คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
เจอโรคเลื่อนเล่นงานไปแล้วรอบหนึ่งสำหรับศึก “มวยไทยซูเปอร์ไฟต์ 2013” ที่เตรียมจัดเพื่อโปรโมทมวยไทยด้วยการทุ่มทุนดึงอดีตสุดยอดแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทอย่าง “บิ๊ก แด้ดดี้” ริดดิค โบว์ มาขึ้นสังเวียนในแบบมวยไทยเพื่อชิงเข็มขัดแชมป์ของสถาบันสภามวยไทยโลก (WBC Muay Thai) ในรุ่นซุปเปอร์เฮฟวี่เวท แต่เนื่องจากอดีตแชมป์ชาวมะกันโหมซ้อมหนักเลยเกิดอาการบาดเจ็บทำให้ต้องเลื่อนออกไป และมีกำหนดจัดใหม่แน่นอนวันที่ 14 มิถุนายนนี้
รายการนี้ก็ทำให้เกิดกระแสขึ้นสองทางในหมู่แฟนมวย มุมหนึ่งก็ถือเป็นโอกาสดีที่เมืองไทยมีโอกาสต้อนรับยอดมวยดังระดับโลก แม้จะเป็นอดีตไปแล้วและจริงๆ แล้ว พ่อ “บิ๊ก แด้ดดี้” ก็มีข่าวฉาวๆ อยู่ไม่น้อยในสมัยที่ครองความยิ่งใหญ่อยู่บนสังเวียน แต่ก็ยังถือเป็น “ซูเปอร์สตาร์” ตัวจริงรายหนึ่งของวงการ ได้ต้อนรับยอดนักสู้แบบนี้ที่จะขึ้นเวทีในแบบมวยไทย มีการแถลงข่าวใหญ่โตที่พูดชื่นชมศิลปะการต่อสู้แบบมวยไทย ก็ถือว่าได้ภาพและกระแสจริงอย่างที่ทีมโปรโมเตอร์หวังไว้
แต่ถ้ามองลึกลงไปแล้ว ผมเชื่อว่าแฟนมวยก็คงมีคำถามอยู่ในใจว่าแล้วผลมันจะออกมาดีจริงหรือเปล่า เพราะเท่าที่เห็นจากคลิปการซ้อมแล้ว อดีตยอดนักชกรุ่นหนักก็ยังถนัดอาวุธหมัดอย่างที่คุ้นเคย การฟันศอกดูเหมือนรุนแรงพอได้ เพราะเป็นลักษณะใช้ท่อนแขนอัดเข้ามา แต่พอลงมาที่เข่ากับเท้าแล้ว ยังออกลูกเก้งก้างอยู่มาก แต่ก็อาจเป็นเพราะวันที่ซ้อมโชว์นั้น ริดดิค โบว์ ใส่รองเท้า ประกอบกับน้ำหนักตัวและรูปร่าง จะยกเท้าเตะหรือถีบก็ดูเชื่องช้าไปหมด แบบนี้ก็น่าสงสัยว่าเวลาขึ้นชกแล้วแกจะออกอาวุธอะไรให้พูดได้เต็มปากว่าเป็นการชกมวยไทย หรือจะมีแต่หมัด
อีกอย่างหนึ่งคือทางผู้จัดเตรียมจัดไฟต์นี้ให้เป็นการชิงแชมป์ของสภามวยไทยโลก ในรุ่นซุปเปอร์เฮฟวี่เวทไปเลยและพูดดักไว้ก่อนก็ได้ว่าก็คงมีการ “ปั้น” ให้แกเอาชนะคว้าเข็มขัดไปได้ เพื่อผลทางการโปรโมท ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว อดีตแชมป์มวยโลกรายนี้ไม่เคยต่อยมวยไทยมาเลยแม้แต่ครั้งเดียวในชีวิต (แต่ได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ 5 ในรุ่นซุปเปอร์เฮฟวี่เวทของสภามวยไทยโลกด้วย!) ดูแล้วก็เสี่ยงในแง่ความน่าเชื่อถือของสถาบัน WBC Muay Thai ไม่น้อย สถาบันนี้มีจุดแข็งที่โปรโมทได้เต็มปากว่ามีการจัดอันดับอย่างเป็นทางการ (เหมือนๆ มวยโลก) นักมวยที่จะขึ้นชกชิงแชมป์ต้องมีสถิติที่เหมาะสมที่จะขึ้นชิงจริงๆ แต่พอมาเตรียมชงเรื่องแบบนี้ก็จะกระทบกับความน่าเชื่อถือของตัวสถาบันเอง
ส่วนคู่ต่อกรอย่าง เลฟเกน โกโลแวง ก็เป็นนักชกที่ยังไม่มีแม้แต่หน้าประวัติใน Wikipedia คือยังไม่มีใครทำเพจให้แกเลย แม้จะมีอันดับอยู่ในรุ่นเฮฟวี่เวทของสภามวยไทยโลกอยู่ แต่ก็ไม่มีสถิติ เรียกว่าเงียบมาก แบบนี้ทีมงานต้องทำการบ้านอีกเยอะครับหากจะให้ไฟต์ประเดิมมวยไทยของ ริดดิค โบว์ ยิ่งใหญ่ได้รับการยอมรับจริงจัง
