xs
xsm
sm
md
lg

"สนธิ" ฟันธงฝ่ายรบ.ตัวการสั่งฆ่า "เอกยุทธ" - "โสภณ" แนะผบ.ตร.โอนคดีให้บช.ก.เพื่อกู้ชื่อเสียงตำรวจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สนธิ" จับพิรุธคดีฆ่า "เอกยุทธ" ตำรวจรู้เห็นด้วย ลงมือโดยนักฆ่ามืออาชีพ มั่นใจคนสั่งการมาจากฝ่ายรัฐบาล เหตุผู้ตายตั้งตัวเป็นศัตรูฝ่ายทักษิณมาตลอดจนสร้างความเคียดแค้น ด้าน "โสภณ" เผยแหล่งข่าวจากวงการใต้ดิน ยันฝีมือนักการเมืองร่วมกับสีกากี ชี้ "คำรณวิทย์" ไม่ควรได้สอบสวนคดีนี้เพราะมีปัญหาฟ้องร้องกันอยู่กับผู้เสียชีวิต ยากที่จะได้รับความเป็นธรรม แนะผบ.ตร.ดึงกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทำแทน เพื่อกู้ชื่อเสียงกรมตำรวจเอง

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"  

วันนี้ (14 มิ.ย. 56) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยแขกรับเชิญพิเศษ นายโสภณ องค์การณ์ ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี และคอลัมนิสต์สื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ได้ร่วมในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ทางเอเอสทีวี

โดยนายสนธิ กล่าวถึงกรณีอุ้มฆ่า นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ว่า ตำรวจเขียนบทห่วยแตกมาก ทำหยาบมาก รายละเอียดไม่มี เพราะว่ามันต้องรีบทำโดยเร็ว ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ 2-3 ประเด็น คือนายบอลมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง มาก นักข่าวเขาบอกนายบอลเวลาอยู่ที่นั่นจู่ๆ ขอคุยกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ 2 คนในห้อง เดินเข้าไปคุยกันหน้าตาเฉย ผิดปกติของอาชญากร และ ตอนที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พานายบอลออกมาแถลงข่าว เดินจูงมือเลย เหมือนกับว่ากำลังให้กำลังใจ สังเกตไหม และเมื่อวานนี้น่าสังเกตมากที่สุด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว มาแถลง นั่นเป็นการแถลงหรือ แค่เป็นการรับคำสั่งจากใครก็ไม่รู้ นอกจากนี้เห็นคนที่ยืนข้างหลัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ชื่อ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัฒน์ คนนี้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติถือว่าเป็นมือสอบสวนอันดับ 1 เก่งมาก เขาทำหน้าหงิกไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เหมือนกับว่าจะอ้วก ทั้งๆที่เขาเป็นเพื่อนสนิทกํบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ แต่ความที่เขาเป็นมืออาชีพในการสอบสวน รู้ว่าช่องโหว่มันเยอะจนกระทั่งตัวเขาเองยังรับไม่ได้ เลยแสดงออกมาทางหน้า

นายสนธิ กล่าวต่อว่า นายบอลกับนายเบิ้มไม่ใช่เป็นคนฆ่า มันต้องมีอีกทีมหนึ่งฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร และเป็นทีมซึ่งตำรวจต้องการปกปิด คือถ้าคนเราถ้าจะชิงทรัพย์ ตอนที่เอาเอกยุทธไปที่บ้าน ทำไมไม่ปล้นบ้าน ยกเซฟ มีที่ไหนปล้นแล้วให้เขียนเช็ก แล้วรู้ได้อย่างไรก่อนไปบ้านไม่มีคนอยู่ในบ้าน เสร็จเรียบร้อยแล้วเช็กที่เขียนรู้ได้อย่างไรว่าเช็กจะผ่าน มันมีจุดพิรุธมากมาย ตนเชื่อว่าปัญหาใหญ่ที่สุด นอกจากแนวสืบสวนสอบสวนของตำรวจแล้ว กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจเหมือนกับช่วยกลบเกลื่อนเรื่องบางเรื่อง เพราะฉะนั้นแล้วเขาไม่ได้พิสูจน์ให้ชัดว่าตายเมื่อไหร่ เพราะสามารถเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มัดเขาได้ แล้วตำรวจจะไม่กล้าโกหก ฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือไม่พูดเลยดีกว่า

นอกจากนี้การที่นายเบิ้มเพิ่งมามอบตัววันนี้ มีพิรุธ คือ ประการแรก จู่ๆมามอบตัวโดยที่ตำรวจไม่ตามล่า จริงๆถ้าตำรวจตามล่าต้องจับได้แล้ว แต่ที่เงียบหายไปตั้งแต่นายบอลถูกจับ เพราะจะดูว่านายบอลให้การอย่างไร เผอิญเห็นช่องโหว่ก็เลยเอานายเบิ้มมาอุดไว้ ด้วยการเตี๊ยมไว้ก่อน แล้วให้มามอบตัววันนี้ เพื่อให้การตามที่เตี๊ยมไว้ให้สอดคล้องกับสิ่งซึ่งมันเป็นช่องโหว่

เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ประชาชนต้องสงสัยว่าตำรวจรู้เห็นเป็นใจกับการตายของเอกยุทธ ทำไมจู่ๆ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ถึงออกมาแล้วตัดตอนตลอดเวลา บอกว่าเป็นเรื่องชิงทรัพย์ สมมุติว่าทั้งนายเบิ้ม นายบอลจะชิงทรัพย์เอกยุทธ เอาปืนจี้เอกยุทธ บอลขับรถไปบ้านเอกยุทธ เข้าไปเสร็จเรียบร้อย ก็เอาปืนจี้นายเอกยุทธให้เปิดเซฟ เสร็จเรียบร้อยกลัวเรื่องแตกก็ยิงนายเอกยุทธที่บ้าน ทำไมต้องเอาออกมาข้างนอก แล้วร่อนไปร่อนมาบ้าหรือเปล่า

นายสนธิ กล่าวอีกว่า น้ำหนักนายเอกยุทธน่าจะเยอะพอควร 2 คนนั้นไม่มีทางหามขึ้นรถได้ ตนกำลังสงสัยคนที่ฆ่าต้องเป็นมือฆ่ามืออาชีพ แล้วน่าจะเป็นคนที่เก่งในเรื่องคอมแบทมือปราบ กองพิสูจน์หลักฐานไม่ได้พูดว่าคอเอกยุทธหักหรือเปล่า พูดแต่ว่ามีรอยช้ำ เพราะฉะนั้นถ้านายเอกยุทธนั่งปั๊ปคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง 2 หรือ 3 คนก็ตาม จับหมุนคอทันทีก็เรียบร้อย เพราะฉะนั้นแล้วน่าจะโดนหักคอโดยมืออาชีพ เป็นนักฆ่ามืออาชีพมากกว่า ซึ่งต้องเป็นคนที่เคยอยู่ในเครื่องแบบมาก่อน อาจเป็นอดีตทหารซึ่งเคยรบมาก่อนแล้วไม่ได้เกษียณอายุ แต่ลาออกหรือว่าโดยไล่ออกจากราชการ คือ ในวงการมันจะมีคนรับจ้างฆ่าคน เขาจะมีสายเขาเลย ฆ่าด้วยมีด ฆ่าด้วยมือ ฆ่าด้วยปืน ไอ้พวกนี้จะถูกฝึกมาหมด เพราะฉะนั้นพวกนี้อาจเป็นทหารนอกราชการที่ออกมาแล้ว และพร้อมจะฆ่าได้ทุกเมื่อถ้าให้เงินเขา

