ประธานสภาฯ อ้างเห็นตรงกันกับเพื่อไทย ไม่ยื่นแจงศาล รธน. บอกพวกติงทำชาติวุ่น-ใช้อำนาจนิติบัญญัติจุ้นตุลาการแค่มองต่างมุม ยันไม่ได้แทรกแซง ปัดถูก “แม้ว” เรียกไปตำหนิ ยกคำวินิจฉัยชูสิทธิ์ไม่ไปแจงแต่ยังไม่ได้สละสิทธิ์การให้การ เชื่อตุลาการก็พิจารณาตามปกติ ไม่กังวลผลตามมา
วันนี้ (29 เม.ย.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 12.00 น. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ศาลได้มีหนังสือมายังตนแล้ว แต่ยังไม่ได้เปิดอ่านเพราะตนเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ แต่การที่มติของพรรคเพื่อไทยไม่ให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนคิดว่าไม่มีผลบังคับถึงตัวประธานรัฐสภา เพราะโดยรวมประธานรัฐสภาต้องทำหน้าที่แบบเป็นกลางไม่อาจปฏิบัติตามพรรคได้ แต่ครั้งนี้ตนยอมรับว่ามีความเห็นตรงกับพรรค แตกต่างจากที่ผ่านมาที่ไม่ควรยื่นคำให้การและชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเราเคารพและยึดถือคำวินิจฉัยของศาลที่ให้แก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ส่วนนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา จะร่วมไม่ยื่นคำชี้แจงต่อศาลด้วยหรือไม่ แต่ไม่ทราบเพราะยังไม่ได้พูดคุยกัน
เมื่อถามว่า การที่ 312 ส.ส.และ ส.ว.ยื่นคัดค้านอำนาจศาลรัฐธรรมนูญจะส่อทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของการมองต่างมุม เมื่อถามต่อว่า มองว่าเป็นการใช้อำนาจของนิติบัญญัติเข้าไปแทรกแซงการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวย้ำว่า เป็นเรื่องของการมองต่างมุม ซึ่งตนยืนยันว่าไม่มีเจตนาไปแทรกแซงใครทั้งนั้น
ส่วนกรณีกระแสข่าวที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่พอใจการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภาจนถูกเรียกไปตำหนินั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และก็ไม่มีเหตุการณ์ถูกเรียกไปตำหนิเกิดขึ้น และเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมติของพรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย อย่างไรก็ดี การที่เราไม่ไปยื่นคำชี้แจง ก็ไม่ได้แปลว่าเราสละสิทธิ์ในการให้การ เพราะคำวินิจฉัยของศาลรับธรรมนูญที่เคยมีก็ชัดเจนอยู่แล้ว เราเพียงแต่ทำซ้ำคำเดิมของศาลรัฐธรรมนูญที่ย้ำว่าต้องแก้เป็นรายมาตรา ดังนั้นตนจึงเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญก็สามารถพิจารณาตามขั้นตอนของศาลได้อยู่แล้ว และศาลคงมีความยุติธรรมอยู่ต่อผลการวินิจฉัยครั้งนี้ ตนจึงไม่กังวลต่อผลที่จะตามมา เพราะเราแสดงออกให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ใจที่ชัดเจนในตัวเองแล้ว