“นพดล มีวรรณะ” ทนายความทักษิณ ขึ้นเบิกความเป็นพยานคดี “ทักษิณ” ฟ้องหมิ่น “ประชาธิปัตย์-เทพไท” ระบุนายใหญ่ไม่ได้บริหารงานแต่เพียงผู้เดียว หรือบริหารงานแบบซีอีโอตามที่ถูกกล่าวหา
ที่ห้องพิจารณาคดี 802 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (27 พ.ค.) ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์ ในคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายนพดล มีวรรณะ ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้องพรรคประชาธิปัตย์ และนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา และความผิดตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484
จากกรณีเมื่อวันที่ 17-19 พ.ค. 2549 นายเทพไท จำเลยที่ 2 ได้แถลงข่าว ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยุครัฐบาลทักษิณลาออก โดยกล่าวอ้างทำนองว่า บริหารประเทศแบบซีอีโอ ที่มีรัฐมนตรีเป็นเพียงผู้ช่วยทำงานไม่ได้ และยังได้กล่าวเปรียบเทียบ พ.ต.ท.ทักษิณเหมือนผีปอบที่ออกจากร่างแล้วพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะกลับเข้าร่างเดิม
โดยวันนี้ นายนพดล มีวรรณะ ในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ สรุปว่า ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตนเองทำหน้าที่เป็นทนายของพรรคไทยรักไทย ซึ่งจะทราบข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับการบริหารพรรค เพราะทุกครั้งที่คณะกรรมการบริหารพรรค มีการประชุมก็จะเข้าร่วมรับฟังด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะบริหารงานแต่เพียงผู้เดียว
ด้านทนายฝ่ายจำเลยได้ซักค้านและโต้แย้งคำเบิกความว่า แม้นายเทพไทยจำเลยที่ 2 จะมีการพูด หรือให้สัมภาษณ์ก็ถือเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะนั้นถือเป็นบุคคลสาธารณะ ทั้งนี้ภายหลังเบิกความเสร็จ ศาลได้นัดสืบพยานอีกครั้ง ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.