ตนเชื่อว่าคดีนี้ถ้าอยู่ในมือกองปราบผลจะออกมาอีกแบบหนึ่ง ตนยังมีความมั่นใจในกองปราบ และกองบัญชาการสอบสวนกลางพอสมควร จากกรณีที่จับกำนันเป๊าะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เขาเป็นตำรวจมืออาชีพที่ไม่ยอมก้มหัวอยู่ภายใต้นักการเมือง แต่จะเข้าทำเรื่องนี้ได้ก็ต่อเมื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นคนสั่ง แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ไม่สั่ง ซึ่งผิดปกติมาก

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า โดยพื้นฐานนายเอกยุทธเป็นศัตรูกับรัฐบาลชุดนี้ เขาไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยแสดงออกตั้งแต่ปี 2547 ก่อนที่ตนจะประท้วงด้วย นายเอกยุทธกลับมาจากอังกฤษก็มีการเสนอให้เงินพรรคประชาธิปัตย์พันล้าน เพื่อให้สู้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ตำนานเรื่องมีอยู่ว่าเขากับพ.ต.ท.ทักษิณรู้จักกันดีมาก คงจะทำธุรกิจอะไรกันแล้วมีเรื่องไม่พอใจซึ่งกันและกัน ความที่เขาเป็นนักเลง มีเงินพอสมควร เลยไม่แคร์ จากวันนั้นมาถึงวันนี้เลยเป็นศัตรูกับพ.ต.ท.ทักษิณมาตลอด ถ้าอย่างนั้นพูดได้เลยเขาไม่ถูกกับพ.ต.ท.ทักษิณ 100% ต่อสู้ชนิดเอาเป็นเอาตาย และเขาเล่นงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เรื่องว.5 โฟร์ซีซั่นส์ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้หญิงไม่กล้าพูด แต่คนรอบตัวอาจจะโกรธแทน และตนเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณโกรธแน่ที่ว่าน้องสาวของเขา

"ในลักษณะเอกยุทธมันเลยทำให้ความแค้นของคนที่ต้องการจะแก้แค้นแทนยิ่งลักษณ์มีมากขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วถ้ามองอย่างนี้เห็นชัดเจนว่า โอกาสในการพิจารณาว่าฝีมือนี้จะต้องมาจากฝ่ายรัฐบาลแน่นอนแต่เราไม่รู้ว่าใคร" นายสนธิ ระบุ

นายสนธิ ยังกล่าวต่อว่า กรณีนี้ได้ทำลายความน่าเชื่อถือของตำรวจซึ่งไม่มีอยู่แล้วทุกวันนี้ ให้แย่ลงไปอีก วันนี้ประชาชนตั้งข้อสงสัยหมดเลยว่าฝีมือการตายของนายเอกยุทธตำรวจเกี่ยวข้องแน่นอน และพยายามช่วยเหลือปกปิดซึ่งกันและกัน ตรงนี้เป็นอันตรายต่อสังคมไทยมาก ทุกวันนี้เราพึ่งตำรวจไม่ได้แล้ว

ส่วนกรณีสนามบินสุวรรณภูมิเตรียมปิดแท็กซี่เวย์และหลุมจอด นายสนธิ กล่าวว่า ครั้งนี้กระบวนการซ่อมใหญ่ใช้เวลา 10 เดือน หลังจากซ่อมใหญ่มาแล้ว 1 ครั้ง เรื่องนี้ตนเคยพูดมานานแล้วตั้งแต่ปี 50 ว่าเนื่องจากทรายที่ใช้ไม่ใช่ทรายแม่น้ำแต่เป็นทรายขี้เป็ด พอฝนตก น้ำท่วมหลายครั้งจะขังน้ำ เมื่อขังน้ำกลายเป็นข้างบนซีเมนต์ข้างล่างเป็นน้ำและมีทราย เพราะฉะนั้นจะทรุด ตอนนั้นนอกจากไม่มีใครฟังแล้วยังโดนกรรมการการท่าฯหลายคนโวยวายบอกสนามบินสุวรรณภูมิไม่เป็นอะไร พอวันนี้เริ่มเห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร

สนามบินสุวรรณภูมิที่เป็นอย่างนี้เพราะมันโกงกัน แล้ววันนี้ประเทศไทยที่ฉิบหาย นายศิธา ทิวารี ได้เป็นประธานการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเพื่อไทยอีก พรรคนี้เป็นต้นตระกูลของพวกเลวชั่วชาติ เป็นคนทำสนามบินฉิบหาย

ด้านนายโสภณ กล่าวว่า นายเบิ้ม อาชญากรรมส่วนหนึ่ง แต่อาชญากรรมที่แท้จริงคือกลุ่มผู้ที่ดูแลการสอบสวนทั้งหมด พยายามประกอบอาชญากรรมซ้ำอีกครั้งหนึ่ง โดยการเบี่ยงเบนประเด็น เพื่อไม่ให้เข้าถึงรากเหง้าของอาชญากรรมที่แท้จริง และอาชญากรที่แท้จริง เพราะว่าสิ่งที่เขาทำตอนนี้ มันทิ้งร่องรอยมากกว่าอาชญากรที่ทิ้งไว้อีก คำพูดเหล่านี้ไม่ได้พูดเอง ไปถามตำรวจให้เขาจับตำรวจด้วยกันเอง ตำรวจเขาบอกว่าอาชญากรรมแบบนี้นะตำรวจเท่านั้นที่ทำได้ การที่ถอดเสื้อผ้าทิ้งก่อนฝังศพ ก็คือแนวคิดทางตำรวจที่ต้องการปกปิดร่องรอยอาชญากรรมเพื่อไม่ให้มีน้ำลาย เลือด เหงื่อ ของอาชญากรกลุ่มอื่น เพราะการแบกหามศพจะต้องมีรอยเหงื่อน้ำลายทุกอย่างที่ทิ้งร่องรอยไว้ ฉะนั้นจึงต้องถอดเสื้อผ้าออกหมด ไม่ใช่เป็นการประจานศพ

อีกทั้งนายบอลกับนายเบิ้มให้การขัดแย้งกันว่าตกลงใครเป็นคนรัดคอ ตกลงกันไม่ได้ นายบอลบอกว่านายเบิ้มเป็นคนรัด นายเบิ้มบอกว่านายบอลเป็นคนรัด แล้วลากศพไป ต้องดูหลังนายเอกยุทธว่าโดนลากจริงหรือไม่เพราะต้องมีแผล โดนกระทืบบนท้องต้องมีแผลเฉพาะจุด แต่ทำไมตำรวจถึงรีบมอบศพให้ญาติเพื่อไปเผาเร็วๆ จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว

วันนี้ที่เอานายเบิ้มมาแถลงข่าว เปิดให้ผู้สื่อข่าวซักเต็มที่ เพราะคิดว่าจะเนียน แต่มันไม่เนียนเพราะ 2 คนทะเลาะกันเอง แล้วการชิงทรัพย์แต่เอาสร้อยทอง พระเครื่องไปทิ้งแม่น้ำทั้งหมด แปลว่าอะไร ผู้ประสงค์ต่อทรัพย์ หากต้องการปกปิดร่องรอยไม่ใช่ขับรถตระเวนไปมาจนถูกจับได้ นอกจากนี้ประเด็นที่น่าสนใจคือวันที่นายบอลขับรถไปให้โดนจับ ทำไม พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ ชื่อเดิม ชัดชัย ถึงไปรอที่สมุทรสาคร อ้างว่าตามจีพีเอส แต่ในเมื่อจีพีเอสไปถึงพัทลุงแล้วทำไมถึงไม่ตามไปที่นั่น คือรอให้ฝังศพก่อน ทั้งๆที่เขาแจ้งความไว้แล้ว มันมีพิรุธทุกขั้นตอน

นายโสภณ กล่าวอีกว่า ในบรรดาคนที่อยู่ในวงการใต้ดินเขาพูดกันว่าเงินมาจากทางเหนือ มาให้ทางสีกากี ผู้ที่มีเครือข่ายจัดการหาทีมมา และก็หามาได้ 3 คน ให้เก็บและมีคนกวาด คือมีหน้าที่หาคนเก็บและกวาดด้วย พวกนี้เขารู้กันหมดว่าใครเป็นคนสั่งการ ใครเป็นคนรับงานมา และทีมนี่มาจากไหน งานนี้ไม่ใช่เสธ. แต่เป็นนักการเมืองกับสีกากี ส่วนพวกทีมท้องถิ่นอย่างพวกนายบอลเป็นเพียงตัวประกอบเพื่อให้ดูว่าเป็นการชิงทรัพย์ แต่ตัวจริงๆแล้วเป็นมือระดับพระกาฬ ปกติทีมนี้ทำงานแล้วเอาเข้าเตาเผาที่แถวปากช่องโคราช ไม่มาทิ้งอย่างนี้ แต่ที่มาทิ้งก็เพื่อเปิดโอกาสให้เห็นว่าเป็นการปล้นทรัพย์ ธรรมดา จะได้ปิดคดีเร็วๆ

นายโสภณ ยังกล่าวอีกว่า ปกตินายเอกยุทธมีบอดี้การ์ด 4-5 คน มีรถ 2-3 คันแวดล้อม ไม่มีคำตอบทำไมบอดี้การ์ด 4-5 คนหายไปไหนหมด หรือเขาคิดว่าไปที่ร้านเพื่อนเขาเอง แต่กระนั้นก็ตามเขาไว้ใจได้อย่างไรว่า ระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้น จะต้องมองว่าไม่ใช่เฉพาะกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ นางเยาวภา ก็มีปัญหาเรื่องรถเถื่อนที่นายเอกยุทธนำไปเปิดโปง แล้วมันกระเทือนหลายกลุ่ม หลายซุ้มหลายก๊วน แต่ละก๊วนแย่งชิงโควตา มีความขัดแย้งกันอยู่ และมีความพยายามทำลายรถหรู 6 คันนั้นเพื่อดึงดูดความสนใจตำรวจให้ไปสืบสวน แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีใครพูดถึงเรื่อง 6 คันนั้นเลย นายเอกยุทธเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลชินวัตร สายทักษิณ และไม่ถูกกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ด้วย ซึ่งมีปัญหาฟ้องร้องกันอยู่ โดยปกติพล.ต.ท.คำรณวิทย์ต้องไม่มีโอกาสทำงานสอบสวนนี้ เพราะเป็นคู่กรณีโดยตรงกับผู้เสียชีวิต

ที่จริงผบ.ตร.ควรจะแต่งตั้งให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)สอบสวนคดีนี้ จะให้พล.ต.ท.คำรณวิทย์สอบสวนไม่มีทางที่จะให้ความเป็นธรรม หรือพล.ต.ท.คำรณวิทย์ควรจะประกาศว่าขอให้นายตำรวจคนอื่นมารับผิดชอบคดีนี้ โดยต้องเอาอีกหน่วยเลย จะเป็นสันติบาลหรือจะเอากองปราบ ก็แล้วแต่เพื่อความยุติธรรม และเพื่อชื่อเสียงของกรมตำรวจ




คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 14 มิ.ย. 2556

 คลิกที่นี่ ฟังรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"  


รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2556 เวลา 20.00-22.40 น. ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมทั้ง นายโสภณ องค์การณ์ เป็นแขกรับเชิญพิเศษ โดยมี นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ

จินดารัตน์ - สวัสดีค่ะคุณผู้ชมคะ ขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ พบกันทุกศุกร์เวลาเดิม คุณสนธิ สวัสดีค่ะ
อย่าเพิ่งตกใจนะคะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังเหมือนเดิม เหมือนเดิมในที่นี้ก็คือ หลายคนเฝ้ารอหน้าจอค่ะ

สนธิ - คุยทุกเรื่องกับสนธิ โสภณขอคุยด้วย

จินดารัตน์ - เป็นช่วงพิเศษวันนี้ 2 ส.มาเจอกัน แอนถามพี่โสภณหลังไมค์ พี่โสเคยไปนั่งจัดรายการ หรือเสวนาอะไรกับคุณสนธิอย่างนี้มาก่อนไหม นี่เป็นครั้งแรก ออกนอกบ้านต้องระมัดระวังตัว เพราะช่วงนี้มีอุ้มมีอะไรกันบ่อย เป็นเทปสำคัญมากเพราะเราจะมาเจาะเบื้องลึกเบื้องหลัง

สนธิ - ของเอกยุทธ อัญชันบุตร

จินดารัตน์ - เดี๋ยวได้เจอตัวจริงเสียงจริง แต่ช่วงแรกมีข่าวฝากประชาสัมพันธ์เยอะ สำหรับพ่อแม่พี่น้องที่ต้องการจองพระพุทธพิทักษ์ไทยทศทิศจำลองเพิ่มเติม เฮียบุ้งบอกข่าวดีมาว่า ยังสามารถจองได้อยู่บ้างนะคะ และสำหรับท่านที่ยังไม่ได้รับพระกรุณาติดต่อเบอร์ 085-336-8690 02-629-2948 และ 087-345-4155 ส่วนเรื่องโครงการรวมน้ำใจพันธมิตรยูเอสเอสู่เอเอสทีวี คุณจำลองฝากมาบอกด้วย บอกกล่าวเล่าสิบถึงน้ำใจของพี่น้องที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งบริจาคให้เอเอสทีวีเป็นประจำทุกเดือน ล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ ได้บริจาคให้เอเอสทีวีเป็นจำนวนเงิน 7,345 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 220,000 บาทเศษ และบริจาคให้กองทุนพันธมิตรสู้คดีจำนวน 1,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30,000 บาทด้วย รวมประมาณ 250,000 บาทเศษค่ะ

