xs
xsm
sm
md
lg

3 ปมชำแหละงบฯ 57 บริหารเหลว-ลุอำนาจ-โกง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิตติรัตน์ ณ ระนอง
รายงานการเมือง

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 วงเงิน 2,525,000 ล้านบาท ที่จะมีการประชุมด้วยกันทั้งสิ้น 3 วัน คือ 29-31 พ.ค.นี้ เขี่ยลูกเปิดสนามกันตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้

เบื้องต้นฝ่ายค้านวางกรอบไว้แล้วว่าจะส่ง ส.ส.ของพรรคขึ้นอภิปรายชำแหละงบดังกล่าวโดยมุ่งไปใน 3 กรอบหลัก คือ

1. ความล้มเหลวในการบริหารประเทศและใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลชุดนี้ผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปีก่อนหน้านี้

2. ปัญหารการทุจริตและการวางกรอบเงินงบประมาณแบบอาจจะส่อให้มีการเปิดช่องทุจริต

3. การใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อนำไปสู่การใช้อำนาจในทางมิชอบ

ฟากรัฐบาล พรรคเพื่อไทยก็มี ส.ส.ขอใช้สิทธิ์อภิปรายมากพอควร คือ 35-40 คน แต่ท่วงทำนองการอภิปรายของ ส.ส.รัฐบาล จะออกไปในแนวเชลียร์-สอพลอ กันเป็นหลัก คนเลยไม่ค่อยสนใจมากเท่าการอภิปรายของฝ่ายค้าน แต่เชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลคงไม่ปล่อยให้ฝายค้านอภิปรายพาดพิงถึงทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หากแหลมมาคงมีการประท้วงกันแน่นอน

ไฮไลต์ที่หลายคนเฝ้ารอติดตามก็คงเป็นการลุกขึ้นอภิปรายของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ตามข่าวบอกว่าแม้จะพยายามเปิดเวทีให้ ส.ส.รุ่นใหม่ๆ ของพรรคขึ้นมาแสดงบทบาทในการอภิปรายครั้งนี้ แต่หากดันแต่พวกรุ่นใหม่ที่ลีลาการอภิปรายหรือการเตรียมข้อมูลยังไม่แน่นพอก็อาจทำให้การอภิปรายจืดชืดไปได้

หรือหากจะอภิปรายโดยเอาแต่เรื่องประเด็นการเมืองมาพูด โยงไปถึงการตั้งวงเงินงบประมาณของกระทรวงต่างๆ โดยไม่มีเหตุผลเชื่อมโยงที่ดีพอ แต่มุ่งซัดรัฐบาลรวมถึงขั้นลากยาวไปถึงทักษิณ ชินวัตร-เสื้อแดงมากไป แม้อาจถูกใจแม่ยก-กองเชียร์พวกไม่ชอบรัฐบาลแต่ก็อาจไม่เป็นผลดีเช่นกัน

เพราะจะกลายเป็นทำให้ผู้คน จำนวนหนึ่งที่อยากดูพรรคประชาธิปัตย์ที่กำลังอยู่ในกระแสการเรียกร้องให้มี การปฏิรูปพรรคมองว่าข้ามไม่พ้น-ติดหล่มทักษิณ ชินวัตร

เลยทำให้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องวางแผนกันพอสมควรเพื่อให้เวทีอภิปราย งบฯ 57 ประชาธิปัตย์ต้องได้แต้มไม่ใช่เสียแต้ม

ทำให้มีข่าวว่าแกนนำปชป.ต้องปรับทัพกันหลายรอบเหมือนกันกว่าจะลงตัว เพื่อให้เวลาที่ฝ่ายค้านได้มา 15 ชั่วโมงแต่มี ส.ส.ฝายค้านลำพังแค่ประชาธิปัตย์พรรคเดียวก็ร่วม 70 คนเข้าไปแล้ว ไหนจะพรรคภูมิใจไทยอีก เฉลี่ยแล้วหากจัดคิวให้ทุกคนได้พูดหมดก็จะอภิปรายกันได้แค่คนละไม่กี่นาที

แค่พูดเกริ่นเข้าเรื่องกว่าจะอภิปรายเข้าประเด็นทุบไปที่การตั้งงบฯ 57 ว่า ตั้งงบซ่อนเงื่อน-ส่อเปิดช่องให้มีการทุจริตซ้ำรอยงบประมาณปีก่อนๆ และตั้งงบทำโครงการโดยอาจมีการรั่วไหลหรือตั้งข้อสังเกตุอาจเป็นงบสูญเปล่า สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน

โดยยกตัวอย่างการใช้จ่ายงบประมาณของแต่ละกระทรวง ที่ล้มเหลว มีการใช้เงินผิดพลาด เวลาก็แทบหมดแล้ว อาจทำได้แค่แตะๆ แต่ลงลึกทุบไปที่กล่องดวงใจของการตั้งงบในแต่ละกระทรวงและบางโครงการได้ไม่ เต็มที่

