xs
xsm
sm
md
lg

สุภา ปิยะจิตติ Last Woman Standing , another man creeps and crawls

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสาวสุภา ปิยะจิตติ
ใครๆ ก็บอกว่า นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เก่ง

เก่งตรงที่ยังสามารถ อยู่ในตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นปลัดที่ได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีนายกรณ์ จาติกวณิช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อปี 2553

หนึ่งปีกว่าๆ เกือบจะสองปีแล้ว ที่รัฐบาลยิงลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศมา แต่เก้าอี้ของนายอารีพงศ์ ก็ยังมั่นคง แข็งแรง เพราะเป็นคนที่อยู่เป็น รู้ว่าจะอยู่อย่างไร ทำงานอย่างไร ให้เข้าขากับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ตอนที่นายอารีพงศ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงการคลัง เมื่อปี 2553 นั้น แม้ว่า อาวุโสยังไม่ถึง แต่ก็ไม่มีเสียงติฉินนินทา เพราะประวัติด้านการศึกษาหน้าที่การงานนั้นโดดเด่นดูดีมาตลอด การเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้นนอกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังแล้ว ยังมีตำแหน่งข้าราชการระดับสูงอีกหลายตำแหน่งที่นายกรณ์ตัดสินใจเลือกคนรุ่นใหม่มารับตำแหน่ง ด้วยหวังว่าจะเป็นเลือดใหม่ของกระทรวงการคลังที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดขึ้นได้

แต่แล้ว กาลเวลาก็พิสูจน์คนในเวลาไม่นานนัก เมื่ออำนาจเปลี่ยน คนหนุ่มไฟแรง การศึกษาดี รสนิยมเก๋ ดื่มไวน์ คาบไปป์ ตีกอล์ฟ ก็พิสูจน์ตัวเองให้สังคมได้เห็นว่า คนที่เรียนเก่ง เรียนสูง จบปริญญาตรี โท เอก จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของฝรั่ง ก็พร้อมที่จะเปลี่ยนสี แปรธาตุ รับใช้นักการเมือง เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองได้ทันที

ข้าราชการกระทรวงการคลัง ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมา เคยมีจุดยืนที่มั่นคงทั้งในแง่วิชาการ และวิชาชีพ มาถึงยุคนี้ ไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ฉีกวินัยการคลัง นำพาประเทศชาติเดินเข้าสู่กับดักแห่งหนี้

สำหรับคนที่ยึดมั่นในการทำหน้าที่ข้าราชการอย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา อย่างนางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง กลับถูกนายอารีพงศ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา “ จัดให้” สนองคำบัญชาของนักการเมือง โยกย้ายออกจากการทำหน้าที่ที่คอยดูแลรายรับรายจ่าย หนี้สินของประเทศ ว่ามีสถานะอย่างไรแล้ว ไปอยู่ตรงที่ทีไม่มีอะไรให้ทำเป็นชิ้นเป็นอัน


ความผิดของนางสาวสุภามีประการเดียวคือ การพูดความจริง โดยไม่สนใจว่าจะกระทบต่อฝ่ายการเมือง แลไม่สนใจว่าจะกระทบกับตัวเองอย่างไร การพูดความจริงในฐานะประธานคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ที่ระบุว่า โครงการนี้ขาดทุนไปแล้ว 2.6 แสนล้านบาทนั้น ทำให้ช้างตายทั้งตัว ที่รัฐบาลกำลังเอาใบบัวปิดอยู่ ยิ่งส่งกลิน่นเน่าเหม็นออกมาาอย่างรุนแรง จนยากที่จะปฏิเสธว่า นี้คือ ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และหายนะของชาติ

การเป็นรองปลัดที่รับผิดชอบดูแลกรมบัญชีกลาง และสำนักบริหารหนี้สาธารณะของ น.ส.สุภา ยิ่งสร้างปัญหาให้กับรัฐบาล เพราะหน่วยงานทั้งสองหน่วยนี้ ก็เปรียบเสมือนนักบัญชี ที่เข้าถึงตัวเลขซึ่งแสดงถึงฐานะการเงิน รายรับ รายจ่ายที่แท้จริงของประเทศ

การสั่งย้ายนางสาวสุภาออกจากการทำหน้าที่ดูแลกรมบัญชีกลาง และสำนักบริหารหนี้สาธารณะไปดูแลงานของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ก็เหมือนการปิดปากนักบัญชี ไม่ให้คอยรายงานฐานะการเงินที่แท้จริงต่อผู้ถือหุ้น ไล่ให้ไปเป็นแม่บ้านแทน

แน่นอนว่า งานนี้เป็นใบสั่งของรัฐบาลที่ต้องการปิดปากนางสาวสุภา และอาจจะเลยเถิดไปถึงการใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุ ตกแต่งบัญชีให้สวยงามกว่ากว่าเป็นจริง อย่าคิดว่ารัฐบาลนี้ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนนี้ไม่กล้าทำ อะไรก็ได้ที่ทำให้รอดตัวไปวันๆ กิตติรัตน์ทำได้ทั้งนั้น ทั้งปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ ก็พร้อมจะรับนโยบายไปปฏิบัติเพื่อความอยู่รอด เพื่อความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่

ติดอยูตรงที่รองปลัดฯ ซึ่งกำกับดูแลสองหน่วยงานนี้ ที่มีฉายาว่า มือปรายไม้บรรทัด เป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการทางวิชาการ และวิชาชีพ ไม่กลัว และไม่ยอมสยบต่อความไม่ถูกต้อง จึงต้องถูกย้ายไปทำหน้าที่อื่น อธิบดีกรมบัญชีกลาง และ ผอ. สำนักบริหารหนี้สาธารณะจะได้ทำงานได้สะดวกใจ

คำสั่งปลัดกระทรวงการคลังที่สับเปลี่ยนหน้าที่ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง จากเดิมที่ดูแลกรมบัญชีกลาง และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ไปรับผิดชอบ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ลงวันที่ 27 พ.ค. 2556 ที่ลงนามโดยนายอารีพงศ์ เป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า ทำไมนายอารีพงศ์ จึงอยู่ในตำแหน่งได้อย่างเหนียวแน่น และมีโอกาสสูงมากที่จะได้เป็นต่ออีวาระหนึ่ง

เพราะสิ่งที่เป็นความต้องการของ “โต้ง” “ตุ้ม” ไม่กล้าปฏิเสธ แม้ว่าจะต้องฆ่าผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ทำงานเก่ง ทำงานดี ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของแผ่นดิน ก็ตาม

ระหว่าง “ สันดานธาริต” กับ “นิสัยอารีพงศ์” เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ?

กำลังโหลดความคิดเห็น