xs
xsm
sm
md
lg

ปัญหาการก่อการร้ายในภาคใต้ของไทย : แนวทางการแก้ไขด้านการทหารและความมั่นคง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 
โดย...วีระศักดิ์  นาทะสิริ
เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร
 
๑.สถานการณ์การก่อการร้ายของประเทศไทยในปัจจุบัน
 
๑.๑ การจัดอันดับประเทศที่มีความเสี่ยง หรือได้รับผลกระทบจากการก่อการร้ายของโลก
 
ถ้าได้ทราบว่า ไทยเป็นประเทศหนึ่งในสิบของโลก (Top Ten of the World) เราก็ต้องตื่นเต้น และประหลาดใจว่า รัฐบาลได้ไปทำอะไรมาจึงทำให้อันดับของประเทศไทยพุ่งขึ้นไปถึงหนึ่งในสิบของโลก แต่เมื่อเราได้เห็นดัชนีผลกระทบจากการก่อการร้าย (Global Terrorism Index) ที่สถาบันเศรษฐกิจและสันติภาพ (The Institute for Economics and Peace)ได้จัดทำขึ้นในปี 2012 ดังที่แสดงในตารางที่ ๑  หลายท่านก็คงเข้าใจได้ทันทีว่า ประเทศไทยของเราได้รับการจัดให้เป็นประเทศที่มีความเสี่ยง หรือได้รับผลกระทบจากการก่อการร้ายเป็นอันดับที่แปดของโลก
 

 
คำอธิบาย
 
- อันดับที่หนึ่ง ถึงอันดับที่สิบสาม หรือสีเลือดหมู  หมายถึง ประเทศที่มีความเสี่ยงสูง หรือได้รับผลกระทบจากการก่อการร้ายสูงที่สุด (HIGHEST IMPACT OF TERRORISM)
 
- อันดับที่ต่ำสุด (อันดับที่ 116) หรือสีเขียว หมายถึง ประเทศที่ไม่มีความเสี่ยง หรือไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการก่อการร้าย (NO IMPACT OF TERRORISM)
 
๑.๒ สถิติการก่อการร้ายของประเทศไทยในระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม ๒๕๕๖
 
จากสุเมธ ปานเพชร และปกรณ์ พึ่งเนตร, สถิติป่วน มี.ค.56 เดือนถกบีอาร์เอ็น เหตุรุนแรง-เจ็บตายพุ่งสูงสุด (สำนักข่าวอิสรา), เมษายน ๒๕๕๖
 
ข้อมูลในตารางที่ ๑ และ ๒ ได้ชี้ให้เห็นว่า ทั้งก่อนและหลังการพูดคุยสันติภาพ Peace Talk ระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยซึ่งมี พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เป็นหัวหน้าคณะกับนายฮัสซัน ตอยิบ ตัวแทนกลุ่ม BRN เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สถานการณ์การก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยังคงเกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะเกิดความสงบสันติได้อย่างที่หวัง ซึ่งอาจประมาณการได้ดังนี้ ประการแรก กลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้มีเพียงกลุ่มเดียว อาจมีกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ (รวมทั้งกลุ่มอาชญากรรมต่างๆ) ที่เป็นอิสระไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่ม BRN ซึ่งอาจไม่เห็นด้วยกับการพูดคุยสันติภาพของกลุ่ม BRN ประการที่สอง ถ้ามองในแง่ลบ เป็นไปได้ว่าฝ่ายกองกำลังติดอาวุธจะปฏิบัติการก่อการร้ายเพิ่มมากขึ้นต่อไปเพื่อกดดันรัฐบาล และหน่วยงานความมั่นคงของไทยให้ยินยอมตามความต้องการของฝ่ายการเมืองของกลุ่ม BRN ซึ่งได้เสนอผ่าน Youtube ให้คนไทยได้รับทราบกันไปไม่นานมานี้ และประการสุดท้าย กลุ่มก่อการร้ายได้เพิ่มการปฏิบัติการรุนแรงและโหดเหี้ยมมากขึ้นโดยไม่เลือกเป้าหมาย และมุ่งขจัด หรือสร้างความหวาดกลัวต่อประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ และไม่ให้การสนับสนุนต่อกลุ่มก่อการร้าย เพื่อลดจำนวนประชาชนที่ต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายโดยไม่เลือกว่านับถือศาสนาใด(คงมุ่งหวัง หรือต้องการให้อพยพออกไปจากพื้นที่) และในทางตรงกันข้าม ก็จะเป็นการเพิ่มสัดส่วนของประชาชนที่ให้การสนับสนุนต่อกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ โดยมุ่งหวังว่า ถ้ารัฐบาลไทยโอนอ่อนยินยอมให้มีการปกครองตนเองในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หรือเป็นเขตปกครองพิเศษที่มีการเลือกผู้บริหารโดยตรงจากประชาชนในพื้นที่ กลุ่มก่อการร้ายกลุ่มต่างๆ (BRN และกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธต่างๆ) ก็เชื่อมั่นว่า จะมีกลุ่มประชาชนที่ให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมากเพียงพอที่จะทำให้ตัวแทนของกลุ่มก่อการร้าย (BRN และกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธต่างๆ) ได้รับเลือกเข้ามาเป็นผู้บริหารเขตปกครองพิเศษในอนาคต
 