วันนี้สิ่งที่เราจะพูดคุยกันคงจะเป็นเรื่องคดีที่หลายคนอาจจะรอนาน โดยเฉพาะคุณถาวร เสนเนียม ค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อยกับคำพิพากษาของศาลฎีกา กรณี กกต.กับการเปิดให้มีการลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่ ศาลฎีกายกฟ้องคำสั่งของศาลชั้นต้นอุทธรณ์ ซึ่งยืนตามศาลชั้นต้นนี่ก็สรุปสุดท้ายเมื่อวานนี้ก็เรียบร้อยไปแล้ว

สนธิ - เมื่อพิจารณาคำพิพากษาฎีกาแล้ว ศาลไม่ได้ชี้ว่าสามหนา 5 ห่วง ผิดหรือไม่ผิด ศาลเป็นเพียงแต่บอกว่าคุณถาวรไม่ใช่คู่กรณี

จินดารัตน์ - ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง

สนธิ - ก็เป็นสิทธิตามอำนาจในการพิพากษาเพราะว่าตามกฎหมายแล้ว คำพิพากษาขององค์คณะถือว่าสิ้นสุด และถึงที่สุด ไม่มีใครสามารถจะแทรกแซงได้ แต่คำถามก็มีอยู่เหมือนกันว่าศาลต้น ศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาลงโทษอดีต กกต. เขาก็สู้ในกรณีนี้เหมือนกัน สู้ในกรณีว่าคุณถาวรไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่ศาลต้น ศาลอุทธรณ์ก็พิจารณาแล้วว่า ฟ้องได้ เพราะฉะนั้นแล้วศาลฎีกาต้องมีคำตอบกลับศาลต้น ศาลอุทธรณ์เหมือนกัน เพราะว่าศาลต้น องค์คณะ 3 คน ศาลอุทธรณ์องค์คณะ 3 คน 6 คนนะครับ ผมไม่อยากจะไปก้าวล่วง ผมถือว่าเป็นสิทธิ และต้องเคารพในคำพิพากษา แต่ว่ามันมีคำถามๆ เยอะในเรื่องนี้ ผมคิดว่าในวงการในพวกกระบวนการยุติธรรมทั้งหลายต้องมาปุจฉาวิสัชนาให้ชัดเจนเลยว่า ถ้าศาลต้นเห็นว่า ถาวรฟ้องได้ และศาลอุทธรณ์เห็นว่า ถาวรฟ้องได้ อย่างน้อยที่สุดมันก็เรียนหนังสือกฎหมายเล่มเดียวกัน ศาลฎีกาจะมีประสบการณ์มากหน่อย แต่ว่าศาลอุทธรณ์เองถ้าตัดศาลต้นทิ้ง ศาลอุทธรณ์ก็เป็นศาลอาวุโสพอสมควร ตรงนี้ต่างหากครับที่ผมคิดว่า ในวงการตุลาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการผู้พิพากษา จะต้องหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาพอสมควร

จินดารัตน์ - และคงจะต้องอธิบายให้คนในสังคม

สนธิ - ต้องอธิบายให้ชัดเจน

จินดารัตน์ - รู้ว่าเหตุผลต่างกันอย่างไร

สนธิ - เพราะว่าเขาเล่นประเด็นเดียวคือว่า ถาวรไม่ใช่ผู้เสียหาย เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่ต้องไปแตะเรื่องอื่นเลย ซึ่งน่าสนใจมากเรื่องนี้นะครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้สำนักงานยุติธรรมของศาลจะต้องหาทางชี้แจงเรื่องเดียวกัน

จินดารัตน์ - อีกเรื่องหนึ่งที่วันนี้เดินทางกลับมาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกเหนื่อยไปตั้ง 5 รัฐ ไปกันเป็นขบวน ผมจะมีเวลาไปพบใคร และท่านจะมีปัญหาอะไรมาพบกับผม ผมไม่ต้องไปแบกรับปัญหาของใครแล้ว

สนธิ - ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปัญหาอยู่ที่ว่า ทักษิณ ชินวัตร เขาเลือกเวลาไปอเมริกาได้เพอร์เฟ็กต์มาก จังหวะเดียวกับที่ประยุทธ์ไป ผมไม่รู้ว่าเป็นปรารถนาดีมุ่งร้ายหรือไปโดยบังเอิญ แต่จะอย่างไรก็ตาม ผมว่าคนก็ยังจะเชื่อว่ามีการแอบพบกันจริง ความเห็นผมไม่มีความเห็น พบหรือไม่พบ คุณประยุทธ์กับคุณทักษิณ 2 คน ต่างรู้เห็นเป็นใจกันว่า พบหรือไม่พบบผมตอบแทนไม่ได้ แต่เอาเป็นว่ามีคนไม่น้อยเลยไม่เชื่อ ว่าไม่พบกัน ซึ่งผมพูดไม่ได้ เพราะว่าการพบกันบางทีคน 2 ขบวนเดินทางไป แต่หัวขบวน 2 คน แอบไปเจอกันที่ไหน เขาไม่มีความจำเป็นต้องบอกใคร แต่เอาเป็นว่า ฟังตามคำพูดเขาแล้วกันว่า เขาไปพบ ไม่เจอก็ไม่เจอไม่เป็นไร แต่คุณพยายามไปพูดให้ชาวบ้านเขาฟังกัน เขาคงจะเชื่อ

จินดารัตน์ - แต่ดูหงุดหงิดน้อยลงนะคะ ดูไม่ค่อยฟาดงวงฟาดงาเท่าไหร่ สงสัยจะปรามๆ นักข่าวไว้บ้างแล้ว แต่คนไทยที่นู้นไม่ธรรมดา ที่ ดี.ซี.มีพี่น้องของเราไปรอทักษิณ หน้าโรงแรมที่พักเลย ทักษิณขนาดจะไปวัดไทย จะไปกราบหลวงพ่อก็ไม่กล้าไป

สนธิ - เขาเรียกหลวงตาชี ต้องนิมนต์มา หลวงตาชีเป็นพระเสื้อแดงชัดๆ เลย พระที่อเมริกาส่วนใหญ่นิยมทักษิณ ผมไม่รู้ไปเป็นพระธรรมทูตได้อย่างไร นิยมเสื้อแดง นิยม นปช. นิยมวรเจตน์ ทั้งๆ พวกนี้มีเจตนาไม่ดีต่อสถาบันกษัตริย์ เป็นพระต้องปกป้องสถาบันกษัตริย์ กลับเชิดชู เทิดทูนกันเลอะเทอะ พระไทยในอเมริกา ส่วนตัวผมนะคนอื่นผมไม่รู้ ผมคิดว่าผมไหว้ยาก ต้องเลือก ที่ผมพูดคราวที่แล้ว นั่งกินสตาร์บัค สั่งลาเต้ เดินธุดงค์ สอบใบขับขี่ ขอยื่นใบเขียว ต้องการจะอยู่ต่อ ไปเดินชอปปิ้งขายของถูก เยอะแยะไปหมดตั้งแต่ลอสแองเจลิสแทบจะทุกเมือง แต่ใช่ว่าจะไม่มีพระดี มีพระดีแต่ส่วนใหญ่ใช้ไม่ได้

จินดารัตน์ - พระที่เข้าพบทักษิณที่โรงแรม บางรูปบินมาจากเมืองไทย วัดแถวๆ รังสิต-ปทุมธานี

สนธิ - อ๋อ วัดธรรมกาย

จินดารัตน์ - วัดจานบิน จำชื่อจริงไม่ได้ มียานแม่จอดอยู่ บินตรงไปถึงนู้น ไปสวดอะไรให้ก็ไม่รู้ หลายคนบอกสวดบังสุกุลหรือเปล่า คนไทยที่นู้นทำหน้าที่เข้มแข็งมาก เขียนจดหมาย เจ้าหน้าที่โรงแรมแฟร์มาก บอกให้เขียนจดหมายไว้ จะยื่นให้ทักษิณ เขียนว่า เราต้องการพบคุณทักษิณ ขอคำชี้แจงว่า มาทำไมเพื่ออะไร

สนธิ - ผมถึงบอกว่า ทักษิณเลือกเวลาไป จังหวะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปเยือนอเมริกา เข้าใจเลือก เผอิญมีคนไทยรู้ ถ้าคนไทยไม่รู้ขึ้นมาที่นี่คงไม่รู้ ก็เลยไม่มีการออกมาแก้ตัว แต่เผอิญความมันเปิดออกมาก็เลยต้องแก้ตัวกันใหญ่

จินดารัตน์ - มันบังเอิญๆ

สนธิ - แต่ผมคิดว่าเขาจะเจอหรือไม่เจอผมก็ไม่สนใจแอน ขนาดตำรวจยังไปเจอทักษิณไปร้องเพลงวันเกิดทักษิณที่ฮ่องกงได้ ทั้งๆ ที่มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามหน้าที่จับผู้ร้ายข้ามแดน จับคนที่ทำผิดกฎหมาย ก็ยังหน้าตาเฉย ท่านผู้บัญชาการทหารบกจะเจอ อยากเจอก็ไปเจอสิ ก็รู้แท้ๆ มาตั้งนมตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ มันมีอะไรที่ใหม่ที่ต้องมา สำหรับผมไม่ตกใจเลย แต่จริงๆ ถ้าจะเปิดหน้าชกกันแบบนี้เปิดตัวไปเลยดีกว่า ไม่เสียหายอะไรนี่ อย่ากระมิดกระเมี้ยนเลย ในเมื่อท่านผู้บัญชาการทหารบกคนนี้พูดตลอดเวลา ท่านบอกว่าท่านทำตามนโยบายรัฐบาล รัฐบาลจะเป็นโจรท่านก็พร้อมที่จะทำตามนโยบายรัฐบาลโจร ไม่ผิดอะไรทั้งสิ้น

จินดารัตน์ - เขาบอกว่ากลับมาก็ดีแล้ว ช่วงนี้ฝนตกหนักน้ำป่าไหลทะลักลงมา น้ำมันจะท่วมอีกรอบจะได้มีเวลาไปขุดลอกคูคลองกับท่านนายกฯ อีก ดูแลร่างกายให้แข็งแรง บอกท่าน ผบ.ทบ.ไม่ต้องไปแล้ว

เอาล่ะค่ะ มาถึงเรื่องสุขภาพกันนิดหนึ่งคุณสนธิคะ มีคนถามเยอะว่าตกลงแว่นยี่ห้ออะไร ซื้อที่ไหน คือส่วนใหญ่รู้แล้วว่าเป็นอะไร

สนธิ - เป็นครั้งสุดท้ายวันนี้ที่จะใส่แว่นดำดีขึ้นครับ หมอบอกว่า วันศุกร์นี้เฉพาะครั้งนี้ หลังจากนั้นศุกร์หน้าคงไม่ต้องแล้ว กลับไปเหมือนเดิม ผมจำไม่ได้ใส่ที่ไหนแต่เป็นแว่นสายตาครับ มันไม่ใช่แว่นกันแดดที่ไปซื้อตามร้านโบ๊เบ๊แถวนั้น หรือว่าตามสถานที่ท่องเที่ยวมันไม่ใช่ เป็นแว่นกันแดด ซึ่งไปทำที่ร้าน

จินดารัตน์ - อันนี้ก็เป็นอีกอัน

สนธิ - ของผมมีหลายอัน เพราะทำไมรู้ไหม เป็นคนขี้ลืม เหมือนกับเวลาหมอให้ยาหยอดตา หมอจะให้มาชุดหนึ่ง ผมบอกขอ 4 ชุด ทิ้งที่บ้านชุดหนึ่ง ในเป้ชุดหนึ่ง ที่ออฟฟิตชุดหนึ่ง คืออะไรรู้ไหม เผื่อเวลาเดินทางไปเมืองนอกจะได้อยู่ในเป้เลยไง จะได้ไม่ลืมเพราะว่า ต้องหยอดตามเวลาที่หมอบอก ฉะนั้นแล้วแว่นก็เหมือนกัน ผมจะมีหลายอัน วางที่บ้าน ที่ทำงานบ้าง ติดตัวไว้บ้าง บางทีก็ลืม เป็นคนขี้ลืมตลอดเวลา เดินทางไปต่างประเทศก็ต้องมีแว่นอันหนึ่งใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง เผื่อเเว่นหักแว่นหลุดแว่นหาย

จินดารัตน์ - คุณสนธิอย่าพูดดังนะคะว่า เป็นคนขี้ลืม

สนธิ - ทำไม

จินดารัตน์ - เดี๋ยวคนที่เขารออยู่จะเยาะเย้ยถากถางได้

สนธิ - ไม่เป็นไร

จินดารัตน์ - ว่าอายุเยอะแล้วขี้ลืมขนาดนี้ เรื่องสุขภาพอีกเรื่องนะคะที่อาจารย์ปานเทพ มาออกรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิผ่านอาจารย์ปานเทพ ที่คุณสนธิไม่อยู่ช่วงไปสหรัฐอเมริกา ตอนนี้เขาทำซีดีออกมาแล้วนะคะ ไขข้อข้องใจเรื่องสุขภาพ คุยกัน 2 ชั่วโมงครึ่งนี่แหล่ะค่ะ มีจำหน่ายที่เอเอสทีวีช็อป บ้านเจ้าพระยา ใครสนใจก็ควรซื้อไว้ เพราะหลายคนบอกฟังไม่ทัน สูตรยาหม้อของหมอปานนี่ยังไง ไปแกะได้เลยจากนี้ ส่วนหนังสือ 7 เล่มนี้ คุณสนธิอ่านแล้ว ภาคต่อ

สนธิ - ขุนโจรคู่บัลลังก์มันเป็นภาคต่อจากชุดแรกคือยุทธการล่าบัลลังก์ ที่ผมบอวก่าตั้งแต่ผมอ่านหนังสือกำลังภายในมา ไม่ว่าจะเป็นกิมย้ง ไม่ว่าจะเป็นหวงอี้อะไรพวกนี้ ผมถือว่าจิ่วถูจิ่วถูเป็นคนเขียนหนังสือได้ดีที่สุด และผมบอกใครที่ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายในต้องลอง ให้ตั้งใจอ่าน และจะไม่ผิดหวัง เพราะว่ามันเดินตามเส้นทางประวัติศาสตร์ และเป็นเรื่องราวที่สนุกสนานมาก ให้ความรู้สึกเข้าใจในหลักรัฐศาสตร์ การปกครอง เข้าใจวัฒนธรรม เข้าใจว่าทำไมประเทศจีนสมัยนั้นเป็นอย่างนี้ และคิดดูให้ดีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสมัยก่อนราชวงศ์ถังคือ ราชวงศ์สุย สุยนี่ก่อนถังนะครับ มีอะไรทุกอย่างเป็นอมตะ คล้ายกับเหตุการณ์ในโลกนี้ หรือว่าที่ร้ายที่สุดคือ เหมือนกับเหตุการณ์ในประเทศไทย และพอจบภาค 1 แล้วภาค 2 ต่อมา นี่คือ ขุนโจร

จินดารัตน์ - คู่บัลลังก์

สนธิ - ขุนโจรคู่บัลลังก์เป็นภาคต่อเลย คือมันเป็นช่วงเดียวกับเหตุการณ์ของภาค 1 แต่ตัวละคร คนละตัวละคร ตัวละครอันแรกเป็นชาวบ้านที่หนีทหาร แล้วกลับมารบกับกองทัพบุกเข้าไปเกาหลี และสร้างชื่อสร้างเสียงขึ้นมา แต่คนนี้เป็นประชาชนธรรมดาที่ในที่สุดกลายเป็นโจร และต้องต่อสู้กับความอยุติธรรมทุกอย่างระหว่างโจรกับโจร ระหว่างฝ่ายทางการขึ้นมาปราบเขา จนกระทั่งในที่สุดตอนสุดท้ายเขาเข้าร่วมกับราชวงศ์ถัง ชุดนี้เป็นชุดที่ส่วนตัวผมนะครับ ชุด 2 ดีกว่าชุด 1

จินดารัตน์ - อ่อหรอคะ

สนธิ - แต่หลายคนชอบชุด 1 บอกดีกว่าชุด 2 สุดแล้วแต่ ชุด 1 เขาจบแบบอลังการมาก จบแบบกำแพงเมืองจีน ชุด2 จบแบบเล็กๆ แต่เป็นเครื่องลายครามกังไสที่สวยสดงดงามนะครับ ผมคิดว่าไม่อยากให้พลาดเลย ทั้ง 2 ชุดนี้ต้องซื้อเก็บเอาไว้ที่บ้าน ตอนนี้มีขายแล้วนะครับที่เอเอสทีวีช็อป

จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ ถ้าใครไม่สะดวกมาซื้อ จัดส่งให้ฟรีนะคะ 7 เล่มนี้ 1750 บาท 02-629-2211 ต่อ 1117 1118 และ 1151 รีบโทรศัพท์สั่งจองเลยนะคะเราจะจัดส่งให้ฟรี ส่วนหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับธรรมชาติบำบัดที่แนะนำให้อ่านอีกเล่มนึง มีวางจำหน่ายแล้วที่เอเอสทีวีช็อปเช่นเดียวกัน เป็นหนังสือของคุณหมอเจค็อบ วาทักกันเชรี ซึ่งอาจารย์ปานเทพได้พูดถึงบ่อยนะคะ เรื่องแนวธรรมชาติบำบัด ศิลปะการเยียวยาร่างกายและจิตใจเพื่อสมดุลของชีวิต พิมพ์ครั้งที่ 11 ฉบับปรับปรุงใหม่ 160 บาท มีจำหน่ายแล้วเช่นเดียวกัน เรื่องเครื่องทำน้ำด่างนิดนึงค่ะคุณสนธิ อาจารย์ปานเทพฝากมาบอก

สนธิ - 200 เครื่องหมดไปแล้ว

จินดารัตน์ - ใช่คะ ฝากมาขอบคุณด้วย และดีใจที่คนหลายคนเริ่มมีกำลังใจที่จะดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง 200 เครื่องที่เราพูดกันว่า จะได้ต้นเดือนกรกฎาคม ถ้าหากว่าสั่งจองหมดเรียบร้อยแล้ว แต่อาจารย์ปานเทพบอกว่า กำลังพยายามที่จะให้เพิ่มกำลังการผลิตขออีก 500 เครื่อง ซึ่งอาจจะไม่ได้ต้นเดือนกรกฎาฯ แต่จะไปได้ภายในเดือนกรกฎาคม

สนธิ - ภายในเดือนกรกฎาคม ถ้าใครสั่งมา 500 เครื่อง ได้แน่นอน

จินดารัตน์ - รีบโทรเข้ามา รวมถึงเครื่องวัดค่าพีเอส ค่าโออาร์พี ตอนนี้หมดเกลี้ยง อาจารย์ปานเทพบอกว่า ถ้ามีเข้ามาล็อตใหม่จะรีบบอก แล้วโทรศัพท์มาจอง หมายเลขโทรศัพท์ 0-2633-5353

สนธิ - เครื่องทำน้ำด่าง 200 เครื่อง ที่พูดอาทิตย์ที่แล้วหมดแล้ว 500 เครื่อง เพิ่งสั่งไป เจรจาเรียบร้อย ถ้าสั่งจองเดี๋ยวนี้ ภายใน กรกฎาคมได้แน่นอน ไม่เกินแน่นอน

จินดารัตน์ - พักกันก่อน ช่วงหน้ากลับมาพบกับแขกพิเศษของเรา คุยทุกเรื่องกับสนธิ โสภณขอคุยด้วยคน สักครู่ค่ะ

ช่วงที่ 2

จินดารัตน์ - ช่วงที่ 2 รายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เป็นช่วงพิเศษ โสภณขอคุยด้วย วันนี้ 2 ส.ต้องมาเจอกัน ส.200นัด กับ ส.เชอโรกี

สนธิ - ไม่ ส.กระจกแตก

โสภณ - ผมมีความรู้สึกเหมือนเอกยุทธตอนนั่งอยู่ท้ายรถ มันยังไงไม่รู้ เหมือนรู้สึกถูกอุ้มมา

สนธิ - แลกกับก๋วยเตี๋ยวจานนึง

โสภณ - มองตาไม่เห็นต่างหาก

จินดารัตน์ - ก่อนเข้ารายการ น้องเก๋มาซับหน้าให้ พี่ๆเป็นอะไรหน้าซีดผิดปกติ

โสภณ - คือฆาตกรเลือดเย็นมักจะหน้าขาว ไม่แสดงความรู้สึกคือ เรากำลังพูดถึงเรื่องอาชญากรรม ทำหน้าไว้หน่อยว่า ท่าทางคนเลือดเย็นเป็นอย่างไร ต้องสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกเหมือนกับพวกบู้ลิ้ม ไซมึ้งชวยเสาะ กระบี่อยู่ที่ใจ ไร้ไมตรี

สนธิ - วันนี้ต้องถือโอกาส สบู่สุดยอดคือ สบู่ Clare ให้กับพี่โสภณ ถ้าสบู่ Clare ใช้กับเครื่องทำน้ำด่าง รับรองว่าทุกอย่างที่อยู่บนหน้าจะไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว รวมถึงขนตา และขนคิ้ว สบู่ Clare ของพี่โสภณ พี่น้องอย่าลืม

โสภณ - 1 คน 1 ก้อน 1 เดือน

จินดารัตน์ - วันนี้ยอดพุ่งแน่เลย แต่ไม่รู้พุ่งขึ้นหรือพุ่งลง

โสภณ - ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะว่าเหมือน SMS คนดู 15 ล้านคน SMS แค่ 3 หมื่นคน ขอแค่ 3 หมื่นก้อนต่อเดือนก็พอแล้ว

สนธิ - ได้จริงๆ 300

จินดารัตน์ - เมื่อวันพุธ แอนไปออกเคาะไข่ แอนบอก พี่โสภณมีโอกาสมีแนวโน้มว่า จะออกรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เขาคุยกันใหญ่เลยว่า 3 หนุ่มว่า อ่อจะให้เขามาช่วยดึงเรตติ้งรายการหรอ มั่นใจขนาดนั้นเนอะ

โสภณ - เขาพวกลูกยุ

จินดารัตน์ - อ่อลูกยุ

สนธิ - โดนหลอกไปกินก๋วยเตี๋ยว บอกคุณสนธิจะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวที่บ้าน แลกกับการออกก็เลยโดยอุ้ม เขาพูดถูกไม่ผิดเลยโดนอุ้ม

โสภณ - มีความรู้สึกเหมือนนั่งในรถตู้โฟล์คหรอ ตอนนี้ใช่ไหม

จินดารัตน์ - งั้นเดี๋ยวเราจะคุยกันเรื่องนี้แน่นอน แต่ถามความรู้สึกก่อน ทั้งสองท่านไม่เคยนั่งเวทีเดียวกัน หรือจัดรายการร่วมกันมาก่อนเลย

สนธิ - ไม่เคย แต่ว่าเจอกันบ่อย บางครั้งก็เจอบนโต๊ะกินข้าวที่เฮียบุ๋งเขา มีครั้งหนึ่งผมทำหมูโคว้ไง โสภณมาทอดด้วย มีรูปอยู่ในเฟซบุ๊ก

จินดารัตน์ - ค่ะ ตื่นเต้นไม่พี่โส

สนธิ - ผมนี่ตื่นเต้น

จินดารัตน์ - เป็นไงๆ งั้นเดียวเรามาแอนว่า วันนี้ตำรวจ

สนธิ - เอาจริงจังหน่อย

จินดารัตน์ - ทีมสืบสวนเขาจะตื่นเต้นมากกว่า เพราะเห็นโปรโมทของเราว่า จะมาแกะรอยกัน

สนธิ - ผมเชื่อตำรวจดูเยอะวันนี้โส และผมว่ารุ่นใหญ่ตำรวจก็ดูเยอะ

โสภณ - เขาดูละครน้ำเน่าก็ได้

จินดารัตน์ - คุณชายหรอ สู้ไม่ได้วันนี้

โสภณ - อย่านึกอย่าประมาทตำรวจว่า เขาอาจจะสนใจเรื่องละครน้ำเน่ามากก็ได้ เพราะว่าเครียดมานานว่า ที่จัดฉากนั้นยังไม่แนบเนียนพอ ฉะนั้นหาทางออกใหม่

สนธิ - เอ๊ะผมมีความรู้สึกว่า เขาไม่ได้ดูหนังฝรั่งเลยนะ ไม่อ่านหนังสือเลย

โสภณ - ซีเอสไอไม่เคยดูเลย

สนธิ - ไม่เคยดู เขียนบทไม่เป็นเลยนะ บทที่เขาทำมานี่ห่วยแตกมากเลย

จินดารัตน์ - เขาบอกเหมือนหนังต้นทุนต่ำ

สนธิ - หนังต้นทุนต่ำและก็ลองให้โสภณอธิบายว่า มันห่วยแตกอย่างไร และเดี๋ยวผมจะเสริมโสภณ

โสภณ - คือทั้งหมดนี่นะ ที่เราเห็นทุกวันนี้ คืออาชญากรรมฉากหนึ่ง แต่ความเลวร้ายที่สุดคือ อาชญากรรมอีกฉากที่พยายามปกปิดอาชญากรรมที่แท้จริง

สนธิ - ถูกต้อง

โสภณ - ใช่ไหม ขณะที่เอานายบอลมา นายเบิ้มอะไรต่างๆ นาๆ คือ

สนธิ - นายเบิ้ม

โสภณ - นายเบิ้ม อาชญากรรมส่วนหนึ่ง แต่อาชญากรรมที่แท้จริงคือ กลุ่มผู้ที่ดูแลการสอบสวนทั้งหมด พยายามประกอบอาชญากรรมซ้ำอีกครั้งหนึ่ง โดยการเบี่ยงเบนประเด็น เพื่อไม่ให้เข้าถึงรากเหง้าของอาชญากรรมที่แท้จริง และอาชญากรที่แท้จริง เพราะว่าสิ่งที่เขาทำตอนนี้ มันทิ้งร่องรอยมากกว่าอาชญากรที่ทิ้งไว้อีก สมกับที่บอกว่า ไม่มีอาชญากรรมไหนที่ไม่ทิ้งร่องรอย คืออาชญากรรมของเดิมที่นายบอล กับนายเบิ้ม ทำไว้แล้ว ร่องรอยก็เยอะอยู่แล้ว แต่การที่ตำรวจมาจัดฉาก แบบนี้เขาเรียกว่าจัดฉากละกัน มันยิ่งทิ้งร่องรอยของอาชญากรรมที่พยายามจะทำให้มันปกปิดร่องรอย ที่พูดอย่างนี้เพราะว่าอะไรรู้ไหม คือคำพูดเหล่านี้ไม่ได้พูดเอง เราไปถามตำรวจให้เขาจับตำรวจด้วยกันเอง ตำรวจเขาบอกว่า งานแบบนี้นะ ตำรวจเท่านั้นที่ทำได้ อาชญากรรมแบบนี้

สนธิ - และเผอิญชุดนี้ทำหยาบมาก รายละเอียดไม่มี เพราะว่ามันต้องรีบทำโดยเร็ว ที่น่าสนใจอย่าง โสสังเกตไหม มีประเด็นที่น่าสนใจ 2-3 ประเด็น เดี๋ยวคุณคอยเสริมผม หรือคอยค้านผมก็ได้ นายบอลมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับคำรณวิทย์ ธูปกระจ่างมาก มีลักษณะพิเศษหลายลักษณะพิเศษ นักข่าวเขาบอกนายบอลเวลาอยู่ที่นั้น จู่ๆ ขอคุยกับคำรณวิทย์ 2 คนในห้อง เดินเข้าไปคุยกันหน้าตาเฉย ผิดปกติของอาชญากร 2.ตอนที่เดินออกมา และพานายบอลออกมาแถลงข่าว โสเห็นทีวีไหม คำรณวิทย์เดินจูงมือเลยนะ จับมือเลย เหมือนกับว่ากำลังให้กำลังใจ

โสภณ - อย่าลืมที่เตี้ยมไว้

สนธิ - นั้นละ สังเกตไหม และเมื่อวานนี้น่าสังเกตมากที่สุด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว มาแถลง คุณว่านั้นเป็นการแถลงหรอ ไม่ใช่

โสภณ - เป็นการรับคำสั่ง

สนธิ - จากใครก็ไม่รู้

โสภณ - ให้มาบอกว่าเป็นอย่างนี้ แทนที่จะเปิดห้องแถลงเป็นทางการก็มาตัดตอน คือตัดตอนทุกขั้นตอน

สนธิ - และคุณเห็นคนที่ยืนข้างหลังอดุลย์ แสงสิงแก้วไหม ชื่อปานศิริ ประภาวัติ ปานศิริในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องถือว่าเป็นมือสอบสวนอันดับ 1 เลย เก่งมาก ปานศิริ หน้าหงิกไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เหมือนกับว่าจะอ้วก ทั้งๆที่เขาเป็นเพื่อนสนิทกํบคำรณวิทย์นะ แต่ความที่เขามืออาชีพในการสอบสวน เขารู้ว่าช่องโหว่มันเยอะไปหมดเลย จนกระทั่งตัวเขาเองยังรับไม่ได้ แสดงออกมาทางหน้า

จินดารัตน์ - ทำหน้าพะอืดพะอม

สนธิ - โอ้โห สุดๆ

โสภณ - คือ ผบ.ตร.ก็ทำหน้าปูเลี่ยนๆ

จินดารัตน์ - เหมือนโดนดุไม่ใช่เหรอคะ

โสภณ - ต่างจากท่าทีที่ออกมาในวันนี้ ดูเหมือนจะมีความมั่นใจว่า พล็อตเรื่องบางครั้งที่จิ๊กซอว์บางตัวไม่ลงตัวพยายามจะปะเหมือนปะผุ รถผุๆมาก็ปะผุให้หมด แต่งสีให้ดูเนียนขึ้นกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่เนียนเท่าที่ควรจะเป็นเพราะว่าหลายๆอย่าง ซึ่งตำรวจเองชี้ให้เห็นเลยว่า ไอ้การที่ถอดเสื้อผ้าทิ้ง คือแนวคิดทางตำรวจที่ต้องการปกปิดร่องรอยอาชญากรรม เพื่อไม่ให้มีน้ำลาย เลือด เหงื่อ ของอาชญากรกลุ่มอื่นกลุ่มแรกที่อยู่ในรถนั่น มันจะทิ้งไว้หมดทั้งเหงื่อ เพราะการแบกหามคนจะต้องมีรอยเหงื่อน้ำลายทุกอย่างที่ทิ้งร่องรอยทั้งหมด ฉะนั้นจึงต้องถอดเสื้อผ้าออกหมด ไม่ใช่เป็นการประจานศพ ไม่ใช่ เขาต้องการไม่ให้เห็นเลือด น้ำลาย และเหงื่อ มันก็นำสืบถึงดีเอ็นเอได้หมดเลย ถ้าหากว่าทีมนิติเวชต้องการพิสูจน์อย่างแท้จริง ไม่ใช่ว่าทำแบบเฉพาะกิจแบบนี้

สนธิ - เมื่อเช้านี้ ผมถือว่าคุณหมอพรทิพย์ ตอกฝาโลงให้เรียบร้อยแล้ว ด้วยการบอกว่า นี่คือฆาตกรรมอำพราง แกพูดชัดเจน นี่คือฆาตกรรมอำพราง แล้วคุณจำได้ไหม คำให้การว่า เขาเอาเชือกรองเท้าผ้าใบมัดคอตายใช่ไหม โทษนะนี่รองเท้าผมนะ โสเชือกรองเท้าผ้าใบ เวลาคนจะมัดคอรัดคอตายมันต้องอย่างนี้ใช่ไหม ต้องมัดตรงนี้ไว้ก่อนและตรงนี้อีก เนี่ยจะหลุดแล้วเห็นไหม

โสภณ - เหลือแค่นั้นอ่ะ

สนธิ - เหลือแค่นั้น แต่ว่าถ้าดูอีกซักนิดนึง ถ้าเป็นเชือกของรองเท้าคอมแบทที่ตำรวจใส่ นี่มันยาวแค่นี้โส

จินดารัตน์ - ยาว 2 เท่าเลย

สนธิ - สังเกตไหม เห็นไหม แค่นี้เขายังวิปัสสนาไม่ออก ขนาดผมไม่ได้เป็นตำรวจยังรู้เลยว่าคำให้การโกหก เพราะฉะนั้นแล้วไอ้ 2 ตัวเนี่ยไม่ได้เป็นคนฆ่า

จินดารัตน์ - แล้วรูปร่างอย่างไอ้บอลคนเดียว

สนธิ - ไอ้บอลกับไอ้เบิ้มไม่ใช่เป็นคนฆ่าโส

โสภณ - ไม่ใช่

สนธิ - ไม่ใช่ มันต้องมีอีกทีมหนึ่งฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร และเป็นทีมซึ่งตำรวจต้องการปกปิด

โสภณ - เท่าที่รู้มาทีมฆ่ามีอยู่ 3 คน อยู่ในรถ 3 คน ไม่ใช่นายบอลหรือนายเบิ้มแน่นอน เพราะว่า 2 คนให้การขัดกันว่าตกลงใครเป็นรัดคอด้วยซ้ำไป ตกลงกันไม่ได้ ตอนแรกนายบอลบอกว่า นายเบิ้มเป็นคนรัด นายเบิ้มบอกว่านายบอลเป็นคนรัด แล้วลากศพไป ขอดูหลังคุณเอกยุทธซิว่าโดนลากไปต้องมีแผล โดนกระทืบบนท้องต้องมีแผลเฉพาะจุด รอยช้ำบางจุด ไม่ใช่หนังสือพิมพ์ห่อชุมน้ำม้วนแล้วชุบน้ำทุบตี อันนั้นไม่มีแผล เหล่านี้ตำรวจต้องเป็นผู้จัดการทั้งสิ้น ฉะนั้นทำไมถึงรีบมอบศพให้ญาติเพื่อไปเผาเร็วๆ

สนธิ - เผาเร็วๆ จะได้จบ สิ้นเรื่องสิ้นราว

โสภณ - เร็วมาก วันนี้ที่เอานายเบิ้มมาแถลงข่าว แถลงข่าวแบบช็อตๆ ไม่มีจังหวะ กุญแจมือไม่ใส่ เล่าเป็นฉากๆ เปิดให้ผู้สื่อข่าวซักเต็มที่ เพราะคงจะรู้ว่าเนียน แต่มันไม่เนียนเพราะ 2 คนทะเลาะกันเอง ระหว่างนายบอลกับนายเบิ้มว่าใครเป็นคนรัดคอกันแน่ แค่นี้ก็มีปัญหา เพราะผลสุดท้ายย่อมคิดเสมอว่า คนที่ฆ่าจะต้องได้รับโทษหนักกว่าที่เป็นอยู่ แล้วการชิงทรัพย์ คุณเอาสร้อยทอง พระเครื่อง ประสงค์ต่อทรัพย์ไปทิ้งแม่น้ำทั้งหมด แปลว่าอะไร ผู้ประสงค์ต่อทรัพย์ หากต้องการปกปิดร่องรอยไม่ใช่ขับรถตระเวนไปมาจนถูกจับได้

สนธิ - เอางี้ดีกว่าโส คนเราถ้าจะชิงทรัพย์ ตอนที่เอาเอกยุทธไปที่บ้าน ทำไมไม่ปล้นบ้านยงยุทธ ล้างเซฟ ยกเซฟ มีที่ไหนปล้นทรัพย์แล้วให้เอกยุทธเขียนเช็ก

คลิก! อ่านต่อ



กำลังโหลดความคิดเห็น