รายงานการเมือง
“โผกลางปีมหาดไทย” การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเมื่อวันอังคารที่ 4 มิ.ย. 56 ที่ผ่านมา ยื้อกันมาร่วม 2 เดือน สุดท้ายพอทุกอย่างลงตัวก็คลอดออกมาจนได้
แม้จะเป็นโผเล็ก แค่ 5 ตำแหน่งผิดคาดและเหนือความคาดหมายของสิงห์มหาดไทยทั้งหลายที่ปกติโผกลางปีอย่างน้อยทุกครั้งที่ผ่านมาก็ต้องไม่ต่ำกว่า 10-15 เก้าอี้ เหตุที่โผกลางปีล่าช้าก็เพราะบางรายชื่อไม่ลงตัว มีการเปลี่ยนแปลงพลิกไปพลิกมากันหลายรอบ
เนื่องจากพวกในพรรคเพื่อไทยเช่น ส.ส.ในแต่ละจังหวัดก็มีทั้งที่ต้องการให้ย้ายผู้ว่าฯ ในพื้นที่ แต่ ส.ส.อีกกลุ่มหนึ่งแม้จะอยู่ในจังหวัดเดียวกันแต่ไม่ถูกกัน แต่ว่าเข้าขากับผู้ว่าฯ ที่ ส.ส.อีกกลุ่มหนึ่งขอให้ย้ายก็เลยไปวิ่งล็อบบี้ขวางไว้มันก็เลยยื้อกันไปมา
จนมีข่าวว่าทำเอา จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยปวดหัวเหลือเกิน
ผนวกกับจารุพงศ์ต้องรอแกนนำพรรคระดับตัวจริงยิ่งกว่าที่แม้ตัวเองจะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและรมว.มหาดไทยแต่ก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรมากมายต้องรอพวกเครือข่ายญาติพี่น้อง “ชินวัตร-วงศ์สวัสดิ์” เคาะชื่อลงมาอีกครั้ง ทำให้โผกลางปีของมหาดไทยปีนี้ช้ากว่าปกติ
ส่วนเหตุประเด็นว่าทำไมมีแค่ไม่กี่ตำแหน่ง ก็เป็นเพราะว่าพวกบิ๊กมหาดไทยส่วนใหญ่เวลานี้ ล้วนเป็นพวกที่อยู่ในเครือข่ายอำนาจของเพื่อไทยที่แต่งตั้งโยกย้ายปรับเปลี่ยนกันมา 2-3 รอบแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องปรับอะไรมาก แค่เขย่าบางตำแหน่งให้ลงตัวตามความต้องการของฝ่ายการเมืองเท่านั้น ผลก็เลยออกมาอย่างที่เห็น
สำหรับรายชื่อที่ ครม.เห็นชอบก็มีดังนี้ 1. นายแก่นเพชร ช่วงรังษี อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 2. นายวัลลภ พริ้งพงษ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) 3. นายอภินันท์ จันทร์รังษี ผวจ.บุรีรัมย์เป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ 4. นายธงชัย ลืออดุลย์ ผวจ.บึงกาฬ เป็น ผวจ.บุรีรัมย์ 5. นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเป็น ผวจ.บึงกาฬ
ที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากก็คือ การลดชั้น “แก่นเพชร” จากอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มาเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ถือว่าไม่ค่อยดีสำหรับ “แก่นเพชร” เท่าไหร่
เพราะกรมส่งเสริมฯ รู้กันดีว่าเป็นกรมใหญ่ดูแลงบประมาณจำนวนมาก จึงเป็นกรมที่ข้าราชการมหาดไทยต่างก็ต้องการจะไปเติบใหญ่ เพราะได้ใกล้ชิดกับฝ่ายการเมือง ซึ่งปรากฏว่าแก่นเพชร อดีต ผวจ.อุดรธานี ที่ได้รับแรงสนับสนุนจาก ส.ส.อีสานเพื่อไทยในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งที่แล้ว โดยเฉพาะ ส.ส.อุดรธานี เพื่อไทยที่หนุนหลังกันทั้งจังหวัด ปรากฏว่าแสดงผลงานไม่เข้าตา
ข่าวบอกว่าการประสานงานต่างๆ ไม่เป็นที่สบอารมณ์ของฝ่ายการเมือง เลยต้องโดนจัดการเด้งออกจากเก้าอี้ใหญ่มานั่งเป็นรองปลัดมหาดไทยเสียเลย
ขณะที่ วัลลภ พริ้งพงษ์ ว่าที่อธิบดีกรมส่งเสริมฯ ก็ถือว่ากลับถิ่นเก่า เพราะเคยเป็นลูกหม้อเก่ามาก่อน มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการคลังท้องถิ่นมากที่สุดคนหนึ่งในกระทรวงมหาดไทยเพราะผ่านตำแหน่งอย่างผู้อำนวยการส่วนการคลังท้องถิ่น สำนักบริหารราชการส่วนท้องถิ่น แล้วก็เติบโตในชีวิตราชการจนได้เป็นรองอธิบดีกรมส่งเสริมฯ จนไปขึ้นเป็นผวจ.ที่สมุทรสาคร แล้วโยกมาเป็นรองปลัดฯมหาดไทย พอรู้ข่าวว่าวัลลภจะได้กลับมากรมส่งเสริมฯ อีกครั้งพวกข้าราชการในกรมเลยเฮกันยกใหญ่เพราะได้คนของกรมกลับมาอีกครั้ง
แต่ที่สร้างเสียงฮือฮามากหน่อยคงไม่พ้นกรณีการย้ายข้ามห้วยจากกระทรวงมหาดไทยไปกรมประชาสัมพันธ์ของ นายอภินันท์ จันทรังษี ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ เป็นอธิบดีกรมประชา สัมพันธ์ เล่นเอาข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์ทั้งระดับเล็ก-กลาง-ใหญ่ อ้าปากค้าง ที่เอาอีกแล้วกับการที่เอาคนนอกหน่วยนอกกรมมากินตำแหน่งใหญ่แบบข้ามหัวข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์ ทำงานกันมาทั้งชีวิตรอวันเติบใหญ่แต่สุดท้ายก็โดนพวกเหาะข้ามกรมได้ดีเพราะฝายการเมืองหนุนหลังมากินตำแหน่งกันหน้าตาเฉย หมดกำลังใจทำงานกันพอดี
ข้ออ้างที่ว่าโยกอภินันท์จาก ผวจ.บุรีรัมย์ มาเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เพราะมีความเหมาะสม คงฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ เพราะมันเห็นชัดว่าได้ดีเพราะการเมือง มากกว่าเพราะได้แรงหนุนในฐานะเป็นคนนครศรีธรรมราชเช่นเดียวกับสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี สามีเจ๊แดง เยาวภา รวมถึงณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ที่ดูแลพื้นที่เลือกตั้งนครศรีธรรมราชให้กับพรรคเพื่อไทย เลยได้แรงหนุน “นครศรีฯ คอนเนกชัน” ดันข้ามห้วยจาก ผวจ.บุรีรัมย์ มาเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เสียเลย
ผสมกับเสียงเห็นด้วยของพวก ส.ส.บุรีรัมย์เพื่อไทยที่ส่งเสียงเชียร์บอกตามสายโทรศัพท์ไปถึงทักษิณ ชินวัตร ที่ต่างประเทศว่าเห็นด้วย ทุกอย่างเลยเข้าล็อก อภินันท์ วิ่งเข้าป้ายอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว
ยิ่งหากว่าที่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์คนใหม่ อยู่ยาวจนเกษียณคือปี 2559 เท่ากับว่าพวกในกรมประชาสัมพันธ์ที่รอขึ้นเป็นอธิบดีก็ต้องทำใจได้เลยว่าต่อให้ทำงานดี แต่ไม่มีการเมืองหนุนหลังก็อย่าหวังจะได้เติบโต
นอกจากนี้ก็มีข่าวว่าเดิมทีจะมีการเสนอย้ายปรับเปลี่ยนพ่อเมืองอีกหลายแห่งโดยเฉพาะในโซนภาคเหนือเช่นเชียงใหม่-เชียงราย-ลำพูน แต่ปรากฏว่าสุดท้าย เข้าโค้งสุดท้าย ข่าวว่าฝ่ายการเมืองคิดกันหนักหลายรอบ เพราะพวก ส.ส.เพื่อไทยในพื้นที่บางส่วนก็ไม่เห็นด้วยไปเสนอความคิดกับเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ว่า ยังไม่ควรต้องปรับเปลี่ยนอะไรตอนนี้ หากจะปรับอะไรกันก็ควรรอให้ถึงช่วงแต่งตั้งโยกย้ายปลายปีจะเหมาะสมกว่า เพราะตอนนี้การเมืองก็ยังไม่มีอะไรต้องจัดทัพกันมากมายโดยเฉพาะโซนภาคเหนือ เพื่อไทยคุมได้อยู่หมัด ข่าวบอกว่าเจ๊แดงก็เห็นด้วย เลยทำให้ที่เดิมมีข่าวว่าจะมีการปรับเปลี่ยนโยกย้าย ผวจ.ภาคเหนือบางคน ก็เลยมีข่าวว่าสุดท้ายฝ่ายการเมืองตัดสินใจไม่ต้องปรับเปลี่ยน
พวกที่มีข่าวว่าจะถูกย้ายอย่างนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ก็เลยโล่งใจได้อยู่ต่อหลังลุ้นหนักมาร่วมสองสัปดาห์ตั้งแต่มีข่าวจะถูกย้ายออกจากเชียงใหม่ เพราะเจ๊แดงไม่ปลื้ม