ดังนั้น การพูดคุยสันติภาพที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้เป็นเครื่องมือเพียงประการเดียวที่จะสามารถยุติการก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่ท่านเลขาธิการ สมช. (สภาความมั่นคงแห่งชาติ) เชื่อและเข้าใจ เพราะยังมีเครื่องมืออื่นๆ (ความขัดแย้งในศรีลังกาได้ใช้ทั้งมาตรการทางการเมือง การเจรจา และได้มีการหยุดยิงในปี 2006 แต่ในที่สุดต้องใช้มาตรการทางทหารจึงจะสามารถยุติความขัดแย้งได้ (ดู Sri Lanka Civil WarในWikipedia)) ที่รัฐจะต้องนำมาใช้ร่วมกับการพูดคุยสันติภาพ เช่น มาตรการทางทหารในการต่อต้านการก่อการร้ายเพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน มาตรการการพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้ในสาขาวิชาต่างๆ นอกเหนือจากศาสนา และเพื่อพัฒนาประชาชนให้เป็นแรงงานที่มีคุณภาพ มาตรการการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต และเพิ่มความต้องการแรงงานในทุกระดับความรู้ และมาตรการการพัฒนาสังคมและวัฒนธรรมเพื่อให้ประชาชนที่นับถือศาสนาและวัฒนธรรมที่ต่างกันสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และเคารพในสิทธิและความเชื่อของบุคคลอื่นที่อยู่ร่วมกันในสังคม
 
๒.ยุทธวิธีที่เป็นที่นิยมของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
 
๒.๑ การวางเพลิง Arsons เป็นวิธีการที่ไม่ต้องใช้เทคนิคซับซ้อน ไม่มีความเสี่ยงจากความผิดพลาดทางเทคนิคเพราะเป็นเรื่องพื้นๆ ที่ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ ดังนั้น การวางเพลิง การทำลายโทรทัศน์วงจรปิด การวางตะปูเรือใบ การตัดต้นไม้ขวางถนน การให้สัญญาณ หรือการแจ้งเตือน จึงเป็นการฝึกการก่อการร้ายในขั้นต้นก่อนที่จะเริ่มการใช้อาวุธปฏิบัติการที่รุนแรงขึ้นในขั้นต่อไป
๒.๒ การลอบสังหารบุคคลเป้าหมาย Assassination เป็นวิธีการที่เป็นที่นิยมมาก ซึ่งมักจะมุ่งกระทำต่อเป้าหมายที่อ่อนแอ หรือเป้าหมายที่ไม่มีการป้องกันตนเองเพราะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูง เช่น การยิงครู และบุคลากรทางการศึกษา ใช้มีดฟันพระภิกษุ การสังหารข้าราชการพลเรือน พ่อค้าหาบเร่ และเด็ก ผู้หญิง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมุ่งกระทำต่อคนไทยที่นับถืออิสลามแต่ไม่เห็นด้วยกับการใช้วิธีการที่รุนแรงเหี้ยมโหดของกลุ่มก่อการร้าย เช่น การบุกเข้าไปยิงครูชลธี เจริญชล (ซึ่งนับถืออิสลาม) ต่อหน้านักเรียนในโรงเรียน เมื่อวันที่ ๒๓ ม.ค.๒๕๕๖ เป็นต้น
 
