xs
xsm
sm
md
lg

“คำนูณ-พิภพ” หนุนหน้ากากขาวปฏิบัติต่อเนื่อง แนะกลุ่มต่างๆ อย่าโหนกระแส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พิภพ” หนุน “หน้ากากขาว” ปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่อง เชื่อประชาชนอึดอัดรัฐบาลเต็มทนรอวันระเบิดแล้ว หลังจากนั้นจะมีการจัดระบบการปกครองใหม่ พร้อมแนะกลุ่มต่างๆ ไม่ควรโหนกระแสดึงเป็นพวกตัวเอง ปล่อยให้ทำตามจุดประสงค์เดิม “คำนูณ” หวั่นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากรัฐบาลมีการยุบสภาเป็นอาวุธเด็ดเพื่อหนีการถูกโค่นอำนาจ


วันที่ 17 มิ.ย. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ทางเอเอสทีวี โดยนายคำนูณกล่าวว่า ปรากฏการณ์ “หน้ากากขาว” โดยตัวของมันเองยังไม่เท่าไหร่ แต่ความถ่อยเถื่อนแถของฝ่ายรัฐบาลนั้นไปเสริมทำให้คนอึดอัดต่อรัฐบาลมากยิ่งขึ้น จนอยากแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วกระบวนการหน้ากากขาวมันถูกจริตกับคนชั้นกลางในเมืองพอดี คล้ายๆ กับปรากฏการณ์สนธิ ในยุคแรกๆ ก่อนเกิดเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ประกอบกับการที่ไม่มีแกนนำทำให้รู้สึกว่าไม่มีฝักไม่มีฝ่าย เพราะระยะหลังฝ่ายที่ไม่เอาระบอบทักษิณก็แยกออกเป็นหลายกลุ่ม พอมีคนกลุ่มหนึ่งที่คิดค้นนวัตกรรมหน้ากากขาวขึ้นมา ทำให้ทุกคนสามารถเข้าไปร่วมได้ แล้วตนเชื่อว่าการนัดรวมตัวกันทุกวันอาทิตย์ที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ สถานการณ์อย่างนี้คนจะมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงกรณีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ นโยบายจำนำข้าว การป่วนเวทีประชาธิปัตย์ การรุมทำร้ายหน้ากากขาวที่เชียงใหม่ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะทำให้มีผู้คนอึดอัดมากขึ้น

ต้องถือว่า “ปรากฏการณ์หน้ากากขาว” เป็นปรากฏการณ์ที่โตเร็ว จากที่เป็นม็อบในโลกเสมือนออกมาสู่ท้องถนนจริงภายในระยะเวลา 1-2 อาทิตย์เศษๆ น่าคิดเหมือนกันว่าเร็วไปหรือไม่ แล้วจะนำไปสู่อะไรภายหลัง ที่น่าสนใจมวลชนที่เข้าร่วมครึ่งหนึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้ร่วมชุมนุมกับกลุ่มอื่นๆ ก่อนหน้านี้

เมื่อถามว่าอัตราเร่งกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลจะมีการขยายตัวเร็วแค่ไหนและขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง นายคำนูณกล่าวว่า สถาณการณ์ตอนนี้ร้อนแรง แล้วจะร้อนแรงมากขึ้น ไม่ต้องรอถึงสิงหาคมเปิดสภา วันที่ 27 มิถุนายน จับตาศาลปกครองจะพิพากษาคดีโครงการจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน อันนี้เป็นหลักไมล์แรกที่ต้องดู นอกจากนั้นยังมีอีกหลายเรื่อง พอไปถึงสิงหาคมจะเป็นไรที่ค่อนข้างชุลมุนทีเดียว

ส.ว.สรรหากล่าวด้วยว่า ค่อนข้างเห็นใจหน้ากากขาวเวลาคิดอะไรออกมา ไม่เคยคิดว่ามันจะติดเร็วขนาดนี้ หลักการของหน้ากากขาวคือต้องไม่มีแกนนำ เพราะทุกคนเป็นตัวของตัวเอง ทุกคนตัดสินใจได้เอง แต่นี่มันในหนัง ในโลกของความเป็นจริงถ้าออกมาโดยไม่มีแกนนำก็ถูกตีได้ง่ายอย่างที่เชียงใหม่ มันต้องมีการ์ด มีผู้มีประสบการณ์เข้าไปช่วยเหลือให้คำแนะนำบ้าง แต่คนคิดค้นไม่ประสงค์จะให้มีผู้นำที่ชัดเจน