ซึ่งจะทำให้การอภิปรายจืดชืด ไม่สามารถใช้โอกาสที่ดีที่สุดแบบนี้มาเรียกเรตติ้งให้ฝ่ายค้านได้ มันจะเสียของหมด ปชป.จึงคุยกันหลายรอบพอสมควรเพื่อเซ็ตทีมอภิปรายให้ทุกอย่างออกมาลงตัวมากที่สุด

ในส่วนของรุ่นใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ตามข่าวบอกว่าคงไม่ขึ้นเวทีอภิปรายมากนัก คงส่งระดับกลางๆ ปนมากับพวกรุ่นใหม่ๆ ประเภท ส.ส.1-2 สมัย ขึ้นเวทีเป็นหลัก

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีตัวชูโรงเลย เพราะก็มีระดับคีย์แมนของพรรคหลายคน จะขึ้นมาอภิปรายด้วย อย่างภาพรวมการอภิปรายเรื่องการตั้งงบประมาณโดยเฉพาะการตั้งงบในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลในงบฯ 57 ก็จะมี กรณ์ จาติวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมขึ้นเวที

และน่าจะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่คงมีการเชือดเฉือนคารม-ข้อมูลกันกลางสภาฯกับหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้คือกิตติรัตน์ ณ ระนองรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง หลัง “กรณ์” สาดใส่รัฐบาลและ “กิตติรัตน์” ไปหลายดอกผ่านการโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวหลายต่อหลายเรื่อง

คาดว่า “กรณ์” คงลากเอาเรื่องที่โพสต์ในเฟซบุ๊กของตัวเองในช่วงที่ผ่านมามาซัด “กิตติรัตน์” แบบรีเพลย์เทปซ้ำกันอีกรอบกลางสภา ทั้งเรื่องการทวงถามความรับผิดชอบกรณีที่เคยบอกว่ารัฐบาลชุดนี้จะไม่ทำให้ภาครัฐเกิดการสูญเปล่าในการนำเงินไปทำโครงการรับจำนำข้าว แต่ปรากฏว่าเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวว่า คณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตร ของกระทรวงการคลัง ได้สรุปว่าโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล ขาดทุนไปแล้ว 206,000 ล้านบาท บวกกับค่าบริหารจัดการการเก็บข้าวโดยกระทรวงพาณิชย์อีก 33,000 ล้านบาท และการเสื่อมค่าของข้าวที่เก็บไว้อีก 20,000 ล้านบาท รวมแล้วขาดทุน 260,000 ล้านบาท

เดาไว้ก่อนว่า “กรณ์” ที่เป็นคนเปิดประเด็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองในกระทรวงการคลังแขวนไม่ให้สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลังซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลัง ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความตรงไปตรงมา ที่ก่อนหน้านี้เคยดูแลกรมบัญชีกลาง และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) แต่ให้มากำกับดูแลสำนักงานปลัดกระทรวง (สป.) และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)แทนอันจะทำให้ไม่ต้องเข้ามาดูแลเรื่องโครงการรับจำนำข้าวที่ “สุภา” เป็นประธานคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตร ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ได้สรุปว่ามีการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว 260,000 ล้านบาท ที่ทำเอาคนในรัฐบาลและกระทรวงการคลังหน้าชาไปพอสมควร

แต่ “กิตติรัตน์” อ้างว่าการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ความรับผิดชอบดังกล่าวเป็นการตัดสินใจของอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ไม่เกี่ยวอะไรกับ รมว.คลัง

“คุณกรณ์เป็นอดีต รมว.คลังไปแล้ว มีอะไรไปพูดจากันในสภา”

ท้ากันแบบนี้ คู่ที่หลายคนจับตามองในศึกอภิปรายงบฯ 57 คงไม่พ้น กิตติรัตน์-กรณ์ เป็นแน่แท้

ขณะที่หลายเรื่องที่ฝ่ายค้านเตรียมลากไปเป็นประเด็นสับรัฐบาลกลางสภาฯ พบว่าหลายเรื่องหลากประเด็น-ข้อมูล ตกผลึกในเขียงหมดแล้ว เหลือรอเอามีดที่ลับไว้มาสับๆๆ เท่านั้น เช่น เรื่องการซ้ำแผลเก่า ความเน่าเฟะในโครงการรับจำนำข้าว ที่จะนำทีมโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก-ประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา หรือการบริหารงานที่ผิดพลาดในการแก้ปัญหาภาคใต้ที่คาดว่าจะนำทีมโดย เจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น

เรื่องหนึ่งที่คาดว่า ปชป.คงวางน้ำหนักไว้มากเป็นพิเศษเพราะตรงกับความเดือดร้อนของประชาชนเวลานี้ อภิปรายแล้วคงถูกใจประชาชนมากเป็นพิเศษ คือเรื่องปัญหาสินค้าราคาแพงโดยเฉพาะไข่ไก่ที่บางขนาดข่าวว่าฟองละ 4 บาทแล้วในเวลานี้ ในช่วงการอภิปรายงบของกระทรวงพาณิชย์

ที่เป้าหลักคงพุ่งไปที่ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์
กรณ์ จาติกวณิช
กำลังโหลดความคิดเห็น