๒.๓ การเข้าโจมตีฐานที่ตั้งทางทหาร Raids หรือสถานที่ทำการของหน่วยงานรัฐ คือ การรวมกำลังของกลุ่มก่อการร้ายเพื่อเข้าโจมตีฐานที่ตั้งทางทหาร สถานีตำรวจ และสำนักงานที่ทำการของหน่วยงานรัฐ เพื่อสังหารเจ้าหน้าที่ของรัฐ และยึดอาวุธและทรัพย์สินสิ่งของต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มก่อการร้าย เช่น การโจมตีกองพันพัฒนาที่ ๔ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ ๔ ม.ค.๒๕๔๗, การบุกโจมตี ร้อย ร.๑๕๑๒๑ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ ๑๙ ม.ค.๒๕๕๔ และการเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ ปล.ที่ ๒ ฉก.นย.๓๒ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ ๑๓ ก.พ.๒๕๕๖
 
๒.๔ การซุ่มโจมตี Ambushes มักจะเป็นการปฏิบัติของกลุ่มก่อการร้ายเพื่อทำลายเป้าหมายรายบุคคล หรือเป็นกลุ่มซึ่งได้แก่ การซุ่มโจมตีรถของบุคคลสำคัญ ขบวนรถบรรทุกทหาร และบรรทุกสัมภาระ และขบวนรถมอเตอร์ไซค์ลาดตระเวน หรือรักษาความปลอดภัยครู ตัวอย่างเช่น การซุ่มโจมตีขบวนรถมอเตอร์ไซค์ลาดตระเวน ๓ คันของทหารพรานบนถนนปัตตานี-ยะลา ตำบลแม่ลาน จังหวัดปัตตานีซึ่งทำให้ทหารเสียชีวิต ๒ นาย เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖(จากBangkok Post Online)
 
๒.๕ การวางระเบิด Bombings โดยใช้ระเบิดประกอบเฉพาะกิจ หรือระเบิดแสวงเครื่องซึ่งมีคำ ย่อว่า IEDs (Improvised Explosive Devices) วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมใช้ทั้งในอิรัก อัฟกานิสถาน และรวมทั้งในประเทศไทยของเรา เนื่องจากวัสดุที่นำมาประกอบระเบิดมีราคาไม่แพง จึงไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และง่ายต่อการจัดทำขึ้นเองโดยใช้เวลาเรียนรู้เพียง ๒-๓ สัปดาห์ สามารถจัดทำในขนาดที่เหมาะสมต่อเป้าหมาย หรือต่อการใช้งานตามลักษณะของสถานที่ต่างๆ ได้ นอกจากนี้ ยังสะดวกในการพกพาไปในที่ต่างๆโดยไม่เป็นที่สังเกตอีกด้วย ดังนั้น กลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จึงนิยมที่จะใช้การวางระเบิดเพื่อทำลายทรัพย์สิน และบุคลากรของรัฐ และเอกชน (ดูตารางที่ ๒ จะเห็นว่าการสูญเสียชีวิตจากการวางระเบิด จะอยู่ในลำดับที่ ๒ รองจากการลอบยิงเท่านั้น)
 
๒.๖ การวางระเบิด และซุ่มโจมตี Bombings & Ambushes เป็นวิธีการที่ผสมกันระหว่างการวางระเบิด และการซุ่มโจมตี เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในอิรัก และอัฟกานิสถาน ในปัจจุบันเริ่มเป็นที่นิยมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยด้วยเช่นกัน กลุ่มก่อการร้ายในไทยเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว (คาดว่าน่าจะมีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศได้เข้ามาให้การอบรมสั่งสอน) และนำไปปฏิบัติจนสามารถทำลายเป้าหมายที่เป็นบุคคลสำคัญของหน่วยงานรัฐได้หลายครั้ง เช่น การวางระเบิดขบวนรถรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๖ และการวางระเบิดสังหารเจ้าหน้าที่ทหารสังกัด ร้อย ร.๑๕๑๒๓ ฉก.นราธิวาส ๓๐ บนถนนสายปูโป-บือเจาะบองอ ต.สาวอ ทำให้ ร.อ.ศิวิช ศรีอุปโย เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บหลายนาย เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๖ เป็นต้น
 
