กมธ.พิจารณากู้ 2 ล้านล้าน เสนอกำหนดเกณฑ์การฝากเงินกู้ที่ยังมิได้เบิกจ่ายให้ชัด มติคงความวรรค 3 ให้ว่าตามที่ ก.คลังกำหนดไว้ก็ได้ใน ม.12 “กรณ์” ชี้ยังไม่ชัดสถาบันการเงินที่คลังฝากเงินกู้ รับเสี่ยงต้องศึกษา ผอ.สบน.ย้ำฝาก ธ.ความเสี่ยงต่ำ ลดภาระชำระหนี้ ปชป.ตั้งโต๊ะค้านกู้ 2 ล้านล้าน ชี้พร้อมแค่ 2 แสนล้าน แนะปรับปรุงโครงการ รอเสร็จวาระ 3 เรื่องถึงศาล รธน. ติงรถไฟความเร็วสูงในประเทศยังยาก ถึงปาดังเบซาร์ลำบาก เผยคมนาคมขอเวลาถก ลดค่าปรึกษา แนะอย่ารีบใช้เงิน
วันนี้ (5 มิ.ย.) การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ….วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ที่มีนายวราเทพ รัตนากร ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีวาระเพื่อพิจารณาทบทวนร่าง พ.ร.บ.รายมาตราและบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ
โดยประธานได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า การประชุมครั้งนี้จะพิจารณาทบทวนในมาตรา 12 ระบุ ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารและจัดการการกู้เงิน การเบิกจ่ายเงินกู้ การชำระหนี้ และมาตรา 16 ระบุ เมื่อแผนงานใดได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ถ้าแผนงานนั้นมีเงินกู้เหลือจ่ายให้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน และบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ ส่วนมาตรา 5 และมาตรา 6 ยังไม่สามารถพิจารณาทบทวนได้ เนื่องจากต้องรอให้กระทรวงคมนาคมนำข้อมูลที่คณะกรรมาธิการเสนอไปพิจารณาก่อน คาดว่าจะนัดประชุมอีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์
โดยกรรมาธิการเสนอว่าควรกำหนดหลักเกณฑ์การเก็บรักษาหรือฝากเงินกู้ที่ยังมิได้เบิกจ่ายไว้ให้ชัดเจน และต้องมีประกาศให้สาธารณะชนทราบเพื่อความโปร่งใส โดยเสนอขอแก้ไขความในวรรคสามให้ว่า “ตามที่กระทรวงการคลังประกาศกำหนดก็ได้”
ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รองประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวถึงมาตราดังกล่าวว่ายังไม่มีความชัดเจนเรื่องของสถาบันการเงิน และประเภทของบัญชีธนาคารที่กระทรวงการคลังจะนำเงินกู้เข้าฝาก ซึ่งการเลือกสถาบันการเงินจะต้องมีการศึกษาถึงความเสี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย พร้อมยอมรับว่า ทุกสถาบันการเงินมีความเสี่ยงมากน้อยต่างกัน
ด้าน น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กล่าวยืนยันว่า หากมีการพิจารณาว่าจะนำเงินไปฝากไว้ที่สถาบันการเงินใดนั้นจะต้องเลือกสถาบันการเงินที่ไม่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจส่งผลให้เป็นการลดภาระการชำระหนี้ในอนาคต โดยในการพิจารณาจะอยู่ในรูปแบบประกาศของกระทรวงการคลังได้
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มีการถกเถียงถึงเรื่องการระบุความในวรรคสามตามประโยคที่ว่า “ตามที่กระทรวงการคลังประกาศกำหนดก็ได้” และการระบุชื่อสถาบันการเงินลงไปในมาตราดังกล่าวตลอดการประชุม โดยประธานสั่งให้มาตรา 12 แก้ไขความในวรรคสามให้ว่า “ตามที่กระทรวงการคลังประกาศกำหนดก็ได้” คงไว้เช่นเดิม ซึ่งจะมีการทบทวนอีกครั้งในการแปรญัติ
ต่อมานายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอนุชา บูรพชัยศรี ส.ส.กทม. และนายเจือ ราชสีห์ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าวในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ... จำนวน 2 ล้านล้านบาท (พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท) ว่า ในวันที่ 6 มิ.ย. จะเป็นวันแปรญัตติในชั้นกมธ. โดยทางพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องกู้เงินจำนวนถึง 2 ล้านล้านบาท เพราะเมื่อพิจารณาแล้วพบว่า โครงการที่มีความพร้อมมีมูลค่าเพียง 2 แสนล้านบาทเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการเส้นทางรถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)
นายกรณ์กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการที่ยังไม่มีความพร้อม กมธ.เสียงข้างน้อยเห็นว่าควรกลับไปปรับปรุงให้เกิดความพร้อมก่อนแล้วค่อยนำมาเสนอในชั้น กมธ.อีกครั้ง อย่างไรก็ดียังเห็นว่าโครงการที่ยังไม่มีความพร้อมสามารถเดินหน้าได้ เพราะมีการตั้งงบประมาณไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 แล้ว สำหรับเรื่องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น ต้องรอให้พิจารณาแล้วเสร็จในวาระ 2 และ 3 ก่อนจึงดำเนินการต่อไป
ด้านนายเจือกล่าวว่า โครงการที่ยังไม่มีความพร้อม อาทิ ค่าจ้างศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูงสาย กทม.-เชียงใหม่ ระยะที่ 1-2. กทม.-นครราชสีมา, กทม.-หัวหิน, กทม-หนองคาย ระยะที่ 2 เป็นต้น จะเห็นได้ว่าเพิ่งตั้งงบประมาณปี 2557 ขึ้นมา แล้วอย่างนี้ความหวังสายรถไฟความเร็วสูง กทม.-ปาดังเบซาร์จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งนี้ เรื่องการปรับลดค่าที่ปรึกษาที่เห็นว่ามีการว่าจ้างในราคาสูง ประมาณ 4-5% ของการก่อสร้างนั้น ทางกระทรวงคมนาคมขอเวลา 2 สัปดาห์เพื่อทบทวนว่าจะปรับลดได้หรือไม่ อย่างไร
ขณะที่นายสามารถกล่าวว่า รัฐบาลไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในการกู้เงิน เพราะเพิ่งจะตั้งงบประมาณค่าจ้างศึกษาและออกแบบ ซึ่งหากบริษัทจ้างศึกษาระบุว่าไม่คุ้มค่าในการลงทุนจะทำอย่างไร