xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” เพิ่งตื่น สั่งทำยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวไทย หลังทัวร์มัลดีฟส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต
“นายกฯยิ่งลักษณ์” เพิ่งตื่น หลังทัวร์มัลดีฟส์ สั่ง รมต.ที่เกี่ยวข้อง ทำรายชื่อแหล่งท่องเที่ยวในไทยที่รัฐบาลจะสนับสนุน หวังนำร่องยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยว ดึงดูดนักเที่ยวสร้างรายได้ประเทศ ตั้ง “ปลอดประสพ-ยุคล” เป็นประธานวางแผนยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวไว พร้อมให้ รมต.แก้ตัว หลังถูกฝ่ายค้านอภิปรายงบ ขณะที่ ครม.อนุมัติให้ส่งใบสั่งทางไปรษณีย์ พร้อมเห็นชอบให้ กฟภ.กู้เงิน 5,848 ล้านบาท

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการประชุม ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เล่าให้ ครม.รับทราบถึงผลการเยือนศรีลังกาและมัลดีฟส์ว่า อยากให้ประเทศไทยพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเน้นดึงดูดกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์ หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีอำนาจซื้อสูง และใช้ระยะเวลาท่องเที่ยวในประเทศค่อนข้างนาน ไม่ใช่แค่ระยะสั้นเพื่อให้มีเงินสะพัดและการกระจายรายได้สูงขึ้น โดยท่านนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อ.พ.ท.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกันกำหนดรายชื่อแหล่งท่องเที่ยวที่รัฐบาลจะส่งเสริมในระยะแรก เป็นโครงการนำร่อง ว่ามีที่ไหนบ้าง เพื่อยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับชุมชนและประเทศ

โดย นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รมว.เกษตรฯ และ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการวางแผนพัฒนายุทธศาสตร์การท่องเที่ยวดังกล่าว

ในส่วนของการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2557 ที่ผ่านมา นายกฯ เห็นว่ามีหลายประเด็นที่ถูกฝ่ายค้านบิดเบือนอย่างไม่เป็นความจริง และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง มีเวลาไม่เพียงพอในการชี้แจง จึงขอให้แต่ละกระทรวงรวบรวมข้อมูลที่ถูกพดาดพิงและบิดเบือนแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อให้สาธารณชนเข้าใจข้อเท็จจริงอย่างถูกต้องด้วย

ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวอีกว่า ครม.เห็นชอบหลักการ ร่าง พ.ร.บ จราจรทางบก (ฉบับที่..) พ.ศ...(ส่งใบสั่งทางไปรษณีย์) โดยมีสาระสำคัญ คือ การแก้ไขเพิ่มเติมข้อความในมาตรา 140 (วรรคหนึ่ง) เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถส่งใบสั่งพร้อมพยายหลักฐานการกระทำผิดกฎจราจร ไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ และให้ถือว่าเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถได้รับใบสั่งนั้นเมื่อพ้น กำหนดสิบห้าวันนับตั้งแต่วันส่ง โดยเหตุที่มีการเสนอแก้กฎหมาย เนื่องจากการกระทำผิดกฎจราจรบางอย่างนั้น เจ้าหน้าที่ไม่สามารถออกใบสั่งและแสดง หลักฐานได้ในขณะที่มีการกระทำความผิด เช่น การขับรถฝ่าไฟแดง การขับรถโดยใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมาย เป็นต้น

ทั้งนี้ นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เห็นว่านอกจากการแก้ไขกฎหมายต่างๆ แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับการสร้างจิตสำนึกให้ผู้ใช้รถใช้ถนน มีวินัย และมีความรับผิดชอบในการขับขี่ยานพาหนะด้วย ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกับแนวคิดของ นายวราเทพ ทั้งยังเสนอให้กระทรวงยุติธรรม ผลักดันนโยบายการตั้งศาลจราจรอีกด้วย น.ส ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเป็นความคิดที่ดีและมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทย ไปร่วมหารือกันเพื่อการแก้ปัญหาเรื่องวินัยจราจรแบบยั่งยืน

ร.ท.หญิง สุณิสา แถลงอีกว่า ครม.เห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กู้เงินในประเทศ ในกรอบวงเงิน 5,848 บาท เพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับการลงทุนในแผนงานระยะยาว จำนวน 5 แผนงาน คือ 1.แผนงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ระยะที่ 3 วงเงิน 5,686.96 ล้านบาท 2.แผนงานบำรุงรักษาอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้า ประมาณ 492 ล้านบาท 3.แผนงานการจัดการทรัพย์สินระบบจำหน่ายไฟฟ้า ประมาณ 561 ล้านบาท 4. แผนงานขยายโครงข่ายระบบสื่อสาร SDH และสายเคเบิลใยแก้วนำแสง ประมาณ 496 ล้านบาท และ 5.แผนงานออกแบบจัดหาพร้อมติดตั้ง IP Core Network ประมาณ 565 ล้านบาท

ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับว่าขอให้เป็นการใช้งบประมาณของ กฟภ.เอง ไม่เกี่ยวกับงบประมาณของรัฐ ในขณะที่ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เห็นว่า หากโครงการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการสร้างระบบสายส่ง อยากให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หารือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระบบกันตามแนวทางที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายไว้ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพลังงานทำงานเชื่อมโยงกันแบบบูรณาการ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาไฟฟ้าดับแบบที่เกิดขึ้นในภาคใต้เกิดขึ้นซ้ำอีก ซึ่ง นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่ขัดข้อง ท่านนายกฯ จึงเสริมว่า ในการหารือของทั้งสองกระทรวง ขอให้มีการเชื่อมโยงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานทั้งระบบ ทั้งเรื่องการไฟฟ้า และการประปา

ร.ท.หญิง สุณิสา แถลงอีกว่า ครม.ยังเห็นชอบสนับสนุนการพัฒนาระบบสถิติของประเทศ โดยให้ส่วนราชการทุกกระทรวงทบวงกรม นำแผนพัฒนาสถิติรายสาขา เช่น ตัวเลข GDP ข้อมูลทางสถิติของประชากร เช่น รายได้ หรือหนี้สินครัวเรือน เป็นต้น เข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติราชการและคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้มีการจัดสรรงบประมาณในการจัดทำข้อมูลสถิติให้หน่วยงานภาครัฐอีกด้วย ทั้งนี้ น.ส ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เห็นว่าการจัดทำข้อมูลทางสถิติและรวบรวมตัวเลขของหน่วยงานต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ ในลักษณะของฐานข้อมูลกลาง ถือเป็นสิ่งสำคัญ และมีความจำเป็นสำหรับการพัฒนาระบบให้บริการแบบ E-Government

ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมประเทศเข้าสู่ยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มอบนโยบายให้ทุกส่วนราชการ พัฒนาลักษณะ หรือขอบเขตการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้านสถิติให้เป็นมากกว่าการรวบรวม หรือจดบันทึกสถิติ แต่ให้เพิ่มการวิเคราะห์ประมวลผลด้วย จะได้เป็นการเพิ่มองค์ความรู้ให้กับส่วนราชการและเป็นการเพิ่มคุณค่าของเนื้องาน ทั้งยังสร้างความท้าทายในการทำงานและเป็นการสร้าง career path ให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐอีกทางหนึ่งด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น