๓.ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายในด้านการทหาร และความมั่นคงของชาติ
 
ผู้เขียนเชื่อว่า มาตรการด้านการทหารและความมั่นคงไม่ใช่มาตรการเดียวที่จะสามารถแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยได้อย่างเด็ดขาด แต่ถ้ากลุ่มก่อการร้ายใช้ยุทธวิธีทางทหาร เช่น การลอบยิง การซุ่มโจมตี และการวางระเบิดเพื่อสังหารประชาชน และเจ้าหน้าที่จนก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากมายดังข้อมูลที่แสดงในตารางที่ ๒ ก็อยากถามว่า รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงของรัฐจะนั่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ตอบโต้ หรือไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยหรือ
 
มีหลายท่านที่มีความเชื่ออย่างผิดๆ และชอบอ้าง (โดยไม่ได้ศึกษาหรือไม่ได้เรียนรู้เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต) ว่า การเจรจา หรือพูดคุยสันติภาพเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถยุติเหตุการณ์ความรุนแรง หรือการก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ ซึ่งผู้เขียนขอแย้งว่า ไม่เป็นความจริง โดยมีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง เช่น ที่ศรีลังกา ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวสิงหลที่เป็นคนพื้นเมืองดั้งเดิม กับชาวทมิฬที่อพยพมาจากแคว้นทมิฬนาดู ในอินเดียตอนใต้ จนเกิดการสู้รบหลายครั้ง และมีการเจรจาหยุดยิงในปี 2002 แต่ในที่สุดก็เกิดการสู้รบขึ้นอีกในปี 2006 และในปี 2009 กองทัพศรีลังกาก็ได้รับชัยชนะสามารถยุติการสู้รบ (การต่อสู้ที่ใช้อาวุธ) ได้อย่างเด็ดขาด
 
สำหรับตัวอย่างต่อมาเป็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลรัสเซียกับชาวเชชเนียที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนปกครองตนเอง ทำให้เกิดการสู้รบกันหลายครั้ง มีการเจรจายุติการสู้รบ แต่ในที่สุดก็เกิดการสู้รบครั้งใหญ่ขึ้นอีกในปี 1999 และในปี 2000 การทำสงครามตามแบบระหว่างรัสเซีย กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเชชเนียก็ยุติลง แต่ได้แปรสภาพเป็นการก่อการร้าย ต่อมา ในปี 2009 กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเชชเนีย ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จจากการก่อการร้าย (คาดว่าคงได้รับความสูญเสียจากการโต้ตอบของกองกำลังของรัสเซีย และของรัฐบาลเชชเนีย) ก็ได้ประกาศยุติการก่อการร้าย หรือการใช้อาวุธอย่างสิ้นเชิง
 
ส่วนกรณีความขัดแย้งในไอร์แลนด์เหนือนั้นมีปัจจัยบางอย่างที่แตกต่างจากทั้งสองตัวอย่างข้างต้น กล่าวคือ มีการกล่าวหาว่า กลุ่ม IRA อาจได้รับประโยชน์จากการให้ความคุ้มครองกลุ่มค้ายาเสพติด และธุรกิจที่ผิดกฎหมาย (Horgan, J. and Taylor, M. pp. 124-152) ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กลุ่ม IRA บางส่วนไม่พอใจในการกระทำดังกล่าว และต้องการที่จะเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งที่ใช้อาวุธ และที่สำคัญคือ ในเดือนสิงหาคม ปี 2001 ผู้เชี่ยวชาญด้านการประกอบระเบิดของ IRA (Irish Republican Army)  ๓ คนที่ไปช่วยกลุ่มแบ่งแยกดินแดน FARC (หรือ People’s Army) ได้ถูกจับที่ Colombia ซึ่งการที่กลุ่มหัวรุนแรงของ IRA ได้ถูกจับในเหตุการณ์ต่างๆ อาจมีผลทำให้การเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในไอร์แลนด์เหนือบรรลุผลได้ง่ายขึ้น
 
