“อภิสิทธิ์” ควง “อลงกรณ์” แถลงปฏิรูปประชาธิปัตย์ สยบข่าวล่ม ชี้สถานการณ์อาจมีเลือกตั้งใหม่ปีนี้ รับต้องปรับปรุงเพื่อชัยชนะ ระบุต้องทำทั้งระบบให้มืออาชีพช่วย สั่งตั้งทีมชงโครงสร้างเข้าที่ประชุม กก.บห.ใน 30 วัน คาดเสร็จใน 3 เดือน เน้นอุดมการณ์ 10 ข้อ ลั่นไม่กระทบสอบรัฐ ด้าน “จ้อน” ย้ำไม่ขัดแย้ง จ่อเคลียร์ “ชวน” เสียงอ่อยไม่ต้องเอาพิมพ์เขียวตนเป็นหลักก็ได้ พร้อมสงบเสงี่ยมไม่ทวีตบ่อย พร้อมเคารพมติพรรค
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค นายนราพัฒน์ แก้วทอง นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ กรรมการบริหารพรรค ร่วมกันแถลงผลการประชุมกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 13 พ.ค.
นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า ทีต้องมีการเลื่อนการแถลงข่าวจากวันที่ 14 พ.ค.เป็นเพราะนายอลงกรณ์ติดภารกิจในวันดังกล่าว ทั้งนี้ในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ตนได้กำหนดวาระการประชุมเป็นเฉพาะเกี่ยวกับแนวทางการบริหารพรรค ซึ่งกรรมการบริหารพรรคหารือต่อเนื่องมาหลายครั้ง รอให้ปิดสมัยประชุมเพื่อพิจารณาเป็นการเฉพาะในการประชุม โดยการทำงานของพรรคในปัจจุบันมีเป้าหมายในการพัฒนาพรรคในฐานะเป็นสถาบันการเมืองอย่างต่อเนื่อง และตระหนักในภาระฝ่ายค้านและเป็นทางเลือกสำหรับการเป็นรัฐบาลต่อไปในอนาคตด้วย ดังนั้นการทำงานจึงต้องรองรับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันควบคู่กับการพัฒนาการเมืองในอนาคต
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า โดยเห็นว่าปัจจุบันสถานการณ์การเมืองมีความขัดแย้งที่พรรคยังต้องตรวจสอบเข้มข้น มีบทบาทในหลายเรื่อง และยังวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า สถานการณ์ปัจจุบันมีความเป็นไปได้ว่าการเลือกตั้งอาจมีภายในปีนี้ จึงต้องเตรียมความพร้อมทั้งในสถานการณ์ปัจจุบันและการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายว่าเราต้องการชัยชนะ เป็นโจทย์ของกรรมการบริหารพรรค จึงพิจารณาว่าต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ปฏิรูปอย่างเป็นระบบ โดยกรอบความคิดที่มีการเสนอมานั้นพรรคเห็นพ้องต้องกันว่า ต้องปรับปรุงการดำเนินการในลักษณะที่เป็นองค์รวม เชื่อมโยงกันทั้งเรื่องโครงสร้างพรรคที่มีความจำเป็นต้องปรับให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งระบบการบริหารพรรคที่ต้องเสริมความเข้มแข็งพรรคได้ เปิดกว้างให้มีบุคคลที่เป็นมืออาชีพเข้ามาช่วยงานได้ รวมถึงวิธีการทำงานของบุคลากรและกลไกของพรรค ซึ่งมีหลากหลายหน้าที่
