“สมศักดิ์” ยังยิ้มได้ ยันไม่มีใครกดดันให้พ้นเก้าอี้ประธานรัฐสภา รับมีคนไม่พอใจ แต่การพ้นตำแหน่งต้องเป็นไปตาม รธน. ใครมาสั่งไม่ได้ โวทำงานมา 2 ปีไม่เคยพลาด มั่นใจคุมเกมสภาฯ อยู่ ไม่ห่วงการเมืองนอกสภา คาดไร้ปัญหา ย้ำไม่ส่งคำชี้แจงแก้ รธน.ผิด ม.68 ต่อศาลฯ แต่ยังบอกไม่ได้จะไปในวันไต่สวนคดีหรือไม่
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ยืนยันว่าสุขภาพยังมีความแข็งแรง โดยที่ผ่านมามีแค่อาการเป็นหวัดธรรมดา ส่วนที่มีข่าวว่าความดันขึ้นนั้นก็เป็นปกติแล้วไม่ได้มีความเครียดอะไรหรือสุขภาพไม่ดีจนต้องมีการเปลี่ยนตัวประธานรัฐสภา เรื่องนี้ไร้สาระไม่มีประเด็น อีกทั้งไม่มีแรงกดดันอะไรในทางการเมืองที่จะบีบตนออกจากตำแหน่งด้วย มีเพียงข่าวจากสื่อเท่านั้นแต่ไม่มีข้อเท็จจริง และในพรรคก็ไม่มีใครพูดเรื่องการเปลี่ยนตำแหน่งประธานรัฐสภาด้วย
ส่วนที่มีชื่อ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย จะมาเป็นประธานรัฐสภาแทนนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่มีเรื่องนี้ รวมทั้งไม่มีคนเลื่อยตำแหน่งของตนด้วย เพราะปัจจัยที่จะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนี้ได้ต้องอยู่ที่ตนเพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัด และเหตุที่นำเสนอตามสื่อมวลชนก็ไม่มีตามนั้นจึงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพราะไม่มีอะไรจริงๆ
“ยืนยันว่าวันนี้ยังยิ้มได้ ไม่มีคนบีบให้ลาออกจากตำแหน่ง และไม่เคยมีผู้ใหญ่ในพรรคเรียกไปพูดคุยในการทำหน้าที่ เนื่องจากที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยให้เกียรติผมในการทำหน้าที่”
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมาในการประชุมพรรคหลายครั้งรวมถึงการสไกป์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็แสดงความไม่พอใจต่อการทำหน้าที่ในสภา เป็นต้นเหตุของกระแสข่าวการเปลี่ยนตัวนายสมศักดิ์จากตำแหน่งประธานรัฐสภาหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของการมองต่างมุม อาจจะมีพอใจหรือไม่พอใจบ้าง ส.ส.ในพรรคก็มีทั้งชื่นชมและไม่ชื่นชม เป็นความเห็นปกติ แม้แต่ฝ่ายค้านบางครั้งก็มีปรบมือให้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่อยู่ในตำแหน่งนี้จะมีทั้งคนที่ถูกใจและไม่ถูกใจ อย่างไรก็ตาม ไม่ขอประเมินการทำหน้าที่ของตัวเองเพราะไม่เหมาะ ส่วนความรู้สึกของคนในพรรคระหว่างการชื่นชมและไม่ชื่นชมส่วนไหนมากหรือน้อยกว่ากันนั้นตนไม่ขอพูดถึง แต่ยืนยันว่าการทำหน้าที่ตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมายังไม่เห็นว่ามีอะไรผิดพลาด และถ้าย้อนอดีตกลับไปเพื่อตัดสินใจทำใหม่ในแต่ละเรื่องก็จะทำเหมือนเดิมทุกเรื่อง เพราะยังเห็นว่าสิ่งที่ได้ทำไปนั้นถูกต้องแล้ว
สำหรับการประชุมสภาในสมัยหน้าเดือนสิงหาคมที่มีการประเมินว่าจะเกิดความร้อนแรงขึ้นเพราะมีกฎหมายนิรโทษกรรมรอการพิจารณาเป็นวาระแรกนั้น ประธานรัฐสภากล่าวว่า ไม่ว่าอย่างไรเรามีข้อบังคับที่ทุกคนต้องยึดถือ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไร ที่สำคัญในอดีตมีเหตุการณ์ไม่เหมาะไม่ควรที่ประชาชนรับไม่ได้และส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของสภา ตนเชื่อว่าทุกคนคงตระหนักถึงเรื่องนี้ และยังมั่นใจว่าอยุ่ในวิสัยที่จะควบคุมการประชุมได้เแต่ทุกฝ่ายต้องยึดข้อบังคับ เพราะหากไม่ยึดข้อบังคับสภาก็จะไม่ต่างจากตลาดสดคงไม่ได้ ทังนี้ยอมรับว่าจากบทเรียนที่ผ่านมาปัญหาเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมเมื่อเข้าสู่สภาจะมีการเคลื่อนไหวนอกสภาจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยคู่ขนานไปด้วยแต่หวังว่าทุกฝ่ายจะฟังเหตุผล ละทิฐิและยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ซึ่งในขณะนี้ก็ยังมองต่างมุมอยู่ ฝ่ายรัฐบาลก็บอกว่าได้พยายามที่จะแสวงหาความเห็นร่วมจากสังคมแล้ว แต่อีกฝ่ายก็บอกว่ายังไม่พอใจ จึงเป็นเรื่องการมองต่างมุม จึงไม่คิดว่าจะถึงขนาดนำไปสู่ความแตกหัก ทั้งนี้การควบคุมในสภาก็มีข้อบังคับอยู่แล้วทุกฝ่ายต้องยึดถือไม่อย่างนั้นก็จะเสียหายเหมือนอย่างที่เคยเกิดในอดีต
นายสมศักดิ์ยังย้ำด้วยว่าจะไม่ส่งคำชี้แจงให้ศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องกรณีทำผิดมาตรา 68 อีกสองคำร้อง เนื่องจากเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาเรื่องนี้ โดยประเด็นที่เกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีเหตุการณ์เกิดขึ้นสองครั้ง คือ ครั้งแรกศาลรัฐธรรมนูญกับพรรคเพื่อไทยมองเห็นไม่ตรงกัน แต่ตนเห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญจึงแสดงเจตจำนงเรื่องการลงมติการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 วาระสามว่าให้ยืดออกไปก่อนเพื่อรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการแสดงความเห็นที่ตรงกันข้ามกับพรรคเพื่อไทยและเห็นสอดคล้องกับศาลรัฐธรรมนูญ แต่มาคราวนี้ศาลรัฐธรรมนูญและพรรคเพื่อไทยก็มองต่างมุมกันอีก ซึ่งตนเห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยคือเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในส่วนนี้ และไม่ได้เอาองค์กรนิติบัญญัติไปงัดข้อกับองค์กรตุลาการเป็นเรื่องของความเห็นเท่านั้น เพราะทุกคนมีสิทธิแสดงความเห็นได้ตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามในส่วนขั้นตอนการไต่สวนหากศาลเรียกไปจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะไปหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลกำลังสร้างเงื่อนไขที่เป็นชนวนขัดแย้งหลายทางหรือไม่ ทั้งการเปิดศึกกับประชาชนที่ไม่เห็นด้วยในเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม และเปิดศึกกับศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ใช่เพราะเป็นเพียงความเห็นที่ไม่ตรงกันเท่านั้น เป็นเรื่องธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย ต่อข้อถามต่อว่า แต่การเคลื่อนไหวในลักษณะนี้มีประวัติศาสตร์มาตลอดว่าจะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความสูญเสียตามมา ครั้งนี้จะซ้ำรอยเดิมหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่น่าจะมีอะไรมาก ทุกอย่างคุยด้วยเหตุผล