จากกรณีตัวอย่างทั้ง ๓ จะเห็นว่า การใช้มาตรการทางทหารเพื่อยุติการใช้ความรุนแรงหรือการก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆ (ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นยาแรงที่ใช้กับอาการไข้ที่รุนแรง) ยังมีความจำเป็น และเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะยับยั้ง หรือขจัดการก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างเป็นผล แต่ต้องใช้ตามความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ซึ่งผู้เขียนมีข้อเสนอแนะเพื่อรัฐบาล และหน่วยต่างๆ ได้นำไปพิจารณา ดังนี้
 
๓.๑ ข้อเสนอแนะด้านความมั่นคงของชาติ
 
๓.๑.๑ รัฐบาลต้องมีความจริงใจ และมีความกล้าที่จะแก้ไขปัญหานี้ หมายความว่า รัฐบาลจะต้องไม่กลัว ไม่ขี้ขลาด ต้องกล้าประณามการกระทำที่โหดเหี้ยมของกลุ่มก่อการร้าย เช่น การสังหารประชาชน ๖ ศพ โดยการจ่อยิงทีละคนซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วยที่อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ ๑ พ.ค.๒๕๕๖
 
๓.๑.๒ รัฐบาลควรออกกฎหมายห้ามประชาชนไทยถือสองสัญชาติ ถ้าบุคคลใดถือสองสัญชาติจะต้องถูกยกเลิกสิทธิการมีสัญชาติไทยทันทีที่มีหลักฐานแสดงการถือสัญชาติอื่น และควรระงับการโอนสัญชาติอื่นมาเป็นสัญชาติไทยเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๘ ปี
 
๓.๑.๓ รัฐบาลควรจัดทำประชามติถามประชาชนทั้งประเทศว่า จะให้พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับอีก ๔ อำเภอ ของจังหวัดสงขลา แบ่งแยกออกจากประเทศไทยไปปกครองตนเองเป็นรัฐอิสระหรือไม่ เพื่อให้ได้ฉันทมติในการแก้ไขปัญหานี้
 
๓.๒ ข้อเสนอแนะด้านการทหาร
 
๓.๒.๑ ไทยต้องพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ (กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ) ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับกองทัพของอิสราเอล โดยเฉพาะกองทัพอากาศจะต้องได้รับการพัฒนาให้มีขีดความสามารถในการให้ความคุ้มครองการปฏิบัติภารกิจของทั้งกองทัพบก และกองทัพเรือ ได้ในทุกพื้นที่เนื่องจากไทยมีพรมแดนติดต่อกับหลายประเทศที่มีปัญหา และมีข้อพิพาทที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข  ซึ่งอาจกลายเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงในอนาคต การมีกองทัพที่เข้มแข็งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ยับยั้งไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามข่มขู่ และมุ่งที่จะใช้กำลังกับประเทศไทยเพียงวิธีเดียว
 
๓.๒.๒ กองทัพเรือควรได้รับการพัฒนาให้มีขีดความสมารถในการป้องกันและทำลายเส้นทางการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายจากต่างประเทศทั้งในพื้นที่มหาสมุทรอินเดีย และแปซิฟิก
 
๓.๒.๓ กองทัพบกควรจัดตั้งหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายเป็นการเฉพาะเพื่อให้มีหน้าที่รับผิดชอบในการขจัด หรือทำลายการก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆ โดยให้หน่วยอื่นๆ ให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุน
 
๓.๒.๔ กองทัพควรจัดตั้งชุดป้องกันภัยของหมู่บ้านซึ่งมีทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองเป็นแกนร่วม กับชาวบ้าน (ควรพัฒนาชุดรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้าน หรือ ชรบ.ขึ้นใหม่) และจัดฝึกอบรมการใช้อาวุธเพื่อให้ทำหน้าที่ช่วยเหลือทหาร และตำรวจในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหมู่บ้าน
๓.๒.๕ กองทัพบกจะต้องจัดทำคู่มือการต่อต้านการวางระเบิด รวมทั้งคู่มือการต่อต้านการก่อการร้ายที่ทันสมัย เพื่อใช้อบรมกำลังพลทุกนายที่จะต้องไปปฏิบัติงานในพื้นที่ได้เรียนรู้ เข้าใจ จนสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นผล
 