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเสนอเปลี่ยนแปลงปรับปรุงพรรคยังมีความเห็นหลากหลาย เช่น เรื่องโครงสร้างว่าการบริหารในส่วนยอดของกรรมการบริหารพรรคจะปรับปรุงอย่างไร หรือ โครงสร้างในพื้นที่ควรมีสายงานหรือโครงสร้างอย่างไร แต่โดยสรุปแล้วเห็นตรงกันว่าการปรับปรุงในเรื่องนี้ให้ยึดประสิทธิภาพเป็นหลัก เน้นความยืดหยุ่น เปิดกว้าง กระชับ คล่องตัว จึงเห็นว่าจะมอบหมายให้มีคณะบุคคลทำงานนำเสนอโครงสร้าง แนวทางการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงภายใน 30 วัน ให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณา ซึ่งคณะทำงานจะรับฟังบุคลากรในพรรคให้เป็นต้นแบบในการเสนอกรรมการบริหารพรรคพิจารณา โดยเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะกระทบถึงการแก้ไขข้อบังคับพรรค ที่ต้องผ่านการประชุมใหญ่ของพรรค ดังนั้นเมื่อผ่านกรรมการบริหารพรรคแล้วต้องเสนอต่อที่ประชุม ส.ส.หากจำเป็นก็ต้องเสนอที่ประชุมใหญ่จะทำให้เสร็จภายใน 3 เดือน
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความเห็นหลากหลายแต่บรรยากาศของกรรมการบริหารพรรคเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จากนี้ไปกระบวนการนี้จะเดินหน้า จึงอยากให้สื่อมวลชนเข้าใจถึงมติและทิศทางในการดำเนินการ และขอความกรุณาว่าในระหว่างการทำงานช่วงนี้ไม่อยากให้เกิดความสับสน ไขว้เขว ขอให้ทุกฝ่ายรอข้อยุติที่จะใน 30 วันข้างหน้า โดยขอให้ความมั่นใจว่าทุกข้อเสนอที่เข้ามามีเป้าหมายเดียวกัน คือผลักดันอุดมการณ์พรรค 10 ข้อ ให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง ไม่มีอะไรกระทบภารกิจตรวจสอบรัฐบาลที่จะทำอย่างเข้มข้น พร้อมๆ กับการเสนอตัวเป็นทางเลือกในการบริหารประเทศในอนาคตด้วย
นายอภิสิทธิ์ระบุว่า ยังไม่เปิดเผยตัวคณะทำงานที่จะพิจารณาแนวทางปฏิรูปพรรค โดยขอว่าให้เป็นเรื่องภายในเพราะไม่อยากให้เพิ่มความสับสน เนื่องจากเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่คิดจะทำอะไรแต่อยู่ที่เราจะทำอะไร เพื่อให้ได้ข้อยุติเป็นรูปธรรมออกมา เพราะการปฏิรูปไม่ได้ทำเพื่อพรรค แต่ปฏิรูปเพื่อให้พรรคเป็นกลไกที่เข้มแข็งสำหรับสังคมและบ้านเมือง โดยไม่ได้ต้องยึดร่างพิมพ์เขียวของนายอลงกรณ์เป็นหลัก เพียงแต่นายอลงกรณ์เห็นว่าการเริ่มต้นทำต้องมีจุดตั้งต้น แต่ในการพิจารณาในกรรมการเห็นตรงกันว่ามีความเห็นหลากหลาย พรรคจะเปิดกว้าง รับฟังทุกข้อเสนอ พิมพ์เขียวของนายอลงกรณ์จึงไม่ใช่ข้อยุติ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงต้องครอบคลุมเรื่องโครงสร้างการบริหาร วิธีการทำงานของกลไก บุคลากรของพรรค ต้องทำแบบองค์รวม ข้อเสนอปลีกย่อย เช่น โครงสร้างเป็นอย่างไรถือเป็นรายละเอียด งานนี้เป็นงานของพรรคไม่ใช่งานของบุคคลในองค์กรอยู่แล้ว อยากให้เป้าหมายคือความสำเร็จของงานอะไรเป็นอุปสรรคต้องระมัดระวังเพราะอาจเกิดความสับสนได้ ดังนั้นต่อจากนี้ไปทุกคนจะต้องระมัดระวัง เพราะไม่อยากเห็นปัญหาเพิ่มขึ้น ตนมั่นใจว่าทุกคนที่ต้องการเห็นพรรคเดินไปข้างหน้าทราบดีว่างานใหญ่คืออะไร ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ต้องรวมพลังกันจริงๆ โดยไม่เสียสมาธิในการทำงานหลักที่ต้องตรวจสอบรัฐบาลพร้อมกับการปฏิรูปพรรค เพราะบุคลากรพรรคมีความหลากหลายพอที่จะทำงานนี้ ในขณะที่คนทำหน้าที่ในการตรวจสอบสถานการณ์ก็สามารถทำหน้าที่ได้เต็มที่ โดยโจทย์ของพรรคที่ต้องหาคำตอบมีความซับซ้อน เนื่องจากการเมืองไทยยังไม่เป็นการเมืองที่เป็นมาตรฐานสากลจริงๆ มีข้อจำกัดหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเปิดพื้นที่สื่อหลัก ทั้งนี้ ยืนยันว่าพรรคไม่ได้หยุดอยู่กับที่ เพราะหากเป็นเช่นนั้นเราคงไม่มีคะแนนเสียงเพิ่มเป็น 11-12 ล้าน จาก 7 ล้าน ทุกอย่างมีวิวัฒนาการ จึงต้องมองไปในอนาคตโดยเก็บเกี่ยวบทเรียนในอดีตมาชี้อนาคตว่าควรเป็นอย่างไร
ด้านนายอลงกรณ์กล่าวว่า อาจมีการตีความคำสัมภาษณ์ของตนผิดไปว่าต้องยึดพิมพ์เขียวของตัวเอง ทั้งนี้ต้องขอบคุณหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคที่เดินหน้าปฏิรูปพรรค ส่วนที่เสนอพิมพ์เขียวไปนั้นก็เป็นเพียงหนึ่งความคิด เพราะยังมีของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรคด้วย จึงไม่คิดว่าข้อเสนอของตัวเองดีที่สุดหรือเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งกระบวนการต่อจากนี้ไปควรเป็นกระบวนการภายใน มีคณะทำงานประมวลรวบรวมให้โอกาสเปิดกว้าง ทำภายใน 30 วันเสนอกรรมการบริหารพรรคไม่ต้องเอาร่างของตนเป็นหลัก ทั้งนี้จากนี้ไปก็คงจะมีการทวิตเตอร์เกี่ยวกับการปฏิรูปพรรคเท่าที่จำเป็น โดยยืนยันว่าเป็นคนรักษาวินัยพรรค ไม่ว่ากรรมการบริหารพรรคมีมติอย่างไร ก็จะให้ความเคารพและรักษาวินัยพรรค
ทั้งนี้ นายอลงกรณ์เปิดเผยก่อนแถลงข่าวร่วมกับนายอภิสิทธิ์ โดยยืนยันการประชุมกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมาไม่ได้มีความขัดแย้ง แต่เหตุที่ยกเลิกการแถลงข่าวในวันที่ 14 พ.ค.เพราะติดธุระกับครอบครัว แต่วันนี้พร้อมแถลง โดยได้นำเอกสารพิมพ์เขียวจำนวน 30 หน้ามาเปิดเผย ซึ่งหลังจากนี้จะนำเสนอต่อที่ประชุม ส.ส.ในวันที่ 21 พ.ค.นี้เพื่อให้ ส.ส.พิจารณาและเสนอความเห็นกลับมาเหมือนการแปรญัตติกฎหมายภายใน 15 วัน จากนั้นจะรวบรวมความเห็นให้ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคพิจารณาต่อแล้วเสนอที่ประชุมใหญ่ของพรรคพิจารณาต่อไป ยืนยันไม่ได้ความขัดแย้ง เพียงแต่เป็นความเห็นที่แตกต่าง และมี ส.ส.บางคนไปบิดเบือนข้อเท็จจริงว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ไม่เห็นด้วยกับแนวทางปฏิรูปครั้งนี้ โดยอ้างว่าเป็นการเปลี่ยนจุดยืนของพรรคและเป็นเรื่องประชานิยม ซึ่งยืนยันว่าไม่จริง เพราะเป้าหมายของการปฏิรูปพรรคคือ ความเป็นประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ และต่อต้านการคอรัปชั่น ไม่เกี่ยวข้องกับประชานิยม มีเพียงการเสนอให้มีสำนักวิจัยนโยบายและยุทธศาสตร์ประเทศ ไม่ใช่ทำเฉพาะตอนช่วงที่มีการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม หลังจากการแถลงข่าวแล้วจะนำเอารายละเอียดทั้งหมดไปหารือกับนายชวน เพื่อทำความเข้าใจ และยืนยันว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่ของพรรค ไม่ใช่จำกัดในวงกรรมการบริหารพรรคเพียง 19 คน