แล้วสิ่งที่ทุกคนถาม คือ ก้าวต่อไปคืออะไร อยากพูดแทนว่าอันนี้สร้างความลำบากใจให้คนคิดค้นอย่างยิ่ง เพราะความหมายที่แท้จริงต้องเป็นกระบวนการโดยธรรมชาติ ยุทธศาสตร์แน่นอนคือไม่เอาทักษิณ แต่ยุทธวิธีกำลังมีคนเข้าไปเสนอแนะต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ กลุ่มนี้ต้องการรักษาความเป็นตัวตน แต่ในโลกความเป็นจริงมันไม่ง่าย ปรากฏการณ์เมื่อวานมีหลายคนพยายามดึงให้หน้ากากขาวไปร่วมกับกลุ่มที่สนามหลวง แต่เขาไม่ไป เพราะมีวัตถุประสงค์ของตัวเอง ขณะเดียวกัน การเกิดหน้ากากขาวตามจังหวัดต่างๆ ก็มีผู้พยายาามแสดงตนว่าหน้ากากขาวคือกลุ่มฉัน มันทำให้คนที่ไม่เอาระบอบทักษิณไปโหนปรากฏการณ์หน้ากากขาว การที่ไม่มีแกนนำ ทำให้หน้ากากขาวก็ต้องรับความช่วยเหลือจากผู้่มีประสบการณ์ มันก็เกิดอิหลักอิเหลื่อพอควร

นายคำนูณกล่าวอีกว่า การเกิดคำถามกับกลุ่มหน้ากากขาวว่าแล้วอย่างไรต่อ มันมีทั้งจุดเด่น จุดด้อย จุดเด่นคือไม่มีใครรู้ว่าหน้ากากขาวจะไปอย่างไรต่อ แต่ข้อด้อยคือแม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้จะเอาอย่างไรต่อ เพราะสถานการณ์ต้องชักใยไปปรัชญาของความเป็นหน้ากากขาวคือเป็นไปโดยธรรมชาติ ถ้าจะเกิดการปฏิวัติของประชาชนก็ต้องเป็นไปโดยธรรมชาติ ซึ่งจะเมื่อไหร่ก็สุดแล้วแต่ รู้อย่างเดียวสังคมไทยต้องเปลี่ยนแปลง ตอนนี้เราอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวของการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ เรากำลังอยู่ในโค้งแต่ไม่รู้โค้งยาวแค่ไหน แล้วจะเข้าสู่ทางตรงเมื่อไหร่ แล้วระหว่างนี้จะตกเหวหรือไม่ ระยะเวลาไม่มีใครตอบได้ว่าเมื่อไหร่จะสุกงอม

ที่ยากคือรัฐบาลไม่ใช่รัฐบาลเผด็จการทหาร แต่มาจากการเลือกตั้ง สิ่งนี้ยังเป็นมายาคติที่ครอบงำสังคมไทยอยู่ อีกทั้งยังมีอาวุธสำคัญ สมมติสถานการณ์ทำท่าจะลุกติด รัฐบาลยุบสภาให้ประชาชนตัดสินด้วยการเลือกตั้งใหม่ อันนี้อาจเป็นงานใหญ่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดถึงก็ได้ เพราะเลือกตั้งทีไรฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทักษิณเหนื่อยทุกที อันนี้เป็นหนทางที่มีลักษณะคดเคี้ยวและยากมากกว่าเมื่อเทียบกับอาหรับสปริงที่เป็นเผด็จการชัดเจน แล้วการลุกฮือของประชาชนมีอเมริกาหนุน แต่ของไทยสลับซับซ้อนมากกว่า มันไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าการลุกฮือขนาดใหญ่จะไม่เกิดขึ้น