เจอโรคเลื่อนเล่นงานไปแล้วรอบหนึ่งสำหรับศึก “มวยไทยซูเปอร์ไฟต์ 2013” ที่เตรียมจัดเพื่อโปรโมทมวยไทยด้วยการทุ่มทุนดึงอดีตสุดยอดแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทอย่าง “บิ๊ก แด้ดดี้” ริดดิค โบว์ มาขึ้นสังเวียนในแบบมวยไทยเพื่อชิงเข็มขัดแชมป์ของสถาบันสภามวยไทยโลก (WBC Muay Thai) ในรุ่นซุปเปอร์เฮฟวี่เวท แต่เนื่องจากอดีตแชมป์ชาวมะกันโหมซ้อมหนักเลยเกิดอาการบาดเจ็บทำให้ต้องเลื่อนออกไป และมีกำหนดจัดใหม่แน่นอนวันที่ 14 มิถุนายนนี้
รายการนี้ก็ทำให้เกิดกระแสขึ้นสองทางในหมู่แฟนมวย มุมหนึ่งก็ถือเป็นโอกาสดีที่เมืองไทยมีโอกาสต้อนรับยอดมวยดังระดับโลก แม้จะเป็นอดีตไปแล้วและจริงๆ แล้ว พ่อ “บิ๊ก แด้ดดี้” ก็มีข่าวฉาวๆ อยู่ไม่น้อยในสมัยที่ครองความยิ่งใหญ่อยู่บนสังเวียน แต่ก็ยังถือเป็น “ซูเปอร์สตาร์” ตัวจริงรายหนึ่งของวงการ ได้ต้อนรับยอดนักสู้แบบนี้ที่จะขึ้นเวทีในแบบมวยไทย มีการแถลงข่าวใหญ่โตที่พูดชื่นชมศิลปะการต่อสู้แบบมวยไทย ก็ถือว่าได้ภาพและกระแสจริงอย่างที่ทีมโปรโมเตอร์หวังไว้
แต่ถ้ามองลึกลงไปแล้ว ผมเชื่อว่าแฟนมวยก็คงมีคำถามอยู่ในใจว่าแล้วผลมันจะออกมาดีจริงหรือเปล่า เพราะเท่าที่เห็นจากคลิปการซ้อมแล้ว อดีตยอดนักชกรุ่นหนักก็ยังถนัดอาวุธหมัดอย่างที่คุ้นเคย การฟันศอกดูเหมือนรุนแรงพอได้ เพราะเป็นลักษณะใช้ท่อนแขนอัดเข้ามา แต่พอลงมาที่เข่ากับเท้าแล้ว ยังออกลูกเก้งก้างอยู่มาก แต่ก็อาจเป็นเพราะวันที่ซ้อมโชว์นั้น ริดดิค โบว์ ใส่รองเท้า ประกอบกับน้ำหนักตัวและรูปร่าง จะยกเท้าเตะหรือถีบก็ดูเชื่องช้าไปหมด แบบนี้ก็น่าสงสัยว่าเวลาขึ้นชกแล้วแกจะออกอาวุธอะไรให้พูดได้เต็มปากว่าเป็นการชกมวยไทย หรือจะมีแต่หมัด
อีกอย่างหนึ่งคือทางผู้จัดเตรียมจัดไฟต์นี้ให้เป็นการชิงแชมป์ของสภามวยไทยโลก ในรุ่นซุปเปอร์เฮฟวี่เวทไปเลยและพูดดักไว้ก่อนก็ได้ว่าก็คงมีการ “ปั้น” ให้แกเอาชนะคว้าเข็มขัดไปได้ เพื่อผลทางการโปรโมท ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว อดีตแชมป์มวยโลกรายนี้ไม่เคยต่อยมวยไทยมาเลยแม้แต่ครั้งเดียวในชีวิต (แต่ได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ 5 ในรุ่นซุปเปอร์เฮฟวี่เวทของสภามวยไทยโลกด้วย!) ดูแล้วก็เสี่ยงในแง่ความน่าเชื่อถือของสถาบัน WBC Muay Thai ไม่น้อย สถาบันนี้มีจุดแข็งที่โปรโมทได้เต็มปากว่ามีการจัดอันดับอย่างเป็นทางการ (เหมือนๆ มวยโลก) นักมวยที่จะขึ้นชกชิงแชมป์ต้องมีสถิติที่เหมาะสมที่จะขึ้นชิงจริงๆ แต่พอมาเตรียมชงเรื่องแบบนี้ก็จะกระทบกับความน่าเชื่อถือของตัวสถาบันเอง
ส่วนคู่ต่อกรอย่าง เลฟเกน โกโลแวง ก็เป็นนักชกที่ยังไม่มีแม้แต่หน้าประวัติใน Wikipedia คือยังไม่มีใครทำเพจให้แกเลย แม้จะมีอันดับอยู่ในรุ่นเฮฟวี่เวทของสภามวยไทยโลกอยู่ แต่ก็ไม่มีสถิติ เรียกว่าเงียบมาก แบบนี้ทีมงานต้องทำการบ้านอีกเยอะครับหากจะให้ไฟต์ประเดิมมวยไทยของ ริดดิค โบว์ ยิ่งใหญ่ได้รับการยอมรับจริงจัง