ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานคดี “เก่ง” ฟ้องหมิ่น “สมเกียรติ” หลังศาลอุทธรณ์รับคำแนะจำเลยให้ชงกลับศาลชั้นต้น แม้ยกฟ้องแล้ว อ้างไม่สืบพยาน แต่ “จอมถีบ” หายเงียบ-ทนายอ้างเครียดถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปี โจทก์ติงดำเนินคดีไร้ประโยชน์ เลื่อนอีกไม่มีเวลา ศาลชี้โจทก์ไม่มีใบรับรองแพทย์ แถมเคลื่อนเลื่อนมาแล้ว และโจทก์ติดภารกิจ จึงมีคำสั่งยกฟ้องซ้ำอีกรอบ
วันนี้ (11 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีหมายเลขดำ อ.2092/2551 คดีที่นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ที่ กกต.มีมติให้ใบแดง ยื่นฟ้องนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332 โดยโจทก์ยื่นฟ้องในวันที่ 5 มิถุนายน 2551 สืบเนื่องจากในวันที่ 23 เมษายน 2551 จำเลยได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน มีเนื้อหาว่า “เราจะไม่ยอมให้พวกอันธพาลเหนือสภา ในฐานะที่เราเป็นนักเคลื่อนไหวประชาธิปไตย เราจะไม่ยอมรับการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ของกลุ่มอัธพาลทางการเมือง ที่จะเข้ามาแทรกแซงหรือควบคุมกิจการในสภา ดั้งนั้นผมจะขอใช้อำนาจทางกฎหมายฟ้อง ส.ส.ท่านนี้ดู ส.ส.ท่านนี้คือผลผลิตของพรรคการเมืองหนึ่งที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของพรรคการเมืองเหนือกฎหมาย”
ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2552 ให้ยกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษากลับเพื่อให้สืบพยานใหม่และขอให้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดียังไม่ได้สืบพยานครบถ้วนสมบูรณ์ จึงสั่งให้ศาลชั้นต้นกลับไปสืบพยานโจทก์-จำเลยเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป
และในวันนี้ (11 มิ.ย.) ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ โดยมีจำเลย ทนายจำเลยมาศาล ด้านทนายโจทย์แถลงว่า ในวันนี้โจทก์ไม่อาจเดินทางมาศ่าลตามกำหนดนัดได้ เนื่องจากมีอาการเครียด เพราะถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี อีกทั้งอาการเครียดดังกล่าวส่งผลให้โจทก์ไม่อาจเบิกความต่อศาลได้ ขอเลื่อนคดี ทั้งนี้โจทก์มีความประสงค์ที่จะนำพยานเข้าสืบเพียงปากเดียวคือตัวโจกท์ และหากศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีจะนำพยานเข้าสืบได้โดยเร็วที่สุดภายในเดือนกรกฎาคม 2556
ขณะที่ศาลพิจารณาสอบจำเลยและทนายจำเลยแล้ว คัดค้านกรณีที่โจทก์ขอเลื่อนคดี และแถลงเพิ่มเติมต่อไปว่า คดีนี้โจทก์เคยขอเลื่อนนัดและยกเลิกวันนัดมาแล้วในครั้งก่อน กรณีที่ทนายโจทก์อ้างว่าตัวโจทก์มีอาการเครียดจนไม่อาจมาเบิกความต่อศาลได้นั้น เป็นการอ้างของทนายโจทก์ โดยไม่มีหลักฐานทางการแพทย์มายืนยัน และจำเลยแถลงต่อไปว่าการดำเนินคดีของโจทก์ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ถึงแม้ศาลจะอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี แต่ในกรกฎาคม 2556 ทนายจำเลยไม่มีวันว่าง
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีที่ทนายโจกท์ขอเลื่อนคดี โดยแจ้งต่อศาลว่า โจกท์มีอาการเครียดเนื่องจากถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ตัดสิทธิทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 แต่กรณีดังกล่าว โจกท์ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง พิพากษาตัดสิทธิทางการเมืองก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือน และทนายทนายโจกท์ไม่มีใบรับรองแพทย์หรือหลักฐานใดๆ มาแสดงว่าอาการเครียดดังกล่าวนั้นมีอยู่จริง และส่งผลให้โจทก์ไม่อาจเดินทางมาเบิกความต่อศาลได้ อีกที่ศาลเคยอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556 เนื่องจากเหตุที่โจทก์ติดภารกิจและโจกท์ตั้งทนายความคนใหม่ ประกอบกับจำเลยคัดค้านการขอเลื่อนคดีของโจทก์ในครั้งนี้ ตามกรณีไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดี จึงมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ พิพากษายกฟ้อง