“เฉลิม” มอบนโยบายปราบยาเสพติดให้ผู้ว่าฯจังหวัดต่างๆ และนายตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบก.ภ.จว.พร้อมแขวะ “อภิสิทธิ์” และพรรคประชาธิปัตย์หากได้กลับมาเรืองอำนาจเป็นรัฐบาลจะเด้งเลขาฯ สมช.หรือไม่ เผยสมัย ปชป.เด้ง “พล.ท.สุรพล” ออกจากเลขาฯ สมช.เพราะเป็นเพื่อน “ทักษิณ” ชี้ราคาไข่แพงเพราะมีขบวนการหวังโค่นอำนาจรัฐบาล!
วันนี้ (4 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายในงานประชุมเร่งรัดการดำเนินการด้านยาเสพติด อาชญากรรม และปัญหาเดือดร้อนในพื้นที่ ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ และนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ถึงผู้บังคับการจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) เข้าร่วมประชุมเต็มห้องประชุม
โดยช่วงแรก ร.ต.อ.เฉลิม ได้มอบนโยบายไปยังผู้ว่าฯ จังหวัดต่างๆ ให้บูรณาการกำลังการแก้ปัญหาในพื้นที่กับ ผบก.ภ.จว.นั้น โดยให้บริหารงานเป็นนายกรัฐมนตรีของจังหวัดที่รับผิดชอบ เข้าไปศึกษาและแก้ไขปัญหาด้วยการเรียกประชุมหน่วยงานในจังหวัดอย่างจริงจัง เพื่อสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในจังหวัด โดยเฉพาะปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่จะมีแนวโน้มกลายเป็นการชุมนุมได้ เพราะอาจจะมีกลุ่มไม่หวังดีนำม็อบแท้ไปรวมกับม็อบเทียม เพื่อใช้เป็นเครื่องมือโจมตีรัฐบาลได้ แต่หากมีการติดขัดเรื่องการสั่งการกับหน่วยงานอื่น ให้รายงานมายัง รมว.มหาดไทย ที่จะรายงานมายังตนอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งตนจะนำเรื่องมาบอกนายกฯ ต่อไป
ช่วงท้าย ร.ต.อ.เฉลิม ได้กล่าวช่วงหนึ่งว่า ที่ผ่านมาตนได้ทำหน้าที่สำคัญในรัฐบาลมาหมดแล้ว โดยวันนี้ตนก็พอใจที่ได้เป็นรองนายกฯ ลำดับที่ 1 และเป็นรักษาการนายกฯ เมื่อนายกฯ เดินทางไปต่างประเทศ แค่นี้ตนพอใจแล้ว และก่อนที่ตนจะยุติบทบาททางการเมือง จะเป็นการทำงานแบบกระแทก โดยตนอยากถามผ่านสื่อมวลชนไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านว่า ถ้านายอภิสิทธิ์ ได้กลับมาเป็นนายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์ได้กลับมาเป็นรัฐบาล คุณยินดีจะให้ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เป็นเลขาฯ สมช.ต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้หากดูในประเทศสหรัฐอเมริกา หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ผู้บัญชาการซีไอเอเขาจะลาออกด้วยตนเอง แต่ที่ผ่านมาช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์ได้มาเป็นรัฐบาล ตนได้ถามกับนักข่าวว่า ใครเป็นคนย้าย พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา ออกจากเก้าอี้เลขาฯ สมช.นักข่าวก็บอกมาว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ตรงนี้ตนรู้เหตุที่พวกเขาย้าย เพราะเห็นว่า พล.ท.สุรพล เป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ใช่หรือไม่
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ยังย้ายนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ออกจากเก้าอี้ปลัดกระทรวงมหาดไทย เพราะว่าลูกสาวของนายพีรพล เป็นเพื่อนกับลูกสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ รวมถึงย้ายนายพงษ์ศักดิ์ เสมสันต์ ออกจากตำแหน่งปลัด กทม.ด้วย ฉะนั้นการที่นายกฯ ย้ายนายถวิล เปลี่ยนสี ออกจากตำแหน่งเลขาฯ สมช.ตรงนี้นายกฯ ผิดอะไร สุดท้ายเมื่อศาลปกครองกลาง ตัดสินให้คืนตำแหน่งให้นายถวิล ตรงนี้ก็มีขั้นตอนอยู่ คือ การอุทธรณ์ แต่ขณะเดียวกันไอ้พวกนี้ก็มากล่าวหาว่านายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบธรรม
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังขบวนการล้มรัฐบาลอยู่ เป็นกลุ่มรูปแบบเดิม ตนมีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ โดยกลุ่มขบวนการเหล่านี้เตรียมจะเคลื่อนไหว อย่างกลุ่มม็อบสนามหลวง ก็มีพวกขายเป็ดขายไก่เป็นนายทุนให้เคลื่อนไหว หรือกลุ่มนักธุรกิจสื่อสาร ที่มีเมียใหม่เป็นสาวสวย เอาเงินให้กับไอ้ ส.ซึ่งเป็นลูกน้องของคนมือสั่น ที่เป็นเพื่อนกับอดีตนายตำรวจเก่า รวมถึงกลุ่มหนังสือพิมพ์ที่ด่าทุกคน ยกเว้นครอบครัวตนเอง ส่วนกลุ่มหน้ากากขาว ตนไม่เชื่อข่าวของตำรวจ หรือ สมช.หรอก เพราะกลุ่มนี้ตนลองดูภาพเก่าสมัยการชุมนุมของเสื้อเหลือง ก็จะเห็นว่าคนกลุ่มเดียวกันเอง ที่ใส่หน้ากากขาวและสวมเสื้อเหลืองนั่นเอง ฉะนั้นหากตนยังอยู่ รัฐบาลก็อยู่ได้ แต่หากตนไม่อยู่แล้ว รัฐบาลก็ยังอยู่ได้ แต่ไม่รู้จะอยู่นานเท่าไหร่ สุดท้ายตนอยากให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.เตรียมตัวไว้ เพราะม็อบจะมาแน่ๆ
“ก่อนหน้านี้ในสมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ว่า จะมีม็อบมาปิดล้อมทำเนียบ เพื่อล้มรัฐบาล ตนเตือนทั้งรัฐบาลและพรรคแล้ว แต่ไม่มีใครเขื่อ สุดท้ายไอ้กลุ่มบริษัทน้ำเมาก็มาซื้อโฆษณาของกลุ่ม พธม.จำนวน 500 ล้านบาท และก็ล้มรัฐบาลได้ และในขณะนี้มีการปล่อยข่าวว่า กองทัพไม่พอใจรัฐบาล แต่ความจริงแล้วไม่มี ส่วนหนึ่งอาจเป็นพวกเราเองที่ไปกันทหาร และตั้งให้ผมเป็น ผอ.ศปก.กปต.เพื่อดูแลปัญหาภาคใต้ ซึ่งตรงนี้ผมเคยบอกแล้วว่าการแก้ปัญหาภาคใต้ ต้องใช้ทหารเป็นหลัก ร่วมกับตำรวจและพลเรือน ฉะนั้นผมจึงมอบหมายให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้ดำเนินการแก้ปัญหาภาคใต้ ทำงานร่วมกับนายประชา ประสพดี รมช.มท.และ นายสุภรณ์ อัตถวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง” รองนายกฯ ระบุ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ตนยอมรับว่ารัก พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะตนรู้จักกับท่านมาตั้งแต่ปี 2516 ขณะนี้ตนยังเดินเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดอง เช่นเดิม โดยขอยืนยันว่าในรายละเอียด 5 มาตราของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่มีเรื่องของการคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ส่วนทางพรรคจะทำอะไรก็ทำไป ตนไม่ขอวิจารณ์ แต่ก็อย่ามาวิจารณ์การเคลื่อนไหวของตนละกัน ทั้งนี้การเสนอกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องให้พรรคมาอนุมัติ แต่อยากให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มาช่วยตน เพราะเชื่อว่าท่านจะเข้าใจเรื่องนี้ดี โดยตนไม่สนใจว่าจะมีการเลื่อน พ.ร.บ.ปรองดอง มาพิจารณาหรือไม่ และจะมีการการรวมกฎหมายฉบับของตนกับของคนอื่นหรือไม่ แต่หากมีการพิจารณาเมื่อไหร่ตนจะอภิปรายด้วยตนเอง
“การที่ใช้คำว่ายกเว้นแกนนำ เราเอาบรรทัดฐานอะไรมาวัดว่า แกนนำคือใคร ผมอยากให้ประเทศเดินหน้าและเริ่มนับหนึ่งใหม่ ผมเข้าใจความเจ็บปวดของคนที่สูญเสีย แต่ในทางการเมือง ไม่มีได้อย่างเดียว ต้องมีเสียด้วย ขอยืนยันว่า พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับนี้สำคัญมากกับท่านทักษิณ พวกท่านที่มาฟังเป็นตำรวจ ท่านรักทักษิณ ผมเป็นเพื่อนผมก็รัก ทั้งนี้ขอยืนยันว่าร่างปรองดองทุกฉบับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ประโยชน์อะไร ยกเว้นฉบับที่นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นฉบับเดียวกับของผม ท่านทักษิณจะได้ประโยชน์ แต่ผมไม่ขอวิจารณ์ร่างของพรรค แต่ทางหัวหน้าพรรคเพื่อไทยต้องไปทำความเข้าใจ ทั้งนี้ในวันที่ 7 มิ.ย.ผมจะเดินสายทั่วภาคอีสาน เพื่อสานความเข้าใจ ผมไม่ได้ดูถูกพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่เลือกตั้งปี 50 และเลือกตั้งอีก 3 ครั้ง รวมถึงเลือกตั้งเมื่อปี 54 ผมได้ปราศรัยว่าจะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน ฉะนั้นสุดท้ายหากรัฐบาลยุบสภาเร็วเหมือนรัฐบาลอภิสิทธ์ เราจะเอาอะไรไปปราศรัย ผมไม่ได้พูดเพื่อรักษาสถานะ เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรอีกแล้ว และเป็นมา 2 ปีก็พอแล้ว” รองนายกฯ กล่าว