นายคำนูณยังกล่าวอีกว่า ถ้าเปรียบเทียบหน้ากากขาวกับปรากฏการณ์สนธิ ไม่ต่างกัน แต่ละขั้นตอนที่ออกมาสุดท้ายไม่รู้จะออกมาอย่างไร แต่แค่ทำในสิ่งที่ต้องทำ จนไปถึงจุดหนึ่งที่มีแกนนำต่างๆ มารวมกันจนเกิดเป็นพันธมิตรฯ หน้ากากขาวก็เช่นกันทำของท่านไป แต่ต้องรักษาความเป็นตัวของตัวเอง ออกถนนแล้วอย่าทิ้งโซเชียลมีเดีย

ด้านนายนายพิภพกล่าวว่า รัฐบาลกำลังย่ามใจว่าไม่มีใครโค่นอำนาจได้ แล้วจะทำผิดมากขึ้นๆ ซึ่งจะสร้างความอึดอัดให้ประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความอึดอัดไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะคนต้าน พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น ในหมู่เสื้อแดงเองก็เริ่มอึดอัดแล้ว ถ้าความอึดอัดของคนชั้นกลางและล่างมาบรรจบกันอะไรจะเกิดขึ้น ในอดีตก่อน 14 ตุลาคม 2516 ใช้เวลา 6 ปี เกิดเป็นมวลชนขนาดใหญ่

ตนเชื่อว่าความอึดอัดของประชาชนจะพัฒนาไปเรื่อยๆแล้วระบิดและเกิดการจัดการปกครองใหม่ เพราะใช้รูปแบบเดิมไปไม่ได้แล้ว เลือกตั้งก็เต็มไปด้วยการทุจริต ตอนนี้กระแสมันยากกว่าตอน 14 ตุลา ตอนนั้นคำตอบอยู่ที่การเลือกตั้งและมีรัฐธรรมนูญ แต่ตอนนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งแล้ว และยังหาทางออกไม่ได้

นายพิภพกล่าวถึงหน้ากากขาวว่า การที่ไม่มีคำตอบว่าแล้วอย่างไรต่อ ตนว่าเป็นข้อดีไม่ใช่ข้อจำกัด อย่าตั้งคำถามว่าอย่างไรต่อ ก็เปิดโปงทักษิณและนักการเมืองต่อไป และมุ่งทำงานกับคนเสื้อแดงให้เขาเห็นว่านโยบายรัฐบาลมันไม่จริง อีกทั้งโครงการใหญ่ๆของรัฐกำลังรุกไปในพื้นที่คนเสื้อแดง คนเหล่านี้เมื่อได้รับผลกระทบก็เกิดการเปลี่ยนสีเสื้อ ส่วนมายาคติที่ว่ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้งไม่ใช่เผด็จการ ตนว่าเริ่มเสื่อมแล้วและเป็นที่ยอมรับแล้วว่าเลือกตั้งก็เกิดเผด็จการได้

แกนนำพันธมิตรฯ ยังกล่าวด้วยว่า ผู้ที่ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญการนำมวลชนเบาๆลงหน่อย อย่าไปยุ่งกับเขา แล้วกลุ่มหน้ากากขาวเน้นเปิดโปงรัฐบาลด้วยความจริงให้มากขึ้นๆ ขยายมวลชนไปเรื่อยๆ ตนดีใจที่ครึ่งหนึ่งเป็นคนที่ไม่เคยร่วมชุมนุม และเป็นข้อดีที่พันธมิตรฯกำหนดเงื่อนไขการชุมนุมไว้ อันนี้ถูกต้องมากที่สุดให้เห็นว่าพันธมิตรฯทำมาหมดแล้ว แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ฉะนั้นต้องมาช่วยกันหาคำตอบและต้องแสดงตัวในที่สาธารณะ คนค้นคิดหน้ากากขาวไม่ต้องกังวลว่าแล้วจะต่อเนื่องอย่างไรเพราะประชาชนที่ตื่นตัวจะต่อยอดเอง ขออย่างเดียวอย่าหยุด ต้องทำต่อเนื่อง


กำลังโหลดความคิดเห็น