นายกฯ เปิดทำเนียบจิบน้ำชาสื่อนอก เลขานายกฯ เผยต่างชาติสนใจประเด็นมาตรา 112 แจงรัฐบาลมีหน้าที่ปกป้องสถาบัน ส่วนโทษคดีหมิ่นเป็นเรื่องของศาล ไม่วายฟ้องมีขบวนการจ้องล้มประชาธิปไตย วอนนำช่วยเสนอข้อเท็จจริง
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 16.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนต่างประเทศที่เข้าร่วมการประชุมสภาหนังสือพิมพ์โลก การประชุมบรรณาธิการสื่อสิ่งพิมพ์โลก และการประชุมโฆษณาทางหนังสือพิมพ์โลก ประจำปี 2556 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เข้าพบและร่วมจิบน้ำชา โดยภายหลังการเข้าพบราว 1 ชั่วโมง นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยบรรยากาศว่า หลังจากที่เมื่อช่วงเช้านายกฯได้กล่าวสุนทรพจน์เปิดงาน แต่ไม่มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น จึงได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนและนักธุรกิจที่มาร่วมประชุมครั้งนี้เข้าพบ โดยมีหลายๆ เรื่องที่สื่อมวลชนต่างประเทศให้ความสนใจเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาค เรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ และการทำคอนเนกทิวิตี้ในการเชื่อมโยงในภูมิภาค
นายสุรนันทน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้สื่อมวลชนยังให้ความสนใจในเรื่องสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนในประเทศไทย รวมทั้งกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งสื่อต่างประเทศบางคนยังไม่มีความเข้าใจว่ากฎหมายมาตรานี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ขณะที่หลายคนก็มีความเข้าใจว่าพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ของไทยแตกต่างจากประเทศอื่น การมีมาตรา 112 ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่มีข้อคิดเห็นถึงการบังคับใช้ในทางที่ผิด ซึ่งนายกฯ ได้ยืนยันจุดยืนของไทย ต่อการเป็นประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข รัฐบาลก็มีหน้าที่ในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งมีการสอบถามถึงนักโทษในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งก็มีการอธิบายว่าเป็นเรื่องทางกระบวนการยุติธรรม
เลขานายกฯ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของเรื่องประชาธิปไตยใประเทศไทยก็มีการสอบถามว่า เราจะมีความมั่นคงมากแค่ไหน หลังจากที่มีการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ที่เห็นตรงกันว่าการไม่มีประชาธิปไตยสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศ ทุกคนก็อยากเห็นประชาธิปไตยไทยมั่นคงมากขึ้น และอยากให้ประเทศไทยมีความเข้าใจของเรื่องเสรีภาพสื่อ และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเราได้อธิบายว่า ประชาธิปไตยของเรายังไม่มีความมั่นคงเท่าที่ควร ยังมีขบวนการที่ไม่เห็นด้วยกับระบอบประชาธิปไตยอยู่ จึงอยากให้สื่อต่างประเทศนำเสนอในส่วนของข้อเท็จจริงของสถานการณ์ในประเทศไทย