๓.๒.๖ กองทัพต้องจำกัดเสรีในการปฏิบัติของกลุ่มก่อการร้าย เพราะถ้ากลุ่มก่อการร้ายมีเสรีในการปฏิบัติมากเพียงใด ก็จะสร้างความสูญเสียต่อเจ้าหน้าที่ และประชาชนได้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน ดังนั้น การที่ ผบ.ทบ.เสนอให้สร้างรั้วตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซีย ต้องขอชมว่าเป็นความคิดริเริ่มที่ดีที่จะจำกัดเสรีในการดำเนินการต่างๆ ของกลุ่มก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
 
อย่างไรก็ดี แม้ข้อเสนอให้สร้างรั้วเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ควรปรับเปลี่ยนจากการสร้างรั้วมาเป็นกำแพงขนาดใหญ่เช่นเดียวกับกำแพงเมืองจีน โดยมีความสูงไม่ต่ำกว่า ๘ เมตร และกว้างไม่ต่ำกว่า ๖ เมตร โดยจุดเริ่มต้นของกำแพงนี้ควรเริ่มจากชายแดนไทย-มาเลเซีย จังหวัดสตูล ผ่านยะลา และไปจดอ่าวไทยที่จังหวัดนราธิวาส รวมระยะทางประมาณ ๕๐๖ กิโลเมตร (ดูรูปที่ ๑) บนกำแพงควรสร้างให้แข็งแรงแบบทางด่วนในกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการขนส่ง หรือขนย้ายเมื่อมีความจำเป็นเกิดขึ้น เช่น กรณีเกิดภัยพิบัติต่างๆ หรือภัยทางธรรมชาติ เป็นต้น และควรมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ในจุดที่สำคัญตามแนวกำแพงนี้ด้วย
 

 
นอกจากนี้ การมีกำแพงขนาดใหญ่ตามแนวชายแดนไทย-มาเลย์ ไม่เพียงเป็นเครื่องช่วยสกัดกั้นการลักลอบขนสินค้าหนีภาษี หรือสิ่งผิดกฎหมายเข้าประเทศ เช่น การลักลอบนำน้ำมันหนีภาษี และยาเสพติด เข้าไทย แต่ยังสามารถใช้ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย และยังจะสามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศได้อีกด้วย                               
 
๔.สรุป
 
การเสนอแนวความคิดให้จัดสร้างรั้ว หรือกำแพงเมืองไทย มีหลายท่านคงคิดว่า ผู้เสนอแนวคิดนี้คงจะเพี้ยนไป จึงขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หนึ่งในผู้สร้างกำแพงเมืองจีนคือ ฉินซือหวง หรือจิ๋นซีฮ่องเต้ กษัตริย์จีนผู้รวมแผ่นดินจีนให้เป็นปึกแผ่น และมีความมั่นคงจนถึงทุกวันนี้ ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่ไทยจะมีโครงการสร้างกำแพงเมืองไทยเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติเช่นเดียวกับที่จีนได้เคยทำมาในอดีต ผู้เขียนจึงขอสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้รีบจัดทำโครงการสร้างกำแพงเมืองไทย (The Great Wall of Thailand) ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซียนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อขจัดปัจจัยที่สนับสนุนการดำเนินการของกลุ่มก่อการร้าย และกลุ่มผิดกฎหมายต่างๆ ให้ลดลง หรือหมดสิ้นไป
 
สำหรับความเป็นมาของปัญหา กลยุทธ์ของกลุ่มก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน และข้อเสนอแนะอื่นๆ กรุณาดูในรายงานผลการศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร (ระหว่างวันที่ ๖ กันยายน-วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) ครั้งที่ ๑ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาในด้านการทหารและความมั่นคงของชาติ
 
--------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
1. Horgan, J. and Taylor, M. "Insurgency in Ireland: A preliminary analysis of the Provisional IRA ceasefire - 1994-1996", in Albrecht Schnabel and Rohan Gunaratna, Understanding and Managing Insurgent Movements, Singapore: Marshall Cavendish International, 2006, pp. 124-152.
2. Institute for Economics & Peace. “2012 Global Terrorism Index: Capturing the Impact of Terrorism for the Last Decade”, Sydney and New York, 2012.

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น