เด็ก ปชป.ใน กมธ.เสียงข้างน้อย พิจารณากู้ 2 ล้านล้าน ชี้ โครงการรถไฟฟ้า รฟม.ได้งบเกือบ 20% ของเงินกู้ คุม 8 โครงการ แต่บางโครงการไม่สร้างตลอดสาย แถมมีสร้างจาก รบ.ก่อน ส่วนค่าโดยสาร 20 บ.ทำไม่ได้ตามที่โม้ ชี้ ลองกับแอร์พอรต์ลิงก์ก็เหลว ดัก อย่าอ้างรอเสร็จ 10 สาย ติง ไร้แผนรองรับวิกฤตจราจรหากรถไฟฟ้าเสร็จทุกโครงการ “กรณ์” บี้ รบ.เผยความจริง ปชช.โครงการขาดทุนตกปี 8-9 หมื่นล.
วันนี้ (22 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายกรณ์ จาติกวณิช นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายอนุชา บูรพชัยศรี ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย พิจารณา พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายสามารถ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นการพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าช่วง กทม.และปริมณฑล ภายใต้การดูแลของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ได้รับการจัดสรรเงินกู้ 386,222 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.31% ของเงินกู้ โดยดำเนินงานก่อสร้างรถไฟฟ้า 8 โครงการ แต่กลับมีบางโครงการที่ รฟม.ไม่ก่อสร้างตลอดสาย และอีกบางโครงการที่มีการก่อสร้างมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว แต่ประเด็นการพิจารณาที่สำคัญคือ ตามที่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศนโยบายหาเสียงเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทันทีที่เป็นรัฐบาล แต่จนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้วก็ยังไม่เป็นรูปธรรม อีกทั้งที่ผ่านมาก็มีการทดลองรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายกับแอร์พอรต์ลิงก์ แต่ก็ล้มเหลว และมาแก้ตัวว่าต้องรอสร้างให้เสร็จก่อน 10 สาย โดยจะเสร็จเร็วที่สุดในปี 2563 แต่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชิณวัตร นายกรัฐมนตรี อยู่จนครบวาระเพียงปี 2558 ดังนั้นนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ไม่เกิดขึ้นแน่นอนในรัฐบาลชุดนี้
อีกทั้งถ้า 5 โครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) และอีก 8 โครงการอยู่ในความรับผิดชอบของ รฟม.รวมทั้งสิ้น 13 โครงการสร้างเสร็จ และเปิดให้ใช้บริการในเวลาใกล้เคียงกัน เมื่อนั้นก็จะเกิดวิกฤตจราจรอย่างแน่นอน แต่ปัญหานี้กลับไม่มีมาตรการรองรับ ได้รับเพียงคำตอบจากหน่วยงานทึ่เกี่ยวข้องว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องเตรียมใจรับมือเอง แล้วอย่างนี้ประชาชนต้องปรับตัวหรือต้องปรับรัฐบาล
ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า จากข้อมูลนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ยกเพียงตัวอย่าง 1 โครงการ ของ รฟม.คือสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ประเมินขาดทุนเพียงเส้นทางเดียวถึงปีละ 1 หมื่นล้านบาทแล้ว หรือคิดเป็น 8.81% ของต้นทุนโครงการ และหากมีการขับเคลื่อนทั้ง 8 โครงการ ต้องใช้เม็ดเงินภาษีของประชาชนถึง 8-9 หมื่นล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องนำความจริงทั้งหมดมาบอกประชาชน ขณะเดียวกันเรื่องนี้ถือเป็นการสร้างภาระให้กับประชาชนด้วย จึงต้องมีมาตรการเพื่อให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้น
