มติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 4 มิ.ย. 2556 ที่ผ่านมา ที่มีการเห็นชอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ของกระทรวงมหาดไทยและของสำนักนายกรัฐมนตรี
ย้าย วัลลถ พริ้งพงษ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เด้ง แก่นเพชร ช่วงรังสี อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ส่งอภินันท์ จันทรังษี ผวจ.บุรีรัมย์ ข้ามห้วยไปเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
มีการเสนอข่าวเบื้องหน้าเบื้องหลังการแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าวไปในทิศทางเดียวกัน ว่าคนที่มีส่วนสำคัญในการพิจารณาคือ นายสมชาย และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ สองผัวเมียผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค
หาใช่”จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ”รมว.มหาดไทย ที่มีอำนาจโดยตำแหน่ง แต่ก็แค่รับทราบรายชื่อ ไม่ได้ร่วมพิจารณาตัดสินใจใดๆ ลือกันไปถึงขั้นว่า เวลานี้บารมี “เจ๊แดง”สยายมาถึงกระทรวงมหาดไทยค่อนข้างมาก หลังก่อนหน้านี้ไปแผ่บารมีอยู่หลายกระทรวง
สื่อรายงานกันคึกโครมว่าเหตุที่ “อภินันท์ จันทรังษี” ข้ามห้วยมาจากผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ไปเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ก็เพราะได้แรงดันของสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะคนคุ้นเคย-คนบ้านเดียวกันที่นครศรีธรรมราช เช่นเดียวกับที่ว่าเหตุที่ “แก่นเพชร ช่วงรังษี”ต้องกระเด็นจากกรมใหญ่คุมงบมหาศาลของกระทรวงมหาดไทย คือกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น มาเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ก็เพราะมีพวกฝ่ายการเมืองในพรรคเพื่อไทยแจ้นไปรายงานกับผู้มากบารมีในพรรคเพื่อไทย “เจ๊แดง”ว่ามีปัญหาในการประสานงานเรื่องงบฯของกรมส่งเสริมฯ กับพวกฝ่ายการเมือง พอมีไฟเขียวให้จัดการ “แก่นเพชร”ก็ต้องกระเด็นออกจากกรมส่งเสริมฯอย่างที่เห็น
เจอข่าวเข้าไปหนักๆ แบบนี้ ก็ทำเอา “มท.1”จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ทอแสงไม่ออกเสียเส้นไม่น้อย เพราะถือว่าเสียหน้าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและมท.1 จะถูกมองว่าเป็นมท.1 แค่ในนามแต่ไร้อำนาจในมือ ลำพังทุกวันนี้ ก็มีข่าวมาตลอดว่าพวกส.ส.เพื่อไทยที่ต้องการอะไร หรือพวกขรก.มหาดไทยคนไหนที่คิดอยากเติบโตต่างวิ่งไปหาแกนนำพรรคคนอื่น
และหนึ่งในนั้นก็คือเจ๊แดง-เยาวภา
แทบไม่ค่อยมีใครไปสุงสิงกับจารุพงศ์ เพราะต่างรู้ดีว่า มท.1 คนนี้ ไม่ได้มีอำนาจอยู่จริงทั้งในพรรคเพื่อไทยและกระทรวงมหาดไทย
ด้วยเหตุนี้ที่จารุพงศ์ออกมาบอกว่า รายชื่อแต่งตั้งทั้งหมดทำกับมือ พวกส.ส.เพื่อไทยเลยบอกว่า ฟังได้แต่อย่าเชื่อ!
“ยืนยันว่าทุกตำแหน่งที่ถูกโยกย้ายผ่านการพิจารณาของผมร่วมกับนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย”
พูดก็พูดไป ใครเชื่อก็เชื่อไป แต่อย่าคิดว่าพวกส.ส.เพื่อไทย-สิงห์มหาดไทยจะเชื่ออย่างที่มท.1 อ้าง
อย่างไม่นานมานี้ทีมข่าวการเมืองได้ยินเรื่องเล่าพัดลอยมาจากตึกพรรคเพื่อไทย จากแหล่งข่าวที่เป็นพวกส.ส.อีสานว่าเมื่อสัก 3-4 อาทิตย์ที่แล้ว ก็เริ่มมีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาแล้วว่า จะมีการย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดใหญ่ ในอีสานคนหนึ่งมาเข้ากรุผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เพราะมีแกนนำพรรคคนหนึ่งที่เพิ่งจะพ้นโทษแบนคดียุบพรรคไทยรักไทย และมีชื่อจ่อคิวจะเป็นรัฐมนตรีหากมีการปรับครม. ไปจับมือกับพวกทีมนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่เป็นคนของพรรคการเมือง อื่นในจังหวัดดังกล่าว ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือต้องการเขี่ยผู้ว่าฯในจังหวัดส.ส.อีสานคนหนึ่งให้ออกไปนอกเส้นทาง เนื่องจากไม่ตอบสนองสิ่งที่ร้องขอหลายครั้งแล้ว
เช่นการไม่ยอมประกาศให้จังหวัดเป็นพื้นที่ภัยแล้งในช่วงแล้งจัดเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้จังหวัดสามารถใช้งบกลางหรือใช้งบฉุกเฉินมาใช้ได้แบบเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งเช่นการจัดซื้อรถขนน้ำไปช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกร ซึ่งหากทางจังหวัดประกาศพื้นที่ภัยแล้ง ก็จะมีพวกกลุ่มเครือข่ายนักการเมืองในพื้นที่จะได้ประโยชน์จากงบส่วนนี้เพราะเตรียมเรื่องจัดซื้อจัดจ้างรอไว้แล้ว แต่ผวจ.อีสานคนดังกล่าวเห็นว่าสถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดยังไม่ถึงขั้นจะประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้งได้จึงไม่ยินยอม
ก็ทำให้คนในเครือข่ายพรรคเพื่อไทยคนดังกล่าวและพวกเครือข่ายตัวเองในจังหวัดไม่พอใจ เลยพยายามเคลื่อนไหวกันจากจังหวัดเข้ามายังส่วนกลางในพรรคเพื่อไทยเพื่อจะ ให้เด้งผวจ. คนดังกล่าวออกจากพื้นที่
พอเรื่องนี้รู้ถึงหูพวกส.ส.ในจังหวัดดังกล่าวประมาณ 4-5 คนที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ เพราะมองว่าจะไม่เป็นผลดี เผลอๆจะส่งผลเสียต่อส.ส.ของพรรคได้ในการเลือกตั้งเพราะประชาชนในพื้นที่ก็จะ รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังการโยกย้ายดังกล่าวจะมองว่าฝ่ายการเมืองไปกลั่น แกล้งผวจ.คนนั้น จะทำให้พรรคและพวกส.ส.ในพื้นที่เสียคะแนนนิยมไป
เลยพากันตบเท้าจับกลุ่มกันไปคุยกับจารุพงศ์ มท.1 โดยแจ้งเหตุผลไปว่าส.ส.ในจังหวัดไม่เห็นด้วยกับการย้ายผวจ.คนดังกล่าว
ผลการหารือออกมาเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ข่าวที่ได้มาคือพวกส.ส.อีสานเพื่อไทยกลุ่มที่ไปพบมท.1 ดังกล่าว ก็รู้ดีว่า จารุพงศ์ แม้เป็นหน.เพื่อไทย-มท.1 แต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาดในขั้นสุดท้าย แม้ต่อให้รับปากอะไร แต่สุดท้ายก็ต้องแล้วแต่คนที่มีอำนาจเหนือกว่าอย่างทักษิณ ชินวัตร เลยทำให้มีข่าวว่าพวกส.ส.อีสานจังหวัดดังกล่าว ก็เลยบล็อกไว้อีกชั้นเพื่อกันพลาดเลยไปบอกเล่าเรื่องนี้กับแกนนำพรรคเพื่อไทยอีก 1-2 คน เพื่อให้ช่วยไม่ให้มีการย้ายผวจ.คนดังกล่าว โดยแกนนำพรรคคนดังกล่าวก็รับปากว่าไม่มีปัญหาจะช่วยดูแลให้จะไปย้ำกับจารุพงศ์ให้อีกที ซึ่งผลก็ออกมาคือ ผวจ.อีสาน คนดังกล่าวที่ตามคิวต้องมาเข้ากรุตบยุงเป็นผู้ตรวจฯมหาดไทยก็รอดแบบหวุดหวิด ไม่มีชื่อที่ถูกกระทรวงมหาดไทยชงเข้าที่ประชุมครม.เมื่อ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา
จากที่ทีมข่าวการเมืองได้ทราบข้อมูลดังกล่าวและนำมาแจ้งให้ทราบ ทำให้เห็นชัดอย่างหนึ่งว่า การเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและรมว.มหาดไทยของจารุพงศ์ มีปัญหาพอสมควรในเรื่องการยอมรับจากคนในพรรคเพื่อไทยที่พบว่าพวกส.ส.ในพรรคไม่ค่อยให้น้ำหนักกับจารุพงศ์เท่าที่ควร
ขนาดว่าสมัยยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ เป็นหน.เพื่อไทยควบอีกสองเก้าอี้คือรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยรายนั้นว่าหนักแล้ว ส.ส.ในพรรคแทบไม่สนใจตัวยงยุทธกันเลย
มาถึงรายจารุพงศ์พบว่ายิ่งหนักกว่าอีก เหตุเพราะบารมีและการยอมรับในตัวจารุพงศ์จากคนในพรรคมีน้อยมาก เพราะต่างก็มองว่าจารุพงศ์แทบไม่มีบทบาทการเมืองอะไรมาก่อนหน้านี้ ไม่ใช่กลุ่มทุน ไม่มีส.ส.ในสังกัดสักคน ไม่มีประสบการณ์ความเก๋าส์ทางการเมืองอะไร แต่ได้เป็นทั้งรมว.คมนาคม-หัวหน้าพรรคเพื่อไทย-รมว.มหาดไทยก็เพราะด้วยบุคลิก การทำงานที่สายจันทร์ส่องหล้าและทักษิณชอบเนื่องจากเป็นผู้ใหญ่ในพรรค สั่งอะไรไปแล้วไม่เรื่องมาก สั่งการได้ง่าย
แต่คำถามที่เกิดขึ้นเวลานี้ท่ามกลางกระแสข่าวเรื่อง “ปรับครม.”ที่เกิดขึ้นมาอีกครั้ง และคงพูดกันมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงสิงหาคมเมื่อสภาฯเปิด แต่หลายคนก็ยังมองว่าทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น่าจะปรับครม.ก่อนสภาฯเปิด
เพราะหากลากยาวไปถึงสิงหาคมเท่ากับครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ซึ่งเป็นการปรับใหญ่ภายในพรรคเพื่อไทยที่ไม่นับรวมกับการปรับเล็ก 2 ตำแหน่งของพรรคชาติไทยพัฒนาหลังการเสียชีวิตของนายชุมพล ศิลปอาชาก่อนหน้านี้ พวกรมต.เพื่อไทยจะอยู่ในตำแหน่งถึง 10 เดือนกันเลยทีเดียวเพราะปรับครม.ยิ่งลักษณ์ 3 กันไปเมื่อตุลาคม 55
พอข่าวปรับครม.ออกมาช่วงนี้ คนที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดว่า ไม่น่ารอด ก็คือ จารุพงศ์ มท.1 บ้างก็ว่าอาจถึงขั้นปรับยกแผงรมต.มหาดไทยทั้งหมด ตั้งแต่มท.1 จนถึง มท. 3 หลุดกันหมดทั้งจารุพงศ์ -พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก มท.2 และประชา ประสพดี มท. 3
บนข่าวลือหลายกระแสว่าคนจะมาเป็นมท.1 คนใหม่มีหลายชื่อถูกโยนมา อาทิ พ.อ.อภิวันฑ์ วิริยะชัย -ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค
โดยคนหนึ่งซึ่งถูกคาดการว่าอาจได้ลุ้นมท.1 ด้วยเช่นกัน ก็มีชื่อ “โภคิน พลกุล”ที่ตอนนี้เป็นที่ปรึกษานายกฯรวมอยู่ด้วย แต่ดูแล้ว ชื่อโภคินเป็นไปได้น้อยมากเหตุเพราะเจ้าตัวติดคดีทุจริตรถดับเพลิงฯอยู่ และศาลฎีกาฯได้นัดอ่านคำตัดสินแล้วในวันที่ 6 ส.ค.นี้ หลังสภาฯเปิดแค่ไม่กี่วัน เว้นแต่ถ้าทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ปรับครม. ไปเสียก่อน โภคินก็อาจต้องคอยลุ้นข่าวดีสองเด้งทั้งข่าวดีคดีความและข่าวดีได้กลับมาเป็นรมต.อีกรอบ
แต่ก็ไม่แน่ ลือกันหนักว่าจารุพงศ์ไม่น่ารอด หลุดมท.1 แน่นอน สุดท้ายจากข่าวลือจะเป็นข่าวลวง จารุพงศ์อาจอยู่ยาวก็ได้ เพราะข่าวว่าเจ้าตัวก็กำลังภายในไม่ธรรมดา เห็นหงิมๆ แบบนี้ หากต้องออกอาวุธ อาจได้อึ้งกันทั้งพรรคเพื่อไทย
โฉมหน้า “ครมยิ่งลักษณ์”ชุดใหม่จะคลอดเมื่อไหร่ ช้าหรือเร็ว ยื้อหรือไม่ยื้อนับจากวันนี้ แล้วจะมีชื่อ จารุพงศ์เป็นมท.1 ต่อไปหรือไม่ คงลือกันไปได้อีกหลายอาทิตย์