สุด จะได้พร้อมหน้าพร้อมตากัน ไปเสนอหน้ากันให้ควั่ก เหมือนกับหลายปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แม้ยังระบุชัดไม่ได้ว่าทักษิณจะใช้ที่ไหนระหว่างฮ่องกง กับมาเก๊า เป็นจุดนัดพบ แต่ก็เชื่อว่าคงอยู่ในละแวกสองเกาะสวรรค์ของคนรวยนี้แน่นอน ไม่ใช่สหรัฐอเมริกา หรือลอนดอน เพราะไกลเกินไปที่พวกสุนัขรับใช้จะถ่อสังขารไปได้สะดวก
คาดว่า วันเกิดนักโทษหมายเลข 1 ปีนี้มีแนวโน้มน่าจะคึกคักมากเป็นพิเศษ เพราะอยู่ในช่วงที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเป็นนายกรัฐมนตรีครบ 2 ปี ในเดือนสิงหาคม กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี กำลังเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยมีความเป็นไปได้สูง น่าจะปรับอย่างช้าไม่เกินกลางเดือนสิงหาคม
เว้นแต่สถานการณ์รัฐบาลยังไม่กระเตื้องขึ้น หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในการปรับลดราคารับจำนำข้าวทุกเมล็ดที่เป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย
โดยมีการปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้า ความชื้น 15 % จากราคา 1.5 หมื่นบาท/ตัน เหลือ 1.2 หมื่นบาท/ตัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.56 เป็นต้นไป และจำกัดปริมาณการรับจำนำที่ไม่เกินรายละ 5 แสนบาท มีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. พร้อมกับยอมรับว่า นับแต่มีการทำโครงการนี้มาได้มีการขาดทุนไปแล้ว 1.36 แสนล้านบาท ที่เท่ากับเป็นการยอมรับแล้วว่า การดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวดังกล่าว เป็นการดำเนินการที่ผิดพลาด ก่อให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณและผลตอบแทนที่ได้กลับมาก็ไม่คุ้มค่าอย่างที่เคยประกาศไว้ตอนช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ในปี 54
รัฐบาลเพื่อไทย ยอมเสียหน้า และรู้ดีว่าจะมีผลกระทบตามมา โดยเฉพาะความไม่พอใจของชาวนา-เกษตรกร ที่อาจออกมาเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ขณะที่รัฐบาลก็คงใช้กลไกการเมืองของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เช่น ส.ส.เพื่อไทย-ข้าราชการ ให้ไปทำความเข้าใจกับชาวนาทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้กลายเป็นว่ารัฐบาลต้องมาเจอกับม็อบชาวนาเพิ่มขึ้นอีกกลุ่ม หลังตอนนี้ก็มีสารพัดม็อบออกมาไล่อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
หลังจากนี้ สถานการณ์ของรัฐบาลที่ยอมถอยในเรื่องนี้ ยังประเมินไม่ได้ว่า จะทำให้กระแสนิยมรัฐบาลดีขึ้น หรือกระเตื้องขึ้นมาบ้างหรือไม่
ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยคุมสถานการณ์โดยรวมดังกล่าวไปได้ ทำความเข้าใจกับชาวนาได้ พยายามใช้สื่อของรัฐโฆษณาชวนเชื่อว่า รัฐบาลไม่ได้ล้มเหลวจากโครงการรับจำนำข้าว แล้วพบว่าเสียงก่นด่าเรื่องนี้จากทั่วสารทิศเบาบางลง
ส่วนพวกกลุ่มเคลื่อนไหวการเมืองต่างๆ ที่กำลังก่อตัว เช่น กลุ่มหน้ากากขาว หรือม็อบกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ท้องสนามหลวง ก็ปล่อยให้เคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ โดยรัฐบาลพยายามคุมอย่าให้มีสถานการณ์แทรกซ้อน เช่นมือที่ 3 มาทำให้เกิดการเผชิญหน้า หรือเกิดเหตุรุนแรง ขณะเดียวกันก็ไม่สร้างเงื่อนไขให้ประชาชนทั่วประเทศอึดอัดกับรัฐบาลจนทนไม่ได้ ในช่วงนี้
ก็มีความเป็นไปได้ที่ ยิ่งลักษณ์ คงประคอง "รัฐบาล ปู 4 " ยืดไปอีกสักระยะโดยไม่จำเป็นต้องปรับครม. ในช่วงก่อนเปิดประชุมสภาฯ 1 สิงหาคม 56 แล้วก็ไปพิจารณาปรับครม.กันช่วงหลังเปิดสภาฯไม่กี่วัน จังหวะเวลามันก็เข้าล็อกพอดีที่ ยิ่งลักษณ์ บริหารประเทศ 2 ปี
การปรับใหญ่ รื้อกันหมด ในหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงด้านการเมือง อย่างกระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ก็จะเป็นโอกาสอันลงล็อกที่จะทำให้ยิ่งลักษณ์ มีอำนาจการตัดสินใจมากขึ้น ไม่ต้องมาเกรงใจคนในพรรคเพื่อไทย กันมาก
แม้สุดท้ายยังต้องฟังคำสั่งจาก ทักษิณ และ "เจ๊แดง" เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แต่ในบางตำแหน่งที่มีปัญหา เช่น กรณีของ บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ที่ดูแล้ว คงยากที่จะรั้งเก้าอี้เอาไว้ได้ เว้นแต่จะเอาไว้เพื่อหวังผลทางการเมือง
คือ เอาบุญทรงไว้คอยตายแทน ยิ่งลักษณ์ในสภาฯ เมื่อฝ่ายค้านยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ช่วงปลายปี ก็อาจต้องฝืนกระแสให้บุญทรง อยู่ต่อไปก่อน เพราะยังไงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจปลายปีนี้ ประเด็นหลัก ก็เห็นกันอยู่ว่าประชาธิปัตย์รอถล่มเรื่องนี้อยู่แล้วและยิ่งลักษณ์ไม่รอดแน่ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ซึ่งที่ผ่านมาลอยตัวตลอด
ถ้า “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เจ๊แดง” คิดกันง่ายๆ แบบนี้ บุญทรงก็อาจได้อยู่ต่อ คือเอาไว้เป็นกันชนรับไปให้หมดเพื่อตัดตอนความรับผิดชอบต่างๆ ไม่ให้ไปถึงตัวยิ่งลักษณ์ แต่ดูแล้ว สูตรปรับครม.ที่จะให้บุญทรงอยู่ต่อในตำแหน่งรมว.พาณิชย์
ทุกกระแสเสียงประเมินตรงกันว่า คงยากมากที่จะออกมาแบบนี้ เพราะหากปรับออก หรือปรับไปย้ายตำแหน่งอื่น แล้วเอาคนอื่นมาแทนเช่น วราเทพ รัตนากร รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี มาเป็นแทน ก็น่าจะลงตัว หลังจากที่ช่วงที่ผ่านมา วราเทพ เข้ามารับหน้าเสื่อให้รัฐบาลและบุญทรง ในการชี้แจงเรื่องตัวเลขการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวมาตลอด
ถ้าบุญทรงโดนปรับออกจาก รมว.พาณิชย์ แล้ว วราเทพ มาเป็นแทน โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลก็เดินหน้าต่อไปได้ และน่าจะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์รัฐบาลมากกว่าที่จะเก็บบุญทรงไว้แบบนี้ไปเรื่อย ๆ
ขณะเดียวกัน หากยังไม่มีการปรับครม.ไปจนถึงช่วงก่อนวันเกิดทักษิณ 26 ก.ค. 56 ก็คาดว่า พวกรัฐมนตรีทั้งหลาย ที่มีข่าวว่าจะโดนปรับเปลี่ยนทั้งปรับกระทรวง หรือปรับออกไปเลย รวมถึงพวกนักวิ่งทั้งหลายที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะตัวเต็งหลายสิบคนที่มีทั้ง ส.ส.เพื่อไทยหลายสมัย-แกนนำพรรค-นายทุนพรรค- อดีต 111 ไทยรักไทย ที่ต่างรอจ่อคิวลุ้นขึ้นเป็นรัฐมนตรีรอบนี้
เชื่อได้เลยว่า พอเข้าช่วงกลางเดือนก.ค. คงโทรศัพท์เช็กข่าวกันให้วุ่น ว่านายใหญ่ทักษิณจะไปอยู่ที่ไหนในช่วงวันเกิด จะได้รีบจองตั๋วเครื่องบิน-จองโรงแรมเพื่อบินไปหา โดยอ้างว่าบินไปอวยพรวันเกิด-ให้กำลังใจทักษิณ แต่ลึกๆ ก็คือหวังไปหา เพื่อให้เห็นหน้าค่าตา จะได้จดจำชื่อจำหน้าได้ เผื่อตอนนั่งเคาะชื่อคนมาเป็นรัฐมนตรีหรือแม้แต่จัดสรรตำแหน่งการเมืองอื่นๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมากมายหลังมีการปรับครม.เช่น กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี-ที่ปรึกษารัฐมนตรี-เลขานุการรัฐมนตรี-บอร์ดรัฐวิสาหกิจ ก็จะได้ไม่ลืมเลือนกัน
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามนี้ คือยังไม่มีการปรับครม.ก่อนวันเกิดทักษิณ 26 ก.ค. รับรองได้ว่า ได้เห็นภาพความเคลื่อนไหวการเมืองแบบ
“หนึ่งประเทศ-สองนายกฯ”อย่างชัดเจนกันอีกครั้ง
เว้นแต่ ยิ่งลักษณ์ จะตัดสินปรับครม.เสียก่อน ภาพที่คิดว่าจะเกิดขึ้นข้างต้น ก็อาจกลายเป็นภาพพวกได้ตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งแรก หรือพวกรัฐมนตรีไม่โดนปรับออก บินไปหาทักษิณ เพื่อขอบคุณที่ให้โอกาสได้เป็นรัฐมนตรี หรือบินไปขอบคุณที่ให้โอกาสได้รับใช้ต่อเนื่อง ไม่โดนปรับออกจากครม.
มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ ทั้งตัวยิ่งลักษณ์ และคนไทยทั้งประเทศ ว่า ยังไงเสีย นายกฯ ตัวจริงของประเทศไทยก็คือ ทักษิณ ชินวัตร อยู่ดี
ส่วนความเป็นไปได้ในการปรับครม. จะออกมาแบบไหน ปรับเล็กปรับใหญ่ กลุ่มสมศักดิ์ เทพสุทิน ในพรรคภูมิใจไทย จะเข้ามารอบนี้เลยหรือไม่ แล้วจะมีคนโดนปรับออก กี่คน เป็นใครกันบ้าง กระทรวงไหนจะโดนปรับยกแผงเปลี่ยนใหม่หมด
เช็กข่าวกันรอบทิศ พบว่ายังเป็นช่วงเขย่าขวด ทุกอย่างยังไม่ตกผลึก แต่ในตำแหน่งหลักๆ คาดกันว่า คงคุยและวางตัวกันไว้หมดแล้วในระดับแกนนำหลักของเพื่อไทย ที่เป็นพวกคนในครอบครัว ชินวัตร-วงศ์สวัสดิ์ รวมถึงสายจันทร์ส่องหล้า เท่านั้น
พวกแกนนำพรรคที่มีชื่อตำแหน่งกันในนามอย่าง จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย- ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค พวกนี้ก็รู้กันอยู่แค่นอมินีร่างทรง ไม่มีอำนาจตัดสินใจใดๆ เพราะเพื่อไทยคือ บริษัทพรรคชินวัตร-ดามาพงศ์ อย่างที่ทราบกันทั้งประเทศ
หลายคนที่มีข่าวจะหลุดจากตำแหน่ง ก็คงเริ่มทำใจแล้วว่า เตรียมนับถอยหลัง บางรายที่มีชื่อติดโผมาตลอดว่าปิ๋วแน่นอน ก็มีข่าวกระเซ็นกระสายมาแล้วว่าได้บอกข้าราชการในสำนักงานแล้วว่า ให้เตรียมพร้อมเก็บของได้ทุกเมื่อ !
ขณะที่มีอีกหลายคนซึ่งมีข่าวจะกระเด็นออกจากครม.ก็ยังดิ้นอยู่ อย่างเช่น ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่โดนทวงคืนโควต้ารัฐมนตรีอย่างหนัก จากกลุ่มเชียงรายของ ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาฯ ที่ข่าวว่าช่วงหลังถูกทักษิณ กำชับมาจากแดนไกลให้คอยเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวการเมืองกลุ่มต่างๆ ที่จ้องจะล้มรัฐบาลให้ดี และคอยรายงานข่าวต่อเนื่อง แต่ปรีชา ก็ยังพยายามต่อรองแกนนำพรรคเพื่อไทยบางคนเพื่อขออยู่ต่อ หรือไม่อย่างน้อยก็อาจย้ายกระทรวงก็ได้
เช่นเดียวกับ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย ที่ภายนอกเวลาเจอสื่อถามเรื่องปรับครม.ว่าอย่างไร เห็นมีข่าวโดนปรับออกตลอด พล.ต.ท.ชัจจ์ นายทุนใหญ่เสื้อแดง ก็ได้แต่บอกแล้วแต่นายกฯ จะตัดสินใจ ไม่มีปัญหา แต่ข่าวบอกว่า พล.ต.ท.ชัจจ์ ก็ลุ้นขออยู่ต่อเช่นกัน แม้ดูแล้วค่อนข้างริบหรี่ เนื่องจากเป็นรมต.ต่อเนื่องมาจะครบสองปีแล้ว แถมอยู่กระทรวงใหญ่ๆทั้งนั้น ทั้งคมนาคม-มหาดไทย
เอาเป็นว่า กระแสข่าวปรับครม. ยังไม่นิ่ง ข่าวลือ ข่าวลวง คงเกิดขึ้นเป็นระยะ และหากปรับเมื่อไร รับรอง ทำกันรวดเร็ว วันเดียวจบ คนเข้า-คนออก ยังแทบไม่